ส่งออก “เวียดนาม”ทิ้ง “ไทย”ไม่เห็นฝุ่น
https://www.thansettakij.com/content/world/471994
ส่งออกเวียดนามทิ้งไทย ปี 2563 ห่างกันกว่า 1.5 ล้านล้านบาท 2 เดือนแรกปีนี้แรงยังไม่ตก ยอดโตพรวด 23% เกินดุลการค้ากว่า 1,300 ล้านดอลลาร์ ส่วนไทยเดือนแรกส่งออกบวกแค่ 0.3%
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต. / ทูตพาณิชย์) ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รายงานอ้างอิงข้อมูลสื่อของเวียดนาม ว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2564 เวียดนามเกินดุลการค้า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากทั้งการส่งออกและการนำเข้า เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สำนักงานสถิติของเวียดนามระบุว่า การส่งออกของเวียดนามช่วง 2 เดือนแรกปี 2564 มีมูลค่า 48,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยการส่งออกมาจากการลงทุนของต่างชาติ (FDI) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 76.4 โดยตลาดส่งออกของเวียดนาม ได้แก่ สหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป อาเซียน เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ในจำนวนการส่งออกดังกล่าวจีนเป็นแหล่งนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามมูลค่า 17,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามด้วย เกาหลีใต้อาเซียน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปและ สหรัฐอเมริกา
ส่วนการนำเข้าของเวียดนามช่วง 2 เดือนแรกปี 2564 มีมูลค่า 47,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 โดยการนำเข้าของภาค FDI คิดเป็นร้อยละ 66.9 ส่วนสินค้า อุปโภคบริโภคมีมูลค่านำเข้าประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สคต. ณ กรุงฮานอย ระบุว่า แม้เวียดนามจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่การส่งออกและนำเข้าของเวียดนามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามผู้ส่งออกยังคงประสบปัญหาหลายประการ เนื่องจากมาตรการจากประเทศนำเข้าที่เข้มงวด รวมถึงต้นทุนการขนส่งที่ เพิ่มขึ้น ดังนั้นเวียดนามจำเป็นต้องส่งเสริมการส่งออกไปยังตลาดเดิมอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งขยายและพัฒนาตลาดใหม่ จากการใช้ประโยชน์จาก FTA ต่างๆ คาดว่า จากนโยบายต่าง ๆ ของเวียดนาม ในปี 2564 เวียดนามจะเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้น
ขณะที่ข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากการศุลกากร ช่วงเดือนมกราคม 2564 เดือนแรกของปีนี้ ไทยมีมูลค่าการค้ารวม 39,615.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2.54 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการส่งออก 19,706.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.35% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 19,908.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า 202.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สคต. ณ กรุงฮานอย ยังรายงานถึงการค้าระหว่างประเทศของเวียดนามในปี 2563 ว่า มีมูลค่าการค้า 545,355 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แบ่งออกเป็นมูลค่าการส่งออก 282,655 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 และมูลค่าการนำเข้า 262,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับช่วง เดียวกันของปีก่อน
ตลาดส่งออกหลักของเวียดนามในปี 2563 สหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำเข้าสินค้าเวียดนามรายใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่า 77,077 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามด้วยจีนมูลค่า 48,905 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.0 ญี่ปุ่น 19,284 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 5.2 และเกาหลีใต้ 19,107 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.2 เป็นต้น
สินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนามในปี2563 ได้แก่ โทรศัพท์และส่วนประกอบมีมูลค่า 51,183.9 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 0.4 สินค้าอิเล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ 44,576 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 24.1 สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมูลค่า 29,809.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 9.2 เครื่องจักรกลและ ส่วนประกอบ 27,193 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.6 รองเท้า 16,791 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 8.3 เป็น ต้น
ขณะที่ข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากการศุลกากรในปี 2563 ไทยมีมูลค่าการค้ารวม 438,460.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 9.13 เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 231,468.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 6.0 และการนำเข้า 206,991.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ12.39 ไทยยังเกินดุลการค้า 24,476.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ตลาดส่งออก 5 อันดับแรกของไทยในปี 2563 ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และมาเลเซีย ตามลำดับ โดยสินค้าส่งออก 5 อันดับแรกของไทยในปี 2563 ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ, เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ยาง, เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์
ข้าวสารยังเหงา-ลุ้นสงกรานต์แห้งแสลงใจ
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_61147/
มงลง!' 'บิว ณัฏฐา' ลั่น ไม่ได้มาแค่เซฟบางกลอย ขอร่วม รักษาเกียรติภูมิความเป็นมนุษย์
https://www.matichon.co.th/politics/news_2622354
มงลง!’ ‘บิว ณัฏฐา’ ลั่น ไม่ได้มาแค่เซฟบางกลอย ขอร่วม รักษาเกียรติภูมิความเป็นมนุษย์
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม บรรยากาศบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล
เวลาประมาณ 17.15 น. กิจกรรม #saveบางกลอยของภาคีเซฟบางกลอยร่วมกับกลุ่มพีมูฟ หรือ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมเพื่อสังคมที่เป็นธรรมเริ่มต้นขึ้นโดยมีการอ่านบทกวีโดย
พนา เพชรสัมฤทธิ์ ตัวแทนเครือข่าย ‘
กวีสามัญสานึก’ จากนั้น
‘บิว’ ณัฏฐา ทองแก้ว 1 ใน 20 คนสุดท้ายของผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2020 กล่าวปราศรัย มีเนื้อหาโดยสรุปว่า ตนได้รับการติดต่อจากทีมงานเวลาประมาณตี 2 เมื่อคืนนี้ วันนี้มาด้วยใจและอุดมการณ์ ที่ผ่านมาเคยยืนบนเวทีนางงาม ครั้งนี้มาเวทีบางกลอย เพื่อนนางงามหลายคนรวมถึงแฟนนางงามก็ตื่นเต้นที่ทราบว่าตนจะมาที่นี่ และหากมีโอกาสก็จะมาอีกเรื่อยๆแน่นอน ทุกคนที่นี่เข้มเข้มและมีความหวัง รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มายืนตรงนี้ ในฐานะคนที่อาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ อยากบอกว่าตนมีจุดยืนเดียวกัน ชาวบางกลอยไม่ได้ยืนเพียงลำพัง สิทธิพลเมืองเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำหรับประชากรทุกคน ทุกคนมีสิทธิในร่างกาย เสรีภาพ ความมั่นคงในชีวิต มีสิทธิเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย หลักการนี้มีขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2491 ก่อนป่าแก่งกระจานได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติถึง 33 ปี เป็นปฏิญญาสากลที่ใช้ทั่วโลก
“
ชาวกะเหรี่ยงบางกลอยโตมากับป่า ทำไมไม่คิดว่าป่ากับคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ ถ้ารัฐกลัวว่าหากให้กะเหรี่ยงอยู่ป่า แล้วจะมีลูก มีประชากรเพิ่มขึ้นแล้วจะทำให้ป่าเสื่อมโทรมกว่าเดิม ทำไมรัฐไม่นำความเจริญให้เขา ไม่ใช่ต้องให้เขาหาวิธีเอาตัวรอดเอง รัฐสามารถกำหนดขอบเขตได้ ให้เขามีอาชีพเลี้ยงดูตัวเองได้ สิ่งเหล่านี้จะไม่เพียงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ แต่ยังทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรักษาผืนป่า จะทำให้เขารู้สึกพร้อมเป็นฟันเฟืองในการรักษาป่าโดยไม่ต้องการมีเครดิตด้วยซ้ำ”
บิว ณัฏฐากล่าว
บิว ณัฏฐากล่าวด้วยว่า ตนยังมองไม่เห็นว่า ความรุนแรงจำเป็นตรงไหน การกล้อนผมจำเป็นตรงไหน การทำให้พวกเขาเหมือนนักโทษไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง แต่ยิ่งสร้างบาดแผลให้ชาวบางกลอย ทำให้เขาไม่มีทางเลือกเข้าไปอีก
จุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ๆในสังคม ล้วนมาจากการที่คนถูกหลงลืม หลังจากได้ประกวดนางงามเวทีหนึ่ง ทำให้รู้ว่าไทยมีคนที่มีความสามารถ มีจิตสาธารณะมากมาย ชาวบางกลอยไม่ได้อยู่ตามลำพัง เราไม่ได้มาเพียงแค่เพื่อเซฟบางกลอย แต่มาเพื่อรักษาเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไปพร้อมๆ กัน
JJNY : 5in1 ส่งออกเวียดนามทิ้งไทย│ข้าวสารยังเหงา│บิวลั่นไม่ได้มาแค่เซฟบางกลอย│สมคิดชี้ต้องเดินหน้า│วิโรจน์ย้ำจุดยืนก.ก.
https://www.thansettakij.com/content/world/471994
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต. / ทูตพาณิชย์) ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รายงานอ้างอิงข้อมูลสื่อของเวียดนาม ว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2564 เวียดนามเกินดุลการค้า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากทั้งการส่งออกและการนำเข้า เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สำนักงานสถิติของเวียดนามระบุว่า การส่งออกของเวียดนามช่วง 2 เดือนแรกปี 2564 มีมูลค่า 48,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยการส่งออกมาจากการลงทุนของต่างชาติ (FDI) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 76.4 โดยตลาดส่งออกของเวียดนาม ได้แก่ สหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป อาเซียน เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ในจำนวนการส่งออกดังกล่าวจีนเป็นแหล่งนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามมูลค่า 17,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามด้วย เกาหลีใต้อาเซียน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปและ สหรัฐอเมริกา
ส่วนการนำเข้าของเวียดนามช่วง 2 เดือนแรกปี 2564 มีมูลค่า 47,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 โดยการนำเข้าของภาค FDI คิดเป็นร้อยละ 66.9 ส่วนสินค้า อุปโภคบริโภคมีมูลค่านำเข้าประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สคต. ณ กรุงฮานอย ระบุว่า แม้เวียดนามจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่การส่งออกและนำเข้าของเวียดนามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามผู้ส่งออกยังคงประสบปัญหาหลายประการ เนื่องจากมาตรการจากประเทศนำเข้าที่เข้มงวด รวมถึงต้นทุนการขนส่งที่ เพิ่มขึ้น ดังนั้นเวียดนามจำเป็นต้องส่งเสริมการส่งออกไปยังตลาดเดิมอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งขยายและพัฒนาตลาดใหม่ จากการใช้ประโยชน์จาก FTA ต่างๆ คาดว่า จากนโยบายต่าง ๆ ของเวียดนาม ในปี 2564 เวียดนามจะเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้น
ขณะที่ข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากการศุลกากร ช่วงเดือนมกราคม 2564 เดือนแรกของปีนี้ ไทยมีมูลค่าการค้ารวม 39,615.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2.54 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการส่งออก 19,706.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.35% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 19,908.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า 202.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สคต. ณ กรุงฮานอย ยังรายงานถึงการค้าระหว่างประเทศของเวียดนามในปี 2563 ว่า มีมูลค่าการค้า 545,355 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แบ่งออกเป็นมูลค่าการส่งออก 282,655 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 และมูลค่าการนำเข้า 262,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับช่วง เดียวกันของปีก่อน
ตลาดส่งออกหลักของเวียดนามในปี 2563 สหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำเข้าสินค้าเวียดนามรายใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่า 77,077 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามด้วยจีนมูลค่า 48,905 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.0 ญี่ปุ่น 19,284 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 5.2 และเกาหลีใต้ 19,107 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.2 เป็นต้น
สินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนามในปี2563 ได้แก่ โทรศัพท์และส่วนประกอบมีมูลค่า 51,183.9 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 0.4 สินค้าอิเล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ 44,576 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 24.1 สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมูลค่า 29,809.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 9.2 เครื่องจักรกลและ ส่วนประกอบ 27,193 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.6 รองเท้า 16,791 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 8.3 เป็น ต้น
ขณะที่ข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากการศุลกากรในปี 2563 ไทยมีมูลค่าการค้ารวม 438,460.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 9.13 เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 231,468.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 6.0 และการนำเข้า 206,991.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ12.39 ไทยยังเกินดุลการค้า 24,476.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ตลาดส่งออก 5 อันดับแรกของไทยในปี 2563 ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และมาเลเซีย ตามลำดับ โดยสินค้าส่งออก 5 อันดับแรกของไทยในปี 2563 ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ, เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ยาง, เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์
ข้าวสารยังเหงา-ลุ้นสงกรานต์แห้งแสลงใจ
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_61147/
มงลง!' 'บิว ณัฏฐา' ลั่น ไม่ได้มาแค่เซฟบางกลอย ขอร่วม รักษาเกียรติภูมิความเป็นมนุษย์
https://www.matichon.co.th/politics/news_2622354
มงลง!’ ‘บิว ณัฏฐา’ ลั่น ไม่ได้มาแค่เซฟบางกลอย ขอร่วม รักษาเกียรติภูมิความเป็นมนุษย์
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม บรรยากาศบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล
เวลาประมาณ 17.15 น. กิจกรรม #saveบางกลอยของภาคีเซฟบางกลอยร่วมกับกลุ่มพีมูฟ หรือ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมเพื่อสังคมที่เป็นธรรมเริ่มต้นขึ้นโดยมีการอ่านบทกวีโดย พนา เพชรสัมฤทธิ์ ตัวแทนเครือข่าย ‘กวีสามัญสานึก’ จากนั้น ‘บิว’ ณัฏฐา ทองแก้ว 1 ใน 20 คนสุดท้ายของผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2020 กล่าวปราศรัย มีเนื้อหาโดยสรุปว่า ตนได้รับการติดต่อจากทีมงานเวลาประมาณตี 2 เมื่อคืนนี้ วันนี้มาด้วยใจและอุดมการณ์ ที่ผ่านมาเคยยืนบนเวทีนางงาม ครั้งนี้มาเวทีบางกลอย เพื่อนนางงามหลายคนรวมถึงแฟนนางงามก็ตื่นเต้นที่ทราบว่าตนจะมาที่นี่ และหากมีโอกาสก็จะมาอีกเรื่อยๆแน่นอน ทุกคนที่นี่เข้มเข้มและมีความหวัง รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มายืนตรงนี้ ในฐานะคนที่อาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ อยากบอกว่าตนมีจุดยืนเดียวกัน ชาวบางกลอยไม่ได้ยืนเพียงลำพัง สิทธิพลเมืองเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำหรับประชากรทุกคน ทุกคนมีสิทธิในร่างกาย เสรีภาพ ความมั่นคงในชีวิต มีสิทธิเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย หลักการนี้มีขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2491 ก่อนป่าแก่งกระจานได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติถึง 33 ปี เป็นปฏิญญาสากลที่ใช้ทั่วโลก
“ชาวกะเหรี่ยงบางกลอยโตมากับป่า ทำไมไม่คิดว่าป่ากับคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ ถ้ารัฐกลัวว่าหากให้กะเหรี่ยงอยู่ป่า แล้วจะมีลูก มีประชากรเพิ่มขึ้นแล้วจะทำให้ป่าเสื่อมโทรมกว่าเดิม ทำไมรัฐไม่นำความเจริญให้เขา ไม่ใช่ต้องให้เขาหาวิธีเอาตัวรอดเอง รัฐสามารถกำหนดขอบเขตได้ ให้เขามีอาชีพเลี้ยงดูตัวเองได้ สิ่งเหล่านี้จะไม่เพียงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ แต่ยังทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรักษาผืนป่า จะทำให้เขารู้สึกพร้อมเป็นฟันเฟืองในการรักษาป่าโดยไม่ต้องการมีเครดิตด้วยซ้ำ” บิว ณัฏฐากล่าว
บิว ณัฏฐากล่าวด้วยว่า ตนยังมองไม่เห็นว่า ความรุนแรงจำเป็นตรงไหน การกล้อนผมจำเป็นตรงไหน การทำให้พวกเขาเหมือนนักโทษไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง แต่ยิ่งสร้างบาดแผลให้ชาวบางกลอย ทำให้เขาไม่มีทางเลือกเข้าไปอีก
จุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ๆในสังคม ล้วนมาจากการที่คนถูกหลงลืม หลังจากได้ประกวดนางงามเวทีหนึ่ง ทำให้รู้ว่าไทยมีคนที่มีความสามารถ มีจิตสาธารณะมากมาย ชาวบางกลอยไม่ได้อยู่ตามลำพัง เราไม่ได้มาเพียงแค่เพื่อเซฟบางกลอย แต่มาเพื่อรักษาเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไปพร้อมๆ กัน