ความสุขของการเที่ยว อาจไม่ได้มีนิยามแค่ ปลายทางที่จะไป หรือ วิวระหว่างทาง
ความสุข ความสนุก ของการไปเที่ยว มีหลากหลายแบบ
บางที คือ จุดหมายปลายทาง
บางที คือ ระหว่างทางของทริป
บางที คือ การออกไปพบเจอผู้คน เจออะไรใหม่ ๆ ประสบการณ์ใหม่ ๆ
บางที คือ ออกไปทำอะไรที่ไม่เคยได้ทำใน comfort zone
บางที คือ การนั่งจิบกาแฟซักถ้วยแล้วชมวิวตรงหน้า
หรือ บางที แค่อยากหนีอะไรซักอย่างไปเปลี่ยนที่นอนเฉย ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(หรือบางที ก็แค่อยากเปลี่ยนที่ทำงานอดิเรกที่ชอบซักอย่าง)
(หรือบางที แค่อยากขี่รถคู่ใจไปที่ไหนก็ได้)
สำหรับตัวผมเอง ที่ไปคนเดียวมาหลายที่ ก็อาจเป็นทั้งหมดที่กล่าวมา แล้วแต่ช่วงอารมณ์ในตอนนั้นว่าจะไปเที่ยวเพราะอะไร แต่ก็มีอีกอย่างหนึ่งของความสุข ความสนุกของผม ก่อนจะออกทริปเสียอีก นั้นคือได้วางแผนไปเที่ยว นั้นเอง หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะไม่เข้าใจ ว่ามันสนุกตรงไหนกัน
สำหรับคนที่สงสัยว่าการวางแผนทริปมันสนุกตรงไหน มันต้องออกไปเที่ยวก่อนซิ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะมันเป็นเรื่องปัจเจกของแต่ละบุคคล และผมก็อยากจะเขียนให้อ่านเป็นอย่างยิ่งว่ามันสนุกยังไง(สำหรับผม)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
(ทริปที่ไปเที่ยวคนเดียวนานที่สุดตั้งแต่ออกเที่ยว กับ ทริปใต้ 17 วัน)
อันดับแรกสุดของการวางแผนไปเที่ยวไหนนั้น โดยแรกสุดผมมักจะเริ่มจากดูวันที่ที่จะออกเดินทางก่อน และเริ่มกำหนดระยะทางไปกลับคร่าว ๆ ว่ากี่กิโลเมตร เช่น 3 วัน 2 คืน ไป - กลับ 800 กิโลเมตร ต่อจากนั้นก็ไปเปิดแผนที่ดูว่าระยะทางประมาณนี้จะไปที่ไหนได้บ้าง เหนือ ใต้ ออก ตก
จากนั้นก็เลือกจังหวัดที่น่าสนใจทั้งหมด มาหาข้อมูลสถานที่เที่ยว ที่พัก จุดชมวิว จุดแวะต่าง ๆ พอได้จังหวัดที่จะไปแล้ว ก็มากำหนด Timeline ว่า ในระยะเวลา 3 วัน 2 คืน นี้ เราจะไปที่ไหนได้บ้าง กี่โมงจะอยู่ตรงจุดไหน ระยะทางและเวลาจากจุด A ไป B ใช้เท่าไหร่ แล้วนำมาสรุปเป็นแผนการเดินทาง พอได้แผนการเดินทางก็มาคำนวณระยะทางโดยประมาณทั้งหมดกี่กิโลเมตร ใช้น้ำมันกี่ถัง และมากำหนดงบประมาณทั้งหมด ทั้ง งบค่าน้ำมัน งบค่าที่พัก งบค่าอาหาร งบฉุกเฉิน ซึ่งงบทั้งหมดเป็นการคำนวณเบื้องต้นว่าจะมีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าใดของทริปเท่านั้น อาจเหลือ หรือ เกินบ้าง ก็แล้วแต่สถาณการณ์ทริปนั้น ๆ เช่น รถพัง กินเยอะ ของฝาก จากนั้นก็มาวางแผนข้าวของที่จะเอาไปทริปทั้งหมดคร่าว ๆ ใช้เวลาวางแผนทริปนึงล่วงหน้าเป็นเดือน แก้เยอะ แก้บ่อย จนกว่าจะถึงวันได้ไปจริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(สรุปแผนการเดินทาง และ งบประมาณทั้งหมด สนุกมากตอนทำ)
(ช่วงเวลาตอนเตรียมของไปเที่ยว ก็สนุกไม่แพ้ตอนวางแผนเที่ยวเลยสำหรับผม)
(บางที งบประมาณก็อาจเหลือบ้าง เกินบ้าง เพราะกินเยอะก็มี)
(เกิดเรื่องไม่คาดคิดระหว่างทริป จนต้องจ่ายเกินงบ ก็มี)
มาถึงจุดนี้ หลายคนเริ่มคิด ว่าแค่การไปเที่ยวมันต้องมานั่งคำนวณอะไรพวกนี้มากมายด้วยหรือ แค่จองที่พัก และ ออกไปลุย จ่ายเงิน ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิด การไปเที่ยวแบบ Plan is no plan ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมเกลียดแต่อย่างใด เพียงแค่การมานั่งคำนวณอะไรมากมายแบบนี้ มันคืออีกสิ่งที่ผมรู้สึกสนุกมาก ๆ ก่อนได้ออกทริปเท่านั้นเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ตอนเที่ยวเฉย ๆ นิดหน่อย แต่ถ้าได้เที่ยวแบบเป็นไปตามแผนที่วางไว้จะรู้สึกดี)
และเมื่อถึงวันออกทริป ถ้าแผนเป็นไปตามที่วางเอาไว้เกือบ 100% ผมก็จะยิ่งรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่ามันอาจไม่ 100% อาจมี 80% 90% บ้าง แต่นั้นก็เพียงพอที่ผมจะรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์นั้นแล้ว...
ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่พอใจที่ได้ทำตามแผน ... แค่นั้นแหละ ทำไมผมถึงรู้สึก มีความสุข และ สนุกที่สุดตอนได้วางแผน แต่เมื่อถึงวันได้ไปเที่ยวจริง ๆ ทุก ๆ สถานที่ที่ไป มันรู้สึกเคว้งแบบแปลก ๆ ไม่รู้เพราะไปคนเดียวรึเปล่า ? หรือว่าเหงา ก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่งดูวิวบนยอดเขาเฉย ๆ 2 ชั่วโมง โดยที่ไม่ได้คุยกับใคร เพราะไม่มีใครให้คุย แลกเปลี่ยนว่าเราเจออะไรมาบ้างตอนมาเที่ยว ได้แต่มองวิวไปเรื่อย ๆ จนเข้าที่พัก หรือ บางทีก็แวะไปเรื่อย ๆ ถ่ายรูปตามจุดต่าง ๆ แล้วก็กลับที่พัก ไม่นับกรณีที่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน อันนั้น สนุกอยู่แล้ว เฮฮาปาร์ตี้ มีเรื่องคุย
ผมไปเที่ยวคนเดียว ด้วย 2 เหตุผลหลัก ๆ คือ
1.ไปเพราะอยากจะเที่ยว แต่ชวนแล้วไม่มีใครไปด้วย เพื่อนว่างไม่ตรงบ้าง เราว่างไม่ตรงเพื่อนบ้าง เลยต้องไปคนเดียว
ปกติไปเที่ยวไหน ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปตลอด มันสนุกตอนเดินทาง จอดตอนไหนก็ได้ แต่พอถึงปลายทางแล้วก็เฉย ๆ เพื่อนคุยไม่มี นั่งกินข้าวคนเดียว มองดูวิวคนเดียว มันเหงา ๆ หน่อย แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีความสุขตอนเที่ยวนะ เพราะเรามาเพราะอยากเที่ยว อยากเจออะไรใหม่ ๆ นอกเหนือจาก circle of life ที่ต้องเจอทุกวัน
จริง ๆ ผมไม่ใช่พวก extrovert ที่ชอบพบเจอผู้คน เม้าท์มอยปาร์ตี้สังสรรค์ เท่าไหร่ ออกจะ introvert นิด ๆ ถ้าไม่ใช่เพื่อนที่สนิทกันจริง ๆ
2.อารมณ์ติดลบ อยู่ในช่วงเศร้า มีปัญหาชีวิต เลยไปเที่ยวคนเดียว
เหมือนมันเศร้านักกว่าเดิม แทนที่จะชาร์จแบตให้ตัวเอง แต่เหมือนตอกย้ำความคิดลบทางจิตใจ ยิ่งมีปัญหาชีวิต พอไปเที่ยวแล้วใช้เวลาอยู่กับตัวเองเยอะ ๆ เหมือนมันจะยิ่งแย่ลง หลัง ๆ เวลาเศร้า เลยไม่ไปเที่ยวไหนแล้ว
ทุกวันนี้ ไม่ค่อยได้เที่ยวคนเดียวแล้ว เรียกว่ายังไม่ได้ไปเที่ยวคนเดียวเลยดีกว่า เพราะติดโควิด แต่หลังจากอะไร ๆ ดีขึ้น ก็คงเริ่ม ๆ ไปเที่ยวบ้าง ซึ่งก็คงไปไหนคนเดียวเหมือนเดิม ถึงจะชิน แต่ก็รู้สึกเหงานิดหน่อย แก้ได้ด้วยการขีด ๆ เขียน ๆ ลงสมุดบันทึกไว้ลงพันทิป ลงเฟสเป็นบทความ ช่วยได้เยอะเลย
ถึงจะเหงา แต่ผมก็ยังชอบไปเที่ยวอยู่ มีความสุขตอนได้วางแผน
ความสุขของการได้ไปเที่ยว คนเดียว เป็นยังไง สนุกกันไหม
ความสุข ความสนุก ของการไปเที่ยว มีหลากหลายแบบ
บางที คือ จุดหมายปลายทาง
บางที คือ ระหว่างทางของทริป
บางที คือ การออกไปพบเจอผู้คน เจออะไรใหม่ ๆ ประสบการณ์ใหม่ ๆ
บางที คือ ออกไปทำอะไรที่ไม่เคยได้ทำใน comfort zone
บางที คือ การนั่งจิบกาแฟซักถ้วยแล้วชมวิวตรงหน้า
หรือ บางที แค่อยากหนีอะไรซักอย่างไปเปลี่ยนที่นอนเฉย ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับตัวผมเอง ที่ไปคนเดียวมาหลายที่ ก็อาจเป็นทั้งหมดที่กล่าวมา แล้วแต่ช่วงอารมณ์ในตอนนั้นว่าจะไปเที่ยวเพราะอะไร แต่ก็มีอีกอย่างหนึ่งของความสุข ความสนุกของผม ก่อนจะออกทริปเสียอีก นั้นคือได้วางแผนไปเที่ยว นั้นเอง หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะไม่เข้าใจ ว่ามันสนุกตรงไหนกัน
สำหรับคนที่สงสัยว่าการวางแผนทริปมันสนุกตรงไหน มันต้องออกไปเที่ยวก่อนซิ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะมันเป็นเรื่องปัจเจกของแต่ละบุคคล และผมก็อยากจะเขียนให้อ่านเป็นอย่างยิ่งว่ามันสนุกยังไง(สำหรับผม)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อันดับแรกสุดของการวางแผนไปเที่ยวไหนนั้น โดยแรกสุดผมมักจะเริ่มจากดูวันที่ที่จะออกเดินทางก่อน และเริ่มกำหนดระยะทางไปกลับคร่าว ๆ ว่ากี่กิโลเมตร เช่น 3 วัน 2 คืน ไป - กลับ 800 กิโลเมตร ต่อจากนั้นก็ไปเปิดแผนที่ดูว่าระยะทางประมาณนี้จะไปที่ไหนได้บ้าง เหนือ ใต้ ออก ตก
จากนั้นก็เลือกจังหวัดที่น่าสนใจทั้งหมด มาหาข้อมูลสถานที่เที่ยว ที่พัก จุดชมวิว จุดแวะต่าง ๆ พอได้จังหวัดที่จะไปแล้ว ก็มากำหนด Timeline ว่า ในระยะเวลา 3 วัน 2 คืน นี้ เราจะไปที่ไหนได้บ้าง กี่โมงจะอยู่ตรงจุดไหน ระยะทางและเวลาจากจุด A ไป B ใช้เท่าไหร่ แล้วนำมาสรุปเป็นแผนการเดินทาง พอได้แผนการเดินทางก็มาคำนวณระยะทางโดยประมาณทั้งหมดกี่กิโลเมตร ใช้น้ำมันกี่ถัง และมากำหนดงบประมาณทั้งหมด ทั้ง งบค่าน้ำมัน งบค่าที่พัก งบค่าอาหาร งบฉุกเฉิน ซึ่งงบทั้งหมดเป็นการคำนวณเบื้องต้นว่าจะมีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าใดของทริปเท่านั้น อาจเหลือ หรือ เกินบ้าง ก็แล้วแต่สถาณการณ์ทริปนั้น ๆ เช่น รถพัง กินเยอะ ของฝาก จากนั้นก็มาวางแผนข้าวของที่จะเอาไปทริปทั้งหมดคร่าว ๆ ใช้เวลาวางแผนทริปนึงล่วงหน้าเป็นเดือน แก้เยอะ แก้บ่อย จนกว่าจะถึงวันได้ไปจริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาถึงจุดนี้ หลายคนเริ่มคิด ว่าแค่การไปเที่ยวมันต้องมานั่งคำนวณอะไรพวกนี้มากมายด้วยหรือ แค่จองที่พัก และ ออกไปลุย จ่ายเงิน ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิด การไปเที่ยวแบบ Plan is no plan ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมเกลียดแต่อย่างใด เพียงแค่การมานั่งคำนวณอะไรมากมายแบบนี้ มันคืออีกสิ่งที่ผมรู้สึกสนุกมาก ๆ ก่อนได้ออกทริปเท่านั้นเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และเมื่อถึงวันออกทริป ถ้าแผนเป็นไปตามที่วางเอาไว้เกือบ 100% ผมก็จะยิ่งรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่ามันอาจไม่ 100% อาจมี 80% 90% บ้าง แต่นั้นก็เพียงพอที่ผมจะรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์นั้นแล้ว...
ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่พอใจที่ได้ทำตามแผน ... แค่นั้นแหละ ทำไมผมถึงรู้สึก มีความสุข และ สนุกที่สุดตอนได้วางแผน แต่เมื่อถึงวันได้ไปเที่ยวจริง ๆ ทุก ๆ สถานที่ที่ไป มันรู้สึกเคว้งแบบแปลก ๆ ไม่รู้เพราะไปคนเดียวรึเปล่า ? หรือว่าเหงา ก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่งดูวิวบนยอดเขาเฉย ๆ 2 ชั่วโมง โดยที่ไม่ได้คุยกับใคร เพราะไม่มีใครให้คุย แลกเปลี่ยนว่าเราเจออะไรมาบ้างตอนมาเที่ยว ได้แต่มองวิวไปเรื่อย ๆ จนเข้าที่พัก หรือ บางทีก็แวะไปเรื่อย ๆ ถ่ายรูปตามจุดต่าง ๆ แล้วก็กลับที่พัก ไม่นับกรณีที่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน อันนั้น สนุกอยู่แล้ว เฮฮาปาร์ตี้ มีเรื่องคุย
ผมไปเที่ยวคนเดียว ด้วย 2 เหตุผลหลัก ๆ คือ
1.ไปเพราะอยากจะเที่ยว แต่ชวนแล้วไม่มีใครไปด้วย เพื่อนว่างไม่ตรงบ้าง เราว่างไม่ตรงเพื่อนบ้าง เลยต้องไปคนเดียว
ปกติไปเที่ยวไหน ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปตลอด มันสนุกตอนเดินทาง จอดตอนไหนก็ได้ แต่พอถึงปลายทางแล้วก็เฉย ๆ เพื่อนคุยไม่มี นั่งกินข้าวคนเดียว มองดูวิวคนเดียว มันเหงา ๆ หน่อย แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีความสุขตอนเที่ยวนะ เพราะเรามาเพราะอยากเที่ยว อยากเจออะไรใหม่ ๆ นอกเหนือจาก circle of life ที่ต้องเจอทุกวัน
จริง ๆ ผมไม่ใช่พวก extrovert ที่ชอบพบเจอผู้คน เม้าท์มอยปาร์ตี้สังสรรค์ เท่าไหร่ ออกจะ introvert นิด ๆ ถ้าไม่ใช่เพื่อนที่สนิทกันจริง ๆ
2.อารมณ์ติดลบ อยู่ในช่วงเศร้า มีปัญหาชีวิต เลยไปเที่ยวคนเดียว
เหมือนมันเศร้านักกว่าเดิม แทนที่จะชาร์จแบตให้ตัวเอง แต่เหมือนตอกย้ำความคิดลบทางจิตใจ ยิ่งมีปัญหาชีวิต พอไปเที่ยวแล้วใช้เวลาอยู่กับตัวเองเยอะ ๆ เหมือนมันจะยิ่งแย่ลง หลัง ๆ เวลาเศร้า เลยไม่ไปเที่ยวไหนแล้ว
ทุกวันนี้ ไม่ค่อยได้เที่ยวคนเดียวแล้ว เรียกว่ายังไม่ได้ไปเที่ยวคนเดียวเลยดีกว่า เพราะติดโควิด แต่หลังจากอะไร ๆ ดีขึ้น ก็คงเริ่ม ๆ ไปเที่ยวบ้าง ซึ่งก็คงไปไหนคนเดียวเหมือนเดิม ถึงจะชิน แต่ก็รู้สึกเหงานิดหน่อย แก้ได้ด้วยการขีด ๆ เขียน ๆ ลงสมุดบันทึกไว้ลงพันทิป ลงเฟสเป็นบทความ ช่วยได้เยอะเลย
ถึงจะเหงา แต่ผมก็ยังชอบไปเที่ยวอยู่ มีความสุขตอนได้วางแผน