ย้อนกลับไปที่ ต.ค.2563 "ปูปู เราไปเที่ยวกระบี่กันมั้ย ไปสัก 5 วัน ไปแบบชิลล์ นอนโง่ๆ ดูทะเล ออกทริปแค่สองวันพอ" "เปิ้ลจะ
ไปทำไมตั้ง 5 วัน 4 วันก็พอมั้ย??" "ไม่ๆ 5 วันกำลังดี ไม่เหนื่อยเกินไป" และนี่คือจุดเริ่มต้นของทริป #กระบี่ชิลล์ๆ 

ก่อนการเดินทาง 2 อาทิตย์ ได้เพื่อนร่วมทริปเพิ่มอีกสองคน และความสนุกในทริปชิลล์ของพวกเราก็เริ่มขึ้น

วันแรกที่กระบี่เนื่องจากเครื่องบินดีเลย์ทำให้พวกเราไปถึงสนามบินกระบี่ประมาณบ่ายโมง เลยต้องเปลี่ยนแผนจากที่จะเช่ารถไปที่สระมรกตที่ออกไปคนละทางกับปลายทางที่อ่าวนาง เลยต้องเปลี่ยนเป็นคลองหรูด(คลองน้ำใส) แทนเพื่อที่จะได้ทันเวลาข้ามไปยังที่พักสองคืนแรกของเรา Tinidee Hideaway Tonsai Beach เป็นรีสอร์ทเปิดใหม่ ตั้งอยู่ที่หาดต้นไทร ต้องนั่งเรือประมาณ 15 นาทีจากอ่าวนาง แล้วที่คลองหรูดมีอะไร? ที่นี่เรียกอีกชื่อว่าคลองน้ำใส ที่ให้เราได้พายเรือคายัคชมวิวสองข้างทาง ราคาต่อลำ 300 บาทนั่งได้สองคนจ้า น้ำที่นี่ใสมากๆ พายไปเรื่อยๆ จากร้อนๆ ก็จะเย็นจากร่มไม้ ระหว่างทางจะมีตอไม้ตลอดเส้นทาง อาจจะมีติดต่อกันบ้าง ที่สำคัญหลบดีๆ ไม่เช่นนั้นชีวิตติดต่อแน่ๆ ใช้เวลาไปกลับประมาณ 1 ชม. แล้วเราก็ไปต่อที่ท่าเรืออ่าวนางจ้าขับรถไปต่อแค่ 15 นาทีก็ถึงอ่าวนางท่าเรือเลย วันแรก็ใช้แรงซะแล้ว แขนนี่ล้ากันเลย 55
 
เอาล่ะได้เวลาขึ้นเรือไปที่พักสองคืนแรกของเราในทริปนี้แล้ว ที่รีสอร์ทไม่มีร้านโชว์ห่วยนะคะ เตรียมไปให้พร้อมเลยเครื่องดื่ม ขนม พวกเรา 4 คนเหมาเรือกันจ้าเนื่องจากโควิดทำให้หาเรือยากนิดนึง แต่ค่าเรือไม่แพงนะคะ 4 คน 500 บาท/ลำ ได้เลยเดินทางนั่งเรือแค่ 10-15 นาทีเท่านั้น รูปแรกคือภาพแรกที่เห็น แค่นี้พวกเราก็ชอบมากแล้วประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกเลย ที่พักมีสองแบบค่ะแบบวิลล่ากับแบบพักรวมค่ะ พวกเราเลือกพักแบบวิลล่ากันมองเห็นวิวทะเลสวยๆ


โรงแรมนี้ค่อนข้างส่วนตัวนะคะ ตกกลางคืนจะไม่มีอะไรเลยนอกจากเสียงจิ้งหรีด และเสียงทะเล ด้วยความที่มืดมากทำให้เราเห็นดาวตกด้วย หลายคนอาจจะกังวลว่าแล้วทานอาหารยังไง เราสามารถทานที่โรงแรมได้เลย ราคาไม่ได้แรงมาก แถมอาหารอร่อยมากๆ อีกด้วย สามารถสั่งนอกเหนือจากเมนูได้ด้วยนะคะถ้าทางโรงแรมมีวัตถุดิบ ที่เราชอบที่สุดคือแกงกะทิกับข้าวผัด จากรูปนี่แค่บางส่วนเพราะที่เหลือไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย พวกเราจัดเต็มกับอาหารกแบบไม่ยั้ง

มื้อเช้าไม่ใช่บุฟเฟ่ต์นะคะเป็นเสิร์ฟมีให้เลือก 3 แบบ American Breakfast, Heathy food and Thai food

เช้าวันที่สอง เราจองทริปไปเกาะห้องไว้ค่ะ จองแบบเรือหางยาวแบบส่วนตัว เค้าจะมารับที่หน้ารีสอร์ทเลยค่ะสะดวกมากๆ นัดเวลาที่สะดวกได้เลยค่ะ ทัวร์เกาะห้องมีหลายจุดนะคะ แต่เราประทับใจที่เกาะห้องกับลากูนค่ะ ที่เกาะห้องเพิ่งมีจุดชมวิวเดินขึ้นบันไดประมาณ 400 ขั้นได้(ถ้านับไม่ผิด --') ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีไปกลับค่ะ กลับลงมาก็เล่นน้ำเย็นชื่นใจ แถมได้หาดที่เกาะห้องแบบไม่มีคนที่ถ่ายจากจุดชมวิวด้านบนอีกด้วย สวยมากๆจ้า 




วันที่สามที่พวกเรากะว่าจะชิลล์ๆนอนโง่ๆ เราออกไปทัวร์ 4 เกาะใช้บริการเรื่องหางยาวส่วนตัวอีกเช่นเคย ซึ่งถ้ามีแค่นี้ก็จะเป็นวันที่สบายๆ ค่ะ แต่เนื่องจากพี่ผู้จัดการของโรงแรมได้ทำการตกพวกเราให้ไปเที่ยวถ้ำค้างคาวด้วยการเดินจากหาดต้นไทรไปไร่เลย์เป็นที่เรียบร้อย ทริปของเราจึงไม่ชิลล์อีกต่อไป 
ทะเลแหวกของพวกเราดีมาก เพราะว่าเราออกกัน 7 โมงกว่าๆ นั่งเรือประมาณ 20 นาที ทำให้ตอนเราไปถึงทะเลแหวกเลยไม่มีคนอื่นเลย (สามารถสอบถามช่วงเวลาน้ำลงก่อนนัดเวลาได้นะคะจะได้เห็นทะเลแหวกช่วงสวยๆ) จากนั้นเราก็นั่งเรือไปเกาะไก่ เกาะนุ้ย แล้วกลับไปที่โรงแรมเลยค่ะ เพื่อเตรียมตัวไปถ้ำค้างคาว ที่ทำให้ทริปของเราน่าจดจำและสวยงาม


เมื่อมาถึงโรงแรมเราได้นัดกับพี่ผู้จัดการโรงแรมเป็นที่เรียบร้อยจ้าว่าจะเดินไปหาดไร่เลย์และจบที่ถ้ำค้างคาวที่เป็นปลายทางของเราในทริปนี้กัน ระหว่างทางเดินจากหาดต้นไทรไปไร่เลย์ก็ต้องข้ามเขาเล็กๆ(ย้ำว่าเล็กๆ แต่ก็เหนื่อยอยู่น้า) แต่ช่วงเวลาน้ำขึ้นอาจจะเดินลุยน้ำหน่อยๆ แล้วเดินข้ามหาดไร่เลย์ตะวันตกข้ามไปยังฝั่งตะวันออก แล้วก็จะถึงปลายทางถ้ำค้างคาว ตามหาดไร่เลย์ไม่มีคนเหมือนกันค่ะ หาดสวยมากๆ และก็ร้อนมากเช่นกันเพราะเราเริ่มออกเดินทางกันประมาณ 11.30 น. และรูปนี้คือเส้นทางการเดินของพวกเรา ดูไม่ไกลแต่เดินบนทรายนี่ใช้พลังงานเยอะพอสมควรเลย รองเท้าก็เตะค่ะ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะมาเดินอะไรแบบนี้ และเนื่องจากเป็นสาวๆ 4 คนเราใช้เวลาไปกลับประมาณ 5.30 ชม.
 

เริ่มขึ้นถ้ำกันแล้วจุดแรกก็ปีนกันลย พี่แกบอกว่าตรงไหนมีเชือกก็เกาะเชือกไว้ค่ะเพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าใครเชี่ยวชาญก็เดินพริ้วเลยจ้า ภายในถ้ำค้างคาวจะต้องขึ้นบันไดทั้งหมด 4 จุดนะคะ จุดแรกยังมีแสดงสว่างอยู่ ส่วนจุดที่ 2-4 มันจะมืดเพราะฉะนั้นควรหาไกด์ที่เชี่ยวชาญนำทางเพื่อความปลอดภัยจ้า และไกด์ของเราคือพี่ผู้จัดการของโรงแรม Tinidee ค่ะ ขอบคุณความใจดีของแกที่ทำให้เราได้มีประสบการณ์ดีๆ แบบนี้

จุดถ่ายรูปรูปแรกหลังจากปีนมาได้ 1 ขั้น


จุดถ่ายรูปที่สองจ้า

และจุดหมายปลายทางของเราคือตรงนี้ ใช้แรงใจและแรงกายล้วนๆ เลยจ้า หายเหนื่อยเลยจ้าเจอวิวแบบนี้ รูปไม่ค่อยเยอะหรอกค่ะเพราะมืดระหว่างทาง ควรเตรียมรองเท้าและไฟฉายไว้นะคะถ้าจะไปที่นี่


เอาละได้เวลาเดินกลับขากลับนี่รีบๆเดินเลยค่ะเพราะต้องนั่งเรือกลับไปที่อ่าวนางกันแล้วเดี๋ยวจะมืดเราให้ทางโรงแรมหาเรือให้ค่ะ แต่ระหว่างทางกลับ....เจอวิวนี้ถึงกับสตั้นไปเลยจ้า จะไม่ให้หลงรักได้ยังไงน้อ

ลากันแล้วสำหรับโรงแรม Tinidee เค้ามีเจ้าบ้านเป็นค่างแว่นน้ามากันเป็นครบครัวเลย น้องน่ารักไม่กัดจ้า เอ็นดูว์


วันที่ 4 ของพวกเราไปที่พีพีค่ะ วันนี้เราไม่ได้ใช้บริการเรือหางยาวเพราะว่าการเดินทางค่อนข้างไกล เลยเป็นจอยทริปและเป็นสปีดโบ้ทแทน ต้องบอกว่าถ้าใครจะไปดำน้ำดูนีโม่ต้องไปที่เกาะพีพีเท่านั้นน้า เราไม่มีกล้องถ่ายรูปน้องปลา เลยได้แค่มาบอกเล่า ส่วนหาดสีขาวทะเลสีเขียวเราเจอมาสองวันแล้ววันนี้เลยไม่ตื่นเต้นเท่าไร รอเจอแค่นีโม่พอแล้ว
แล้วเราก็นั่งเรือไปปิเล๊ะที่น้ำสวยมากๆ



วันสุดท้ายแล้วต้องจัดหนักกันสักหน่อย หาบุฟเฟ่ต์เลยจ้าได้ร้านธงทะเลมาค่ะ ทางร้านมีรถรับส่งจากอ่าวนาวน้า เปิดเพจร้านแล้วกดโทรเลยสะดวกมากๆ อาหารสดสะอาดค่ะ ร้านก็สะอาดเหมือนกัน สุทธิต่อหัว 699 บาทจ้า ดีงามสุดๆ เลย ปิดทริปแบบสวยงามมาก


จบแล้วทริปกระบี่ นอนโง่ๆ ชิลล์ๆไม่มีอยู่จริงจ้า แล้ว 5 วัน 4 คืนยังไม่พอเลยสำหรับกระบี่ ยังมีพวกกิจกรรมแอดเวนเจอร์อีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ลอง เราก็หวังว่าเราจะกลับไปอีกครั้งเร็วๆ นี้ ช่วงนี้คนยังไม่เยอะลงไปช่วยไทยเที่ยวไทยกันน้า สวยมากๆเลย