Xiaomi ยังคงเป็นแบรนด์ที่ต้องบอกว่ามีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ที่ชัดเจนมากคือเรื่องของงานออกแบบรวมถึงกล้อง ที่ในยุคก่อนๆนั้นกล้องของค่ายนี้อาจจะไม่ได้เทพหรือหวือหวามากนัก แต่เมื่อมาในยุคนี้บอกเลยว่ากล้องมีการพัฒนาขึ้นหลากหลายเท่าตัวครับ รวมถึงสเปกส่วนอื่นๆ ลำโพง งานประกอบ หรือว่าจะเป็นหน้าจอหลายๆอย่างนั้นปรับพัฒนาขึ้นเช่นกัน ทางด้าน Xiaomi Mi 11 รุ่นนี้เป็นเรือธงตัวล่าสุดที่เข้ามาขายในไทย พร้อมกับเปิดตัววันที่ 25 ก.พ. แล้วนั้นเอง ในรุ่นนี้ต้องเรียกได้ว่าเป็นเรือธงที่เน้นงานถ่ายวีดีโอ งานถ่ายภาพนิ่งขึ้นเยอะมากจริงๆ และสเปกที่ให้มาทั้ง Snapdragon 888 หรือจะเป็นกล้องหลัง 108MP ก็จัดเต็มมากขึ้นชัดเจนเลยทีเดียว ไปอ่านรีวิวกันได้เลย
ตัวสมาร์ตโฟนมาพร้อมกับหน้าจอ E4 AMOLED ขนาด 6.81 นิ้ว ที่มีขอบโค้งและรีเฟรชเรท 120Hz อีกทั้งยังมีความถี่การตอบสนอง 480Hz และรองรับ MEMC นอกจากนี้ตัวหน้าจอยังใช้กระจก Gorilla Glass Victus ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนและการตกพื้นมากขึ้น อีกทั้งตัวหน้าจอยังได้รับเรทติ้ง A+ ในการประเมินของ DisplayMate ภายในตัวเครื่องใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 888 5nm, RAM LPDDR5 8GB และระบบระบายความร้อนแบบ VC LiquidCool ในส่วนของกล้องหลังมีจำนวน 3 ตัวประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 108MP + กล้อง ultra-wide 12MP + กล้องเทเลมาโคร 5MP ที่มีขนาด 50nm นอกจากนี้ตัวเครื่องด้านหลังทำมาจากกระจก และแบตเตอรี่ความจุ 4,600 mAh ที่รองรับชาร์จเร็วแบบมีสาย 55W ที่สามารถชาร์จสมาร์ตโฟนจนเต็มได้ในเวลา 45 นาที และรองรับชาร์จไร้สาย 50W และรองรับ reverse charging แบบไร้สาย 10W และแน่นอนว่าในไทยนั้นก็แถมทั้ง เคสใส ตัวแปลง 3.5 มม. และ หัวชาร์จไวก็ใส่เข้ามาให้ทั้งหมด ไม่ได้ตัดออกไปไหนใน เวอร์ชันที่ขายครับ
ทางด้านราคานั้น XIAOMI MI 11 5G ที่ขายในไทยนั้นเปิดราคาเริ่มต้นที่ 21,990 บาท มาพร้อมกับสี HORIZON BLUE และ MIDNIGHT GREY
UNBOX
อุปกรณ์ในกล่องนั้นเราจะเห็นข่าวก่อนหน้านี้ที่จะไม่มีการแถมอะไรมาให้เลยนอกจาก สายชาร์จ และแน่นอนว่าในไทยนั้นมีการเปลี่ยนแปลงและรวมถึงทั่วโลกเช่นกันครับทำให้ยังคงมีทั้ง Adaptor ตัวแปลง หูฟัง หรือ เคสใสให้มาด้วย
- ตัวเครื่อง XIAOMI MI 11
- เคสใส XIAOMI MI 11
- ตัวแปลง 3.5 มม.
- Adaptor ชาร์จไฟ 50W
- สาย USB-A ไป USB-C
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- ฟิล์มกันรอยติดตั้งมาให้บนหน้าจอ
ก็ถือว่าเป็นข่าวดีในไทยและคนที่กำลังดูเราจะได้อุปกรณ์เต็มๆกล่องทั้งหัวชาร์จ 50W และ ตัวแปลง USB-C ไป 3.5 มม. รวมถึง เคสใส และ แน่นอนว่ามีฟิล์มติดมาให้ แต่ส่วนตัวยังไงไม่ชอบขากลมแบบที่ Xiaomi ชอบให้มาเท่าไร
ตัวเคสของทาง Xiaomi นั้นยังคงมีความบางและไม่ปกป้องเลนส์หลังกล้องเช่นเดิมครับแอบน่าเสียดายจริงๆ โดยรวมนั้น ถือว่าปกป้องได้ระดับนึง แต่ตัวป้องกันหน้าจอและเลนส์กล้องนั้นจะไม่มีขอบพิเศษมาให้ คือจะปกป้องหน้าจอ หรือ เลนส์กล้องไม่ได้เลยนั้นเอง คือมันจะออกแบบมาเวลาวางคว่ำได้ไม่โดนเลนส์แต่ไม่ได้สูงออกมาเยอะมากเท่าไรนัก ที่จริงน่าจะมีขอบหนาขึ้นมากว่านี้ในการใช้งานน่าจะช่วยได้มากกว่านี้พอสมควร อาจจะไม่สามารถปกป้องหน้าจอได้เวลาวางคว่ำได้เท่าไรนัก ตัวขอบเคสมันไม่ได้มีความนูนสูงอะไรขึ้นมาแบบเยอะอะไรเท่าไรนักถ้ามองในการป้องกัน
แต่ยังดีที่ตามมุมเหมือนจะหนาขึ้นมานิดหน่อย มีการนูนขึ้นรอบๆและทำมุมพิเศษทั้ง 4 มุมครับ ส่วนด้านหลังตรงกล้องนั้นมีนูนขึ้นมาตามความนูนของโมดูลกล้องแต่ก็ไม่ปกป้องเลนส์กล้องหลังได้ดีเท่าที่ควร เวลาวางคว่ำพื้นผิวเรียบๆก็พอกันได้แต่ถ้าใช้งานติดฟิล์มอะไรเข้าไปก็จะนูนมาป้องกันไม่ได้ แต่ก็พอใช้งานชั่วคราวได้ ก่อนหาซื้อเคส
DESIGN
งานออกแบบนั้นมีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิมๆในเรื่องของตัวกล้อง รวมถึงเส้นสายการออกแบบรอบๆตัวกล้องเช่นเดียวกัน ดีไซน์ลงตัวมากขึ้นเป็นชิ้นเดียวกันมากขึ้น กล้องหลักขนาดใหญ่พร้อมกับ กล้องรอง 2 ตัวออกแบบอยู่ในโมดูลเดียวกันได้พอดี พร้อมกับการเล่นแสงสีเงาสวยงามตัดกับสีดำชัดเจน ฝาหลังแบบด้านกระจกคุณภาพสูงพร้อมกับการสะท้อนแสงสีได้กำลังดีครับในรุ่นที่เราได้จะเป็นสีดำ แต่ถ้าเจอแสงก็สะท้อนสวยงามและดูมีมิติมากขึ้นไปอีก หนัก 196 กรัม พร้อมกับหนา 8.06มม ครับ ส่วนหน้าจอมีความโค้งมากขึ้นขอบอะไรต่างๆโค้งมากกว่าเดิมชัดเจน
หน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.81 นิ้ว (3200×1440พิกเซล) Quad HD+, อัตราส่วน 20:9, HDR10, รีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1,500nit, อัตราส่วน contrast ratio 5000000:1, MEMC, 100% DCI-P3 Wide Color Gamut, ใช้กระจก Corning Gorilla Glass Victus ขอบหน้าจอโค้งมากขึ้น
ในด้านบนเราจะเห็นว่าองศามุมจอภาพนั้นมีความโค้งมากกว่าเดิมก็เป็นอีกจุดที่งานออกแบบนั้นแตกต่างจากรุ่นก่อนๆครับ ส่วนกล้องหน้าให้มามุมซ้ายบน และด้านบนนั้นซ่อนขอบลำโพงอะไรต่างๆได้เนียนตาและเว้าเอียงไปด้านบน ส่วนลำโพงหลักนั้นจะให้มาเป็นขอบเครื่องด้านบนและด้านล่าง ปรับเสียงจาก Harman/Kardon เลยทีเดียว
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นแน่นอนว่าจะหนากว่าปกติครับแต่ก็ถือว่าบางขึ้นจากรุ่นก่อนๆ ส่วนการควบคุมปุ่มนั้นปรับเปลี่ยนได้ทั้งหมดจะเป็นแบบปุ่มหรือท่าทางครับขอบเครื่องซ้ายขวา มีโค้งลงไปนิดๆให้พอสวยงามจับถนัดมากขึ้น
ขอบเครื่องในด้านขวา นั้นเราจะเห็นว่ามีตัวปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียงใส่เข้ามา พร้อมกับปุ่ม Power จะกินพื้นที่ขอบเครื่องมากกว่าเดิม และฝาหลังที่โค้งลงมาทำให้การจับถือนั้นถนัดกว่าเดิมไปด้วยเช่นกัน ในส่วนงานออกแบบข้างๆครับ
ส่วนขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นว่ามีความบางมากๆถ้าไม่มีปุ่มมาแทรก เพราะพื้นที่กระจกฝาหลังนั้นโค้งมาเยอะ
ขอบเครื่องในด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ามีเขียน Sound By Harman Kardon เสริมเข้ามา ข้างๆกับลำโพงหลัก และ จะเห็นไมค์ และ รู IR สำหรับการควบคุมแทนรีโมทนั้นเอง ขอบเครื่องเป็นการออกแบบปัดเงาสีเทาเงินสวยงามครับ
ในขอบเครื่องด้านล่างเราจะเห็นว่ามี ลำโพงอีกตัวใส่เข้ามาให้ และ ไมค์ รวมถึง USB-C และ ถาดซิมที่รองรับ Dual SIM แต่ไม่สามารถเพิ่ม Micro-SD อะไรให้นะครับ มาพร้อมกับซีลยางกันน้ำอะไรเรียบร้อยเพื่อป้องกันน้ำต่างๆครับ
ในรุ่นที่เราถ่ายรีวิวนั้นจะเป็นสีดำเทา หรือเรียกว่า Midnight Gray เป็นกระจกฝาหลังสีดำด้านพร้อมกับการเล่นแสงสะท้อนสีเงินสวยงามทำให้ดูมีมิติมากขึ้นเวลาไล่แสงเจอแสง แต่ถ้าไม่มีแสงอะไรนั้นก็จะเป็นสีดำด้านปกติเลยนั้นเอง ฝาหลังวัสดุกระจกทำให้ผิวสัมผัสเนียนมือและดูดีมากๆ การที่ทำขอบโค้งทำให้การจับถืออะไรนั้นสะดวกมากขึ้นไปอีกแต่น่าเสียดายว่าเลนส์กล้องนั้นมีความนูนมากขึ้น 2 ระดับ และ มีการเน้นเลนส์หลักมากขึ้นไปทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมา
กล้องหลังในรุ่นนี้ใช้งาน 3 เลนส์หลักๆ มาพร้อมกับเลนส์หลัก 108MP (f/1.85) ที่ใช้เซนเซอร์ Samsung ขนาด 1/ 1.33″, ขนาดพิกเซล 0.8μm, OIS + กล้อง ultra-wide 123° 13MP (f/2.4) + กล้องเทเลมาโคร 5MP (f/2.4), ถ่ายวีดีโอ 8k ได้ 30fps, ถ่ายวีดีโอ 4k ได้ที่ 60fps, ถ่าย slow-mo 960fps ได้ที่ 720p, LED flash แต่ขอบ่นหลักๆเลยการไม่ใส่ Tele ระยะไกลมาให้ ทำให้การซูมนั้นถือว่าทำได้ไม่ดีเท่าไร รวมถึงไม่มี Periscope อะไรเข้ามาเลยครับ ระยะ 2X เป็นต้นไปเลยยังไม่ดีเท่าไรนัก ส่วนคุณภาพจะเป็นยังไงไปชมกันเลยครับ
SPEC
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.81 นิ้ว (3200×1440พิกเซล) Quad HD+, อัตราส่วน 20:9, HDR10, รีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1500nit, อัตราส่วน contrast ratio 5000000:1, MEMC, 100% DCI-P3 Wide Color Gamut, ใช้กระจก Corning Gorilla Glass Victus
- สเปกของ Snapdragon 888 5nm
- การ์ดจอ Adreno 660
- RAM LPPDDR5 3200MHz 8GB + ความจำ (UFS 3.1) 128GB / 256GB, RAM LPPDDR5 3200MHz 12GB + ความจำ (UFS 3.1) 256GB
- ซิมคู่ (nano + nano)
- Android 11 ครอบด้วย MIUI 12
- กล้องหลัง 108MP (f/1.85) ที่ใช้เซนเซอร์ Samsung ขนาด 1/ 1.33″, ขนาดพิกเซล 0.8μm, OIS + กล้อง ultra-wide 123° 13MP (f/2.4) + กล้องเทเลมาโคร 5MP (f/2.4), ถ่ายวิดิโอ 8k ได้ 30fps, ถ่ายวีดีโอ 4k ได้ที่ 60fps, ถ่าย slow-mo 960fps ได้ที่ 720p, LED flash
- กล้องหน้า 20MP (f/2.4), ขนาดพิกเซล 0.8μm
- เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ (ที่มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับอัตราการเต้นหัวใจ), เซนเซอร์อินฟราเรด
- คุณภาพเสียง Hi-Res, ลำโพงคู่, ระบบเสียงโดย Harman Kardon
- ขนาดตัวเครื่อง: 164.3x 74.6 x 8.06mm (บอดี้กระจก)/8.56mm (บอดี้หนัง); Weight: 196g (glass) / 194g (leather)
รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6E 802.11 ax 8 x / MU-MIMO, Bluetooth 5.1, GPS (L1 + L5), NFC
- ใช้พอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4600mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 55W (QC4+ / QC3+ / PD3.0), ชาร์จไร้สาย 50W, reverse charging แบบไร้สาย 10W
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้แน่นอนว่าการใช้งาน Snapdragon 888 ทำให้ในเรื่องของคะแนนนั้นทำได้ดี ทำคะแนนไปได้ 676303 คะแนนและทางด้าน Geekbench นั้นทำคะแนนได้ 1104/3336 ส่วนทางด้าน Androbench นั้นทำไปได้สูงมากๆในการอ่านเขียน อ่านทะลุ 1600MB/s ไปแล้วพร้อมกับเขียน 754 MB/s ก็ถือว่าเร็วแรงใช้งานได้ดี และแน่นอนว่ารองรับการดู NETFLIX HDR อะไรเต็มที่แน่นอนครับไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้ รวมถึงระบบเสียงอะไรก็ทำได้เต็มที่ของระบบเลยครับ
SYSTEM UI
หน้าตาระบบนั้น MIUI 12.0.2 หน้าตาใหม่ใน Version Global Stable ก็ถือว่าเป็นระบบที่หน้าตายังคงมีความสวยงาม ทันสมัยและยังคงลูกเล่นไว้ได้ดีนะครับสำหรับตัวนี้ แต่เท่าที่ทดสอบยังเจอบัคอยู่บ้างในการใช้งานกล้องบางครั้งครับ มาพร้อมกับหน้าจอล็อก ที่เข้ากล้องได้ และหน้าจอหลักพร้อมกับ เลขแจ้งเตือนอะไรนั้นยังคงใส่เข้ามาให้
[SR] รีวิว XIAOMI MI11 เรือธงรุ่นล่าสุด Snapdragon 888 กล้องหลัง 108MP ดีไซน์ใหม่ !
Xiaomi ยังคงเป็นแบรนด์ที่ต้องบอกว่ามีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ที่ชัดเจนมากคือเรื่องของงานออกแบบรวมถึงกล้อง ที่ในยุคก่อนๆนั้นกล้องของค่ายนี้อาจจะไม่ได้เทพหรือหวือหวามากนัก แต่เมื่อมาในยุคนี้บอกเลยว่ากล้องมีการพัฒนาขึ้นหลากหลายเท่าตัวครับ รวมถึงสเปกส่วนอื่นๆ ลำโพง งานประกอบ หรือว่าจะเป็นหน้าจอหลายๆอย่างนั้นปรับพัฒนาขึ้นเช่นกัน ทางด้าน Xiaomi Mi 11 รุ่นนี้เป็นเรือธงตัวล่าสุดที่เข้ามาขายในไทย พร้อมกับเปิดตัววันที่ 25 ก.พ. แล้วนั้นเอง ในรุ่นนี้ต้องเรียกได้ว่าเป็นเรือธงที่เน้นงานถ่ายวีดีโอ งานถ่ายภาพนิ่งขึ้นเยอะมากจริงๆ และสเปกที่ให้มาทั้ง Snapdragon 888 หรือจะเป็นกล้องหลัง 108MP ก็จัดเต็มมากขึ้นชัดเจนเลยทีเดียว ไปอ่านรีวิวกันได้เลย
ตัวสมาร์ตโฟนมาพร้อมกับหน้าจอ E4 AMOLED ขนาด 6.81 นิ้ว ที่มีขอบโค้งและรีเฟรชเรท 120Hz อีกทั้งยังมีความถี่การตอบสนอง 480Hz และรองรับ MEMC นอกจากนี้ตัวหน้าจอยังใช้กระจก Gorilla Glass Victus ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนและการตกพื้นมากขึ้น อีกทั้งตัวหน้าจอยังได้รับเรทติ้ง A+ ในการประเมินของ DisplayMate ภายในตัวเครื่องใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 888 5nm, RAM LPDDR5 8GB และระบบระบายความร้อนแบบ VC LiquidCool ในส่วนของกล้องหลังมีจำนวน 3 ตัวประกอบด้วย กล้องตัวหลัก 108MP + กล้อง ultra-wide 12MP + กล้องเทเลมาโคร 5MP ที่มีขนาด 50nm นอกจากนี้ตัวเครื่องด้านหลังทำมาจากกระจก และแบตเตอรี่ความจุ 4,600 mAh ที่รองรับชาร์จเร็วแบบมีสาย 55W ที่สามารถชาร์จสมาร์ตโฟนจนเต็มได้ในเวลา 45 นาที และรองรับชาร์จไร้สาย 50W และรองรับ reverse charging แบบไร้สาย 10W และแน่นอนว่าในไทยนั้นก็แถมทั้ง เคสใส ตัวแปลง 3.5 มม. และ หัวชาร์จไวก็ใส่เข้ามาให้ทั้งหมด ไม่ได้ตัดออกไปไหนใน เวอร์ชันที่ขายครับ
ทางด้านราคานั้น XIAOMI MI 11 5G ที่ขายในไทยนั้นเปิดราคาเริ่มต้นที่ 21,990 บาท มาพร้อมกับสี HORIZON BLUE และ MIDNIGHT GREY
UNBOX
อุปกรณ์ในกล่องนั้นเราจะเห็นข่าวก่อนหน้านี้ที่จะไม่มีการแถมอะไรมาให้เลยนอกจาก สายชาร์จ และแน่นอนว่าในไทยนั้นมีการเปลี่ยนแปลงและรวมถึงทั่วโลกเช่นกันครับทำให้ยังคงมีทั้ง Adaptor ตัวแปลง หูฟัง หรือ เคสใสให้มาด้วย
- ตัวเครื่อง XIAOMI MI 11
- เคสใส XIAOMI MI 11
- ตัวแปลง 3.5 มม.
- Adaptor ชาร์จไฟ 50W
- สาย USB-A ไป USB-C
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
- ฟิล์มกันรอยติดตั้งมาให้บนหน้าจอ
ก็ถือว่าเป็นข่าวดีในไทยและคนที่กำลังดูเราจะได้อุปกรณ์เต็มๆกล่องทั้งหัวชาร์จ 50W และ ตัวแปลง USB-C ไป 3.5 มม. รวมถึง เคสใส และ แน่นอนว่ามีฟิล์มติดมาให้ แต่ส่วนตัวยังไงไม่ชอบขากลมแบบที่ Xiaomi ชอบให้มาเท่าไร
ตัวเคสของทาง Xiaomi นั้นยังคงมีความบางและไม่ปกป้องเลนส์หลังกล้องเช่นเดิมครับแอบน่าเสียดายจริงๆ โดยรวมนั้น ถือว่าปกป้องได้ระดับนึง แต่ตัวป้องกันหน้าจอและเลนส์กล้องนั้นจะไม่มีขอบพิเศษมาให้ คือจะปกป้องหน้าจอ หรือ เลนส์กล้องไม่ได้เลยนั้นเอง คือมันจะออกแบบมาเวลาวางคว่ำได้ไม่โดนเลนส์แต่ไม่ได้สูงออกมาเยอะมากเท่าไรนัก ที่จริงน่าจะมีขอบหนาขึ้นมากว่านี้ในการใช้งานน่าจะช่วยได้มากกว่านี้พอสมควร อาจจะไม่สามารถปกป้องหน้าจอได้เวลาวางคว่ำได้เท่าไรนัก ตัวขอบเคสมันไม่ได้มีความนูนสูงอะไรขึ้นมาแบบเยอะอะไรเท่าไรนักถ้ามองในการป้องกัน
แต่ยังดีที่ตามมุมเหมือนจะหนาขึ้นมานิดหน่อย มีการนูนขึ้นรอบๆและทำมุมพิเศษทั้ง 4 มุมครับ ส่วนด้านหลังตรงกล้องนั้นมีนูนขึ้นมาตามความนูนของโมดูลกล้องแต่ก็ไม่ปกป้องเลนส์กล้องหลังได้ดีเท่าที่ควร เวลาวางคว่ำพื้นผิวเรียบๆก็พอกันได้แต่ถ้าใช้งานติดฟิล์มอะไรเข้าไปก็จะนูนมาป้องกันไม่ได้ แต่ก็พอใช้งานชั่วคราวได้ ก่อนหาซื้อเคส
DESIGN
งานออกแบบนั้นมีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิมๆในเรื่องของตัวกล้อง รวมถึงเส้นสายการออกแบบรอบๆตัวกล้องเช่นเดียวกัน ดีไซน์ลงตัวมากขึ้นเป็นชิ้นเดียวกันมากขึ้น กล้องหลักขนาดใหญ่พร้อมกับ กล้องรอง 2 ตัวออกแบบอยู่ในโมดูลเดียวกันได้พอดี พร้อมกับการเล่นแสงสีเงาสวยงามตัดกับสีดำชัดเจน ฝาหลังแบบด้านกระจกคุณภาพสูงพร้อมกับการสะท้อนแสงสีได้กำลังดีครับในรุ่นที่เราได้จะเป็นสีดำ แต่ถ้าเจอแสงก็สะท้อนสวยงามและดูมีมิติมากขึ้นไปอีก หนัก 196 กรัม พร้อมกับหนา 8.06มม ครับ ส่วนหน้าจอมีความโค้งมากขึ้นขอบอะไรต่างๆโค้งมากกว่าเดิมชัดเจน
หน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.81 นิ้ว (3200×1440พิกเซล) Quad HD+, อัตราส่วน 20:9, HDR10, รีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1,500nit, อัตราส่วน contrast ratio 5000000:1, MEMC, 100% DCI-P3 Wide Color Gamut, ใช้กระจก Corning Gorilla Glass Victus ขอบหน้าจอโค้งมากขึ้น
ในด้านบนเราจะเห็นว่าองศามุมจอภาพนั้นมีความโค้งมากกว่าเดิมก็เป็นอีกจุดที่งานออกแบบนั้นแตกต่างจากรุ่นก่อนๆครับ ส่วนกล้องหน้าให้มามุมซ้ายบน และด้านบนนั้นซ่อนขอบลำโพงอะไรต่างๆได้เนียนตาและเว้าเอียงไปด้านบน ส่วนลำโพงหลักนั้นจะให้มาเป็นขอบเครื่องด้านบนและด้านล่าง ปรับเสียงจาก Harman/Kardon เลยทีเดียว
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นแน่นอนว่าจะหนากว่าปกติครับแต่ก็ถือว่าบางขึ้นจากรุ่นก่อนๆ ส่วนการควบคุมปุ่มนั้นปรับเปลี่ยนได้ทั้งหมดจะเป็นแบบปุ่มหรือท่าทางครับขอบเครื่องซ้ายขวา มีโค้งลงไปนิดๆให้พอสวยงามจับถนัดมากขึ้น
ขอบเครื่องในด้านขวา นั้นเราจะเห็นว่ามีตัวปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียงใส่เข้ามา พร้อมกับปุ่ม Power จะกินพื้นที่ขอบเครื่องมากกว่าเดิม และฝาหลังที่โค้งลงมาทำให้การจับถือนั้นถนัดกว่าเดิมไปด้วยเช่นกัน ในส่วนงานออกแบบข้างๆครับ
ส่วนขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นว่ามีความบางมากๆถ้าไม่มีปุ่มมาแทรก เพราะพื้นที่กระจกฝาหลังนั้นโค้งมาเยอะ
ขอบเครื่องในด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ามีเขียน Sound By Harman Kardon เสริมเข้ามา ข้างๆกับลำโพงหลัก และ จะเห็นไมค์ และ รู IR สำหรับการควบคุมแทนรีโมทนั้นเอง ขอบเครื่องเป็นการออกแบบปัดเงาสีเทาเงินสวยงามครับ
ในขอบเครื่องด้านล่างเราจะเห็นว่ามี ลำโพงอีกตัวใส่เข้ามาให้ และ ไมค์ รวมถึง USB-C และ ถาดซิมที่รองรับ Dual SIM แต่ไม่สามารถเพิ่ม Micro-SD อะไรให้นะครับ มาพร้อมกับซีลยางกันน้ำอะไรเรียบร้อยเพื่อป้องกันน้ำต่างๆครับ
ในรุ่นที่เราถ่ายรีวิวนั้นจะเป็นสีดำเทา หรือเรียกว่า Midnight Gray เป็นกระจกฝาหลังสีดำด้านพร้อมกับการเล่นแสงสะท้อนสีเงินสวยงามทำให้ดูมีมิติมากขึ้นเวลาไล่แสงเจอแสง แต่ถ้าไม่มีแสงอะไรนั้นก็จะเป็นสีดำด้านปกติเลยนั้นเอง ฝาหลังวัสดุกระจกทำให้ผิวสัมผัสเนียนมือและดูดีมากๆ การที่ทำขอบโค้งทำให้การจับถืออะไรนั้นสะดวกมากขึ้นไปอีกแต่น่าเสียดายว่าเลนส์กล้องนั้นมีความนูนมากขึ้น 2 ระดับ และ มีการเน้นเลนส์หลักมากขึ้นไปทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมา
กล้องหลังในรุ่นนี้ใช้งาน 3 เลนส์หลักๆ มาพร้อมกับเลนส์หลัก 108MP (f/1.85) ที่ใช้เซนเซอร์ Samsung ขนาด 1/ 1.33″, ขนาดพิกเซล 0.8μm, OIS + กล้อง ultra-wide 123° 13MP (f/2.4) + กล้องเทเลมาโคร 5MP (f/2.4), ถ่ายวีดีโอ 8k ได้ 30fps, ถ่ายวีดีโอ 4k ได้ที่ 60fps, ถ่าย slow-mo 960fps ได้ที่ 720p, LED flash แต่ขอบ่นหลักๆเลยการไม่ใส่ Tele ระยะไกลมาให้ ทำให้การซูมนั้นถือว่าทำได้ไม่ดีเท่าไร รวมถึงไม่มี Periscope อะไรเข้ามาเลยครับ ระยะ 2X เป็นต้นไปเลยยังไม่ดีเท่าไรนัก ส่วนคุณภาพจะเป็นยังไงไปชมกันเลยครับ
SPEC
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.81 นิ้ว (3200×1440พิกเซล) Quad HD+, อัตราส่วน 20:9, HDR10, รีเฟรชเรท 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1500nit, อัตราส่วน contrast ratio 5000000:1, MEMC, 100% DCI-P3 Wide Color Gamut, ใช้กระจก Corning Gorilla Glass Victus
- สเปกของ Snapdragon 888 5nm
- การ์ดจอ Adreno 660
- RAM LPPDDR5 3200MHz 8GB + ความจำ (UFS 3.1) 128GB / 256GB, RAM LPPDDR5 3200MHz 12GB + ความจำ (UFS 3.1) 256GB
- ซิมคู่ (nano + nano)
- Android 11 ครอบด้วย MIUI 12
- กล้องหลัง 108MP (f/1.85) ที่ใช้เซนเซอร์ Samsung ขนาด 1/ 1.33″, ขนาดพิกเซล 0.8μm, OIS + กล้อง ultra-wide 123° 13MP (f/2.4) + กล้องเทเลมาโคร 5MP (f/2.4), ถ่ายวิดิโอ 8k ได้ 30fps, ถ่ายวีดีโอ 4k ได้ที่ 60fps, ถ่าย slow-mo 960fps ได้ที่ 720p, LED flash
- กล้องหน้า 20MP (f/2.4), ขนาดพิกเซล 0.8μm
- เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ (ที่มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับอัตราการเต้นหัวใจ), เซนเซอร์อินฟราเรด
- คุณภาพเสียง Hi-Res, ลำโพงคู่, ระบบเสียงโดย Harman Kardon
- ขนาดตัวเครื่อง: 164.3x 74.6 x 8.06mm (บอดี้กระจก)/8.56mm (บอดี้หนัง); Weight: 196g (glass) / 194g (leather)
รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6E 802.11 ax 8 x / MU-MIMO, Bluetooth 5.1, GPS (L1 + L5), NFC
- ใช้พอร์ต USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4600mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 55W (QC4+ / QC3+ / PD3.0), ชาร์จไร้สาย 50W, reverse charging แบบไร้สาย 10W
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้แน่นอนว่าการใช้งาน Snapdragon 888 ทำให้ในเรื่องของคะแนนนั้นทำได้ดี ทำคะแนนไปได้ 676303 คะแนนและทางด้าน Geekbench นั้นทำคะแนนได้ 1104/3336 ส่วนทางด้าน Androbench นั้นทำไปได้สูงมากๆในการอ่านเขียน อ่านทะลุ 1600MB/s ไปแล้วพร้อมกับเขียน 754 MB/s ก็ถือว่าเร็วแรงใช้งานได้ดี และแน่นอนว่ารองรับการดู NETFLIX HDR อะไรเต็มที่แน่นอนครับไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้ รวมถึงระบบเสียงอะไรก็ทำได้เต็มที่ของระบบเลยครับ
SYSTEM UI
หน้าตาระบบนั้น MIUI 12.0.2 หน้าตาใหม่ใน Version Global Stable ก็ถือว่าเป็นระบบที่หน้าตายังคงมีความสวยงาม ทันสมัยและยังคงลูกเล่นไว้ได้ดีนะครับสำหรับตัวนี้ แต่เท่าที่ทดสอบยังเจอบัคอยู่บ้างในการใช้งานกล้องบางครั้งครับ มาพร้อมกับหน้าจอล็อก ที่เข้ากล้องได้ และหน้าจอหลักพร้อมกับ เลขแจ้งเตือนอะไรนั้นยังคงใส่เข้ามาให้
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้