(หนวดที่น่าประทับใจของ Alfie ด้วยความยาวเจ็ดนิ้วเมื่อยืดออก ซึ่งเจ้าของเชื่อว่ายาวที่สุดในสหราชอาณาจักร)
นี่คือ Alfie ที่ถูกเลี้ยงอยู่ที่คอกม้าใน Bitton ใกล้เมือง Bristol มันเติบโตมาเป็นเวลา10 ปีแล้วและเป็นม้าที่ดื้อรั้นมาก ซึ่งในขณะที่ม้าส่วนใหญ่ต้องถูกตัดหนวดทุก ๆ หกเดือน แต่ Alfie ที่ภูมิใจในหนวดของมันมาก และมันจะคำรามทุกครั้งหากมีมือพยายามที่จะตัดแต่งหนวดของมัน โดยหนวดลักษณะนี้มักจะเห็นเฉพาะในสายพันธุ์ Friesian และ Gypsy Vanner เท่านั้น
Hayley Coxteth ผู้จัดการคอกม้าวัย 20 กล่าวว่า เมื่อเขาเห็นมันครั้งแรกเขาพบว่า Alfie มีความเฉลียวฉลาด และมันไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้หากจะพยายามจัดการกับหนวดของมัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ม้าจะมีหนวดอยู่รอบปากเพื่อช่วยวัดระยะห่างของอาหารและวัตถุอื่น ๆ
เพราะม้ามีจุดบอดที่ด้านหน้าของพวกมัน เนื่องจากตาของพวกมันอยู่ห่างกันในแต่ละด้าน ทำให้มันสามารถมองเห็นได้เกือบทั่วร่างกาย และทุกทิศทางยกเว้นที่ด้านหน้าจมูก ซึ่งหนวดเหล่านั้นเปรียบเสมือนหนวดของแมลง ที่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งของที่อยู่ใกล้ ๆ และช่วยแยกแยะว่าอยู่ใกล้แค่ไหน
ซึ่งในอดีตปี 1998 การโกนหนวดหรือเคราสัตว์ถือว่าผิดกฎหมายของเยอรมนี โดยในย่อหน้าที่หกของกฎหมายสวัสดิภาพสัตว์ของเยอรมันระบุว่า
ห้ามตัดแต่ง vibrissae (หนวดหรือเคราสัตว์) ที่อยู่รอบดวงตาและปาก รวมทั้งการเล็มหรือตัดขนภายในหูด้วย และในทางปฏิบัติหมายความว่าผู้เข้าแข่งขันที่มีม้าที่ถูกโกนหนวดจะถูกตัดสิทธิ์ทันที
สายพันธุ์ม้าที่เรียกว่า Gypsy Vanner Cr.flickr/Jenny
Gemma Stanford ผู้อำนวยการฝ่ายสวัสดิการของสมาคมม้า The British Horse Society (BHS) กล่าวว่า
“ จุดประสงค์ของหนวดของม้าทั้งรอบดวงตาและปาก ให้การตอบสนองทางประสาทสัมผัสต่อสภาพแวดล้อมของม้า ความยาวของหนวดจะกำหนดระยะห่างที่ปลอดภัยจากวัตถุหรือสารที่ไม่คุ้นเคย และช่วยให้สามารถระบุลักษณะที่ไม่คุ้นเคยของอาหาร หรือตรวจจับวัตถุขนาดเล็กที่กินไม่ได้โดยเป็นแผนที่สิ่งแวดล้อม
“ และหนวดที่ปรากฏบนเปลือกตาทั้งบนและล่าง จะช่วยกระตุ้นการสัมผัสและกระตุ้นการตอบสนองของการกระพริบตา เนื่องจากหนวดมีเส้นประสาทที่ดีพวกมันจึงคิดว่าสามารถรับพลังงานการสั่นสะเทือน (เสียง) ได้ ”
แต่แม้ว่าจะมีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่บ่งชี้ว่า ม้าที่ถูกตัดแต่ง vibrissae มีแนวโน้มที่จะได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า แต่ก็ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์โดยตรงเกี่ยวกับวิธีการแสดงออกและในระดับใด ทั้งที่ vibrissae ช่วยให้ม้าทราบเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของพวกมัน
จากข้อมูลของสัตวแพทย์ชาวดัตช์ Machteld Van Dierendonck ที่ได้ทำการศึกษา vibrissae ในสัตว์ฟันแทะและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล เพื่อนำผลที่ได้ทางทฤษฏีไปใช้กับม้า ซึ่งก่อนหน้ายังไม่มีใครไปศึกษาเรื่องนี้กับม้าจริงๆ
ดังนั้น เธอจึงทำการศึกษานำร่องเพื่อตรวจสอบการทำงานของหนวดม้าและผลของการโกนหนวดออก และผลลัพธ์ที่ได้ยังไม่ชัดเจนมากนัก โดยคาดเดาว่าอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ขนาดตัวอย่างที่เล็กเกินไป ทำให้วิธีการที่ไม่ได้ผล หรือหนวดของม้าไม่ได้มีความสำคัญอย่างที่นักวิทยาศาสตร์คิด
Cr.ภาพ facebook.com/ IMV Technologies
Cr.racccoon.com/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
สายพันธุ์ม้าที่มีหนวด
Hayley Coxteth ผู้จัดการคอกม้าวัย 20 กล่าวว่า เมื่อเขาเห็นมันครั้งแรกเขาพบว่า Alfie มีความเฉลียวฉลาด และมันไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้หากจะพยายามจัดการกับหนวดของมัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ม้าจะมีหนวดอยู่รอบปากเพื่อช่วยวัดระยะห่างของอาหารและวัตถุอื่น ๆ
เพราะม้ามีจุดบอดที่ด้านหน้าของพวกมัน เนื่องจากตาของพวกมันอยู่ห่างกันในแต่ละด้าน ทำให้มันสามารถมองเห็นได้เกือบทั่วร่างกาย และทุกทิศทางยกเว้นที่ด้านหน้าจมูก ซึ่งหนวดเหล่านั้นเปรียบเสมือนหนวดของแมลง ที่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งของที่อยู่ใกล้ ๆ และช่วยแยกแยะว่าอยู่ใกล้แค่ไหน
ซึ่งในอดีตปี 1998 การโกนหนวดหรือเคราสัตว์ถือว่าผิดกฎหมายของเยอรมนี โดยในย่อหน้าที่หกของกฎหมายสวัสดิภาพสัตว์ของเยอรมันระบุว่า
ห้ามตัดแต่ง vibrissae (หนวดหรือเคราสัตว์) ที่อยู่รอบดวงตาและปาก รวมทั้งการเล็มหรือตัดขนภายในหูด้วย และในทางปฏิบัติหมายความว่าผู้เข้าแข่งขันที่มีม้าที่ถูกโกนหนวดจะถูกตัดสิทธิ์ทันที
สายพันธุ์ม้าที่เรียกว่า Gypsy Vanner Cr.flickr/Jenny
“ จุดประสงค์ของหนวดของม้าทั้งรอบดวงตาและปาก ให้การตอบสนองทางประสาทสัมผัสต่อสภาพแวดล้อมของม้า ความยาวของหนวดจะกำหนดระยะห่างที่ปลอดภัยจากวัตถุหรือสารที่ไม่คุ้นเคย และช่วยให้สามารถระบุลักษณะที่ไม่คุ้นเคยของอาหาร หรือตรวจจับวัตถุขนาดเล็กที่กินไม่ได้โดยเป็นแผนที่สิ่งแวดล้อม
“ และหนวดที่ปรากฏบนเปลือกตาทั้งบนและล่าง จะช่วยกระตุ้นการสัมผัสและกระตุ้นการตอบสนองของการกระพริบตา เนื่องจากหนวดมีเส้นประสาทที่ดีพวกมันจึงคิดว่าสามารถรับพลังงานการสั่นสะเทือน (เสียง) ได้ ”
แต่แม้ว่าจะมีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่บ่งชี้ว่า ม้าที่ถูกตัดแต่ง vibrissae มีแนวโน้มที่จะได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า แต่ก็ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์โดยตรงเกี่ยวกับวิธีการแสดงออกและในระดับใด ทั้งที่ vibrissae ช่วยให้ม้าทราบเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของพวกมัน
จากข้อมูลของสัตวแพทย์ชาวดัตช์ Machteld Van Dierendonck ที่ได้ทำการศึกษา vibrissae ในสัตว์ฟันแทะและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล เพื่อนำผลที่ได้ทางทฤษฏีไปใช้กับม้า ซึ่งก่อนหน้ายังไม่มีใครไปศึกษาเรื่องนี้กับม้าจริงๆ
ดังนั้น เธอจึงทำการศึกษานำร่องเพื่อตรวจสอบการทำงานของหนวดม้าและผลของการโกนหนวดออก และผลลัพธ์ที่ได้ยังไม่ชัดเจนมากนัก โดยคาดเดาว่าอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ขนาดตัวอย่างที่เล็กเกินไป ทำให้วิธีการที่ไม่ได้ผล หรือหนวดของม้าไม่ได้มีความสำคัญอย่างที่นักวิทยาศาสตร์คิด