Right there is the truth and tme is ticking
ชีวิตของเธียรมีการเดินทางเป็นส่วนประกอบอยู่เสมอ ไม่ว่าจะในทางใด ตอนสุขภาพยังดี ความฝันใฝ่ คือ road trip ถือเป็น bucket list ก่อนตาย และ เมื่อยามที่ใกล้ตายเขาก็เลือกที่จะเดินไปอีกเส้นทางหนึ่ง หากจะตายก็ขอให้ตายด้วยการใช้ชีวิตจนสุด ทุกอย่างหมุนรอบความต้องการของตัวเองตามประสา "เด็ก" ที่ไม่เคยลำบากยากแค้นมาก่อน ทุกอย่างก็เกือบจะเป็นเช่นที่เธียรต้องการอยู่แล้วทีเดียว แต่เป็นไปได้ว่าเบื้องบนอาจมีแผนของตัวเองเช่นกัน การก้าวเดินของทุกชีวิตย่อมมีบทเรียน และ บทเรียนของเธียรเริ่มต้นนับแต่การตัดสินใจในคืนวันนั้น
เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล ผ่าตัดหัวใจเรียบร้อย ยังความสงสัยให้เกิดขึ้นกับเธียรอยู่มาก แต่เขาก็จำอะไรไม่ได้นอกจากการล้มลงและฟื้นคืนขึ้นมาในห้องพักสีขาว ล้อมหน้าล้อมหลังด้วยพ่อแม่ หากภายหลังเมื่อลองกลับไปใช้ชีวิตดังเดิม ดื่ม กิน เที่ยว เหมือนกับที่ผ่านมาก่อนเจ็บป่วย เขาเพิ่งพบความจริงที่ชวนสงสัยหนักกว่าเดิม ความอึกอักของเพื่อน และ รถลูกรักคันโปรดที่ได้ความว่าทางบ้านได้ขายออกไปแล้ว เธียรไม่ใช่คนโง่ ... เมื่อเขาขุดคุ้ยความจริงก็เริ่มปรากฏ และ เขานำสิ่งเหล่านั้นมาเชื่อมโยงกัน ... คงเป็นเขานั่นเองที่ก่อเรื่องทั้งหมดให้เกิดขึ้น
เมื่อความเข้าใจกลายเป็นอย่างนั้นคงไม่ต่างอะไรกับการผูกติดระเบิดเวลาเอาไว้กับตัว ไม่ทราบได้ว่าเธียรขึ้นมาเหยียบผาปันดาวด้วยความรู้สึกในแง่ไหน หากเจ้าตัวเชื่อว่ารถคันนั้น และ เราผู้นี้เป็นผู้ที่ยื้อแย่งชีวิตของทอฝันขึ้นมาจริง ๆ ภายใต้ความรู้สึกผิดที่เอาชีวิตของเขามาต่อชีวิตของตัวเอง เขามีค่าพอต่อหัวใจของทอฝันหรือไม่ แต่โอกาสครั้งที่ 2 เกิดขึ้นมาแล้ว หากจะปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอยไปคงผิดบาปมากกว่าที่เป็นอยู่นี้อีก นี่คงเป็นปฐมเหตุอย่างที่หมอวสันต์คาดการณ์เอาไว้ ป่วยหนักขนาดนี้ จะขึ้นมาที่นี่ทำไม ทั้งที่ควรรักษาตัวอยู่กับแพทย์เฉพาะทาง และแล้วก็เหมือนหมอสวมร่างโคนันบวกคินดะอิจิ เมื่อประวัติการทางแพทย์ทำให้พบกับความจริงบางอย่างที่น่ากลัวกว่า ... นั่นคือ วัน เวลา และ สิ่งที่น่าจะเป็นสาเหตุที่พาร่างของเธียรเข้าสู่การรักษาในโรงพยาบาล
ความจริงใกล้เข้ามา และ กาลเวลาก็หมุนไปไม่หยุด
ในขณะที่ความจริงเริ่มปรากฏเข้ามา ความผูกพันบางอย่างก็ฟั่นเกลียวแน่นหนาเข้าไปทุกที สัมพันธ์ที่ไม่ปกปิดแต่ก็ไม่เปิดเผย ชักจะเป็นสัมพันธ์ที่ดูจะเปิดเผยจริงจังเข้าไปทุกที หัวหน้าเปิดเผยมากขึ้น ทั้งเนื้อตัวร่างกาย และ ทั้งจิตใจ ร่างกายที่เปิดเปลือยต่อหน้า (ถ้าจะบอกว่าไม่ต้องถึงขนาดนั้น หรือ เป็นการไม่เซฟนักแสดงก็เห็นด้วยอยู่นะ ยังไงมันก็เป็นรายการที่ออกทางฟรีทีวี มันอาจจะมีวิธีที่จะสื่อ หรือ จะขายให้เหมาะควรกับสถานการร์กว่านั้นได้) เราเองมองว่าส่วนหนึ่งเป็นการแกล้ง แต่อีกส่วนหนึ่งเหมือนหัวหน้าเองก็สบายใจที่จะทำแบบนี้เหมือนกัน
ส่วนตัวมองว่าจากคำพูดของหัวหน้าเองที่บอกว่า "เหงา" แสดงเขาเขาเองก็รู้สึก มีความเปล่าเปลี่ยว มีความเดียวดาย เอาล่ะ คราวนี้อาจจะไปถึงเรื่อง sexual หน่อย ๆ เอาเป็นว่าอาจจะไม่ได้คิด หรือ คิดแต่ไปไม่ถึงเรื่องแบบนี้มานาน การแสดงออกแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เหมือนกับเรียกร้องต้องการต่ออีกฝ่าย และ เมื่อพิจารณารวมกับบทสนทนาว่าเธียรทำให้เขาคิดในเรื่องที่ไม่สมควรคิด แต่เมื่อมีเหตุการณ์มา trigger ก็เลยทำให้สัญชาตญาณเผยตัวออกมา ก็ไม่ทิ้งคาแร็คเตอร์ เก็บไว้นานจะเผยตัวออกมาก็ไม่แปลก
ตรงนี้เราเห็นความหวานชื่นปนขื่นขมของหัวหน้าได้ไม่ยาก ใจอยากให้อยู่ และ ใจก็ถลำลึกลงไปมาก เมื่อได้ชิดใกล้ ใส่ใจดูแล ได้อยากทำอย่างที่อยากจะทำมานาน และ ได้รับการใส่ใจจากอีกฝ่ายด้วย ก็ทำให้เกิดความสุข แม้ในใจจริงจะสงสัยอยู่บ้าง ว่าอีกฝ่ายปิดบังอะไรไว้ หรือ มีอะไรจะบอกรึเปล่า แต่เมื่อในสมองคิดสารตะแล้วไม่เห็นความเกี่ยวข้องจึงเดินหน้าในความสุขของตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่า the clock is ticking
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรเมื่อเธียรคิดและรู้สึกว่า
ทอฝันเลือกเวลานี้ให้เขาแล้ว
เวลาที่จะเปิดเผยทุกอย่าง
ห้วงเวลาแห่งความจริง
และถ้าหากเวลาต้องการจะสอน
ให้เราเข้าใจถึงความสำคัญ ถ้าหากเวลานั้น ยังมีอยู่ตอนนี้
ถ้าหากเธอและฉัน ยังมีกันวันนี้ และหากวันเหล่านั้น...ยังรออยู่จริง
ป.ล. จะมาวิเคราะห์ความจริงในรูปแบบของเธียร และ ความน่าจะเป็นต่อไป
นิทานพันดาว (กึ่งรีวิว) ตอนที่ 7 : ระเบิดเวลา