ใครมีพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเป็นข้าราชการมากๆบ้างมั้ยคะ

สวัสดีค่ะ 
คือทางบ้านเราอยากให้เราทำงานราชการมากๆ แต่เราไม่ชอบเลย และต้องทะเลาะกันทุกครั้ง
ตอนนี้เราทำงานบริษัทเอกชนที่นึง เงินเดือนไม่ได้เยอะมาก แต่เยอะกว่าราชการแน่นอน
เอาจริงๆเห็นเงินเดือนสตาร์ทของราชการแล้วรู้สึกว่ามันไม่พอต่อการดำรงชีพของเรา 
ไหนจะค่าห้อง ค่าอะไรอีกมากมาย และที่บ้านเราก็ไม่ได้ช่วยซัพพอร์ตอะไรตรงนี้ด้วย
เราเคยบอกที่บ้านไปแล้วว่าถ้าได้เงินเดือนแค่นั้นเราไม่พอใช้
พ่อแม่บอกว่าให้เราทนหน่อยไม่ได้หรอ สวัสดิการราชการมันดี พ่อแม่ก็ใช้ได้ด้วย
เราเคยบอกไปแล้วว่าถ้าอยากได้แค่พวกสวัสดิการ ซื้อประกันเอาก็ได้ เทียบกับส่วนต่างเงินเดือนแล้ว
สามารถซื้อประกันได้ แต่พ่อแม่ก็ไม่ยอมให้ซื้อประกัน บอกอยากได้สวัสดิการของราชการมากกว่า
เรางงมากว่าการที่เราซื้อประกันให้พ่อแม่กับการที่ไปใช้สวัสดิการของราชการนี่มันต่างกันหรอคะ
อีกอย่างนึงคือเรามีแฟน และบ้านแฟนมีธุรกิจอยู่ต่างจังหวัด ไม่ใช่ธุรกิจใหญ่มาก แต่รายได้ก็หลักหลายแสนค่ะ
เราเลยคุยกับที่บ้านว่าอนาคตเราจะไปช่วยทำธุรกิจที่บ้านแฟนนะ คือเราว่าการเป็นนายของตัวเองมันดีกว่าเป็นลูกจ้างเค้า
แต่ที่บ้านเราก็คัดค้าน ไม่อยากให้ไปช่วยธุรกิจ แม่ยังยืนยันว่าอยากให้ทำงานราชการมากกว่าเป็นเจ้าของธุรกิจเอง
เหตุผลคือเป็นเจ้าของธุรกิจ ถ้าเจ๊งก็เข้าเนื้อตัวเอง ทำงานราชการดีกว่าตั้งเยอะ ( บ้านเราก็เคยมีธุรกิจค่ะ แล้วก็คือล้มไปตอนต้มยำกุ้ง )
เราเซ็งทุกครั้งที่คุยกับที่บ้านเรื่องนี้เลย ทำไมคนสมัยก่อนเค้าถึงฝังใจว่าการทำราชการมันดีขนาดนั้น
มีบ้านไหนมีปัญหาแบบเราบ้างมั้ยคะ แล้วแก้ปัญหาแบบนี้ยังไง

Edit นะคะ เราตอบความคิดเห็นที่ 49 ไว้ค่ะ

ขอบคุณหลายๆความคิดเห็นนะคะ
- ส่วนตัวเราสอบ กพ. ผ่านแล้วค่ะ เคยยอมไปสอบราชการครั้งนึง แต่ติดเป็นตัวสำรอง และทางบ้านเราอยากให้สอบใหม่เรื่อยๆเพื่อให้เป็นตัวจริงให้ได้
- หลายคนแนะนำให้เราทำราชการควบคู่ไปกับการช่วยธุรกิจที่บ้านแฟน ซึ่งตรงจุดนี้เรามีตัวแปรเยอะมากที่ไม่สามารถทำคู่กันได้ค่ะ มันเลยมีเหตุผลหลายอย่างคัดค้านกันอยู่ค่ะ

1. ทางบ้านอยากให้เรารับราชการที่จังหวัดบ้านเกิด และ กทม. เท่านั้น จังหวัดอื่นไม่อนุญาตให้ไป ( ไม่สามารถทำราชการที่จังหวัดของแฟนได้ เนื่องจากธุรกิจบ้านแฟนไม่ได้อยู่ในตัวเมืองของจังหวัด และอยู่ไกลจากตัวเมืองไปอีก 80 กิโลค่ะ )

2. ธุรกิจของบ้านแฟน อยู่ไกลจากเรามากค่ะ ถ้านับ กทม. เป็นจุดศูนย์กลาง แฟนอยู่ห่างไปอีก 350 กิโล และ บ้านเราห่างออกไปอีกทาง 120 กิโลค่ะ ( เป็นจังหวัดที่ไม่มีสนามบินทั้งคู่ )

3. จริงๆเรามีแพลนจะแต่งงาน และย้ายไปอยู่กับแฟนเพื่อช่วยธุรกิจเค้าแบบเต็มตัว ตามตรงเลยก็คือเรากลัวที่หลังแต่งงานจะต้องแยกกันอยู่กับแฟน แล้วมันไม่เป็นครอบครัว ซึ่งเราอยากทำให้ครอบครัวเราสมบูรณ์ที่สุด ( เราเป็นลูกคนเดียว และบ้านแฟนเรายินดีให้พ่อ-แม่เราย้ายมาอยู่กับเค้าด้วย )

4. ธุรกิจนี้ทางบ้านแฟนตั้งใจจะยกธุรกิจนี้ให้เราและแฟนดูแลกิจการต่อไปเลย อย่างที่บอกไปค่ะว่าตอนนี้เพิ่งเริ่มธุรกิจได้ไม่กี่เดือน ( อันนี้ทางบ้านแฟนแยกบริษัทให้แฟนเราใหม่ จากบริษัทหลักที่พ่อทำค่ะ ) รายได้ต่อเดือนตอนนี้อยู่ที่หลักหลายแสน ( หักค่าแรงคนงานและค่าอื่นๆเรียบร้อยแล้ว ) และมีแพลนจะขยายธุรกิจต่อ จึงเป็นจุดที่ทางบ้านแฟนอยากให้เราไปช่วย เพราะเค้าไม่อยากรับคนอื่นเข้าไปทำงานด้วย

มันเลยเรื่องที่เชื่อมโยงถึงอนาคตชีวิตคู่ของเราด้วยว่ามันจะเดินหน้ายังไงกันต่อไปดี แต่ก็ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากๆนะคะ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
มีคนเคยบอกว่า เรียนเก่งไปเอกชน ไม่เก่งมาราชการ แต่จะบอกให้นะครับ สอบราชการเดี๋ยวนี้ อัตราสอบผ่าน ภาค ก  5%  และอัตราการสอบผ่าน ภาค ข อยู่ที่ 1% ยิ่งคนมาสอบกันเยอะอัตราสอบได้ยิ่งยากขึ้น  รู้ไหมทำไมอัตราสอบผ่านต่ำขนาดนี้ คนก็ยังสมัครกัน เพราะ สวัสดิการมันดีมากๆ ดีอย่างไร  วัดกันหมัดต่อหมัด อันแรก ค่ารักษาพยาบาล  รักษา  รพ.รัฐได้ทุกแห่งฟรี บางคนบอกว่า รพ.เอกชนมีหมอเก่งกว่าเยอะ อันนี้ไม่แย้งครับ แต่ก็แลกมาด้วยค่ารักษาที่สูงมาก แต่อย่าลืมนะ รพ.รัฐที่มีหมอเก่งๆประจำภาคก็มีเยอะ เช่น ภาคกลาง รพ.ศิริราช   ภาคเหนือ รพ.เชียงใหม่  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รพ.ขอนแก่น  ภาคใต้ รพ.สงขลา ถ้ารักษาที่รพ.ดังๆประจำภาคก็รักษาดีไม่แพ้ รพ.เอกชนเช่นกัน  ส่วนที่ว่าทำประกันจะแทนสวัสดิการส่วนนี้ได้หรือไม่ ตอบเลยว่าไม่ได้ทั้งหมดหรอกครับ ถ้าสมมติเราหรือพ่อแม่ป่วยเป็นมะเร็ง ต้องมีค่ารักษาต่อเนื่อง ค่ายาคีโมแต่ละครั้งหลักแสนนะครับไหนก็ค่า CTสแกนหรือMRIอีก ในการตรวจรักษาแต่ละครั้ง เป็นมะเร็งไม่ใช่แค่รักษาครั้งเดียวหายนะครับ ต้องรักษาต่อเนื่องยาวนานถึง5ปีถ้าไม่เจอเนื้อร้ายถึงจะหายขาด ค่าใช้จ่ายปีๆนึง หลักล้านก็มี ประกันที่ไหนจะกล้าจ่ายให้คุณ ถ้าคุณทำประกันแค่หลักพัน/เดือนหรือหลักหมื่น/ปี    ค่าเล่าเรียนบุตรเบิกได้ถึง 3 คน จนจบป.ตรี คุณคิดว่าเป็นเงินเท่าไหร่ ถ้าทำงานเอกชนหรือธุรกิจส่วนตัวต้องสำรองเงินไว้กี่ล้านครับ ถ้าคุณทำกิจการส่วนตัว คุณต้องหมุนเงินตลอด จะเอาเงินเก็บจากไหนมา  สิทธิบำนาญชีวิตหลัง60ปี มีเงินใช้รายเดือนฟรีๆจนเสียชีวิต เอกชนหรือธุรกิจส่วนตัวมีให้ตรงนี้ไหม ถ้าคุณไม่เก็บเงินไว้เอง ถ้าในยุคแบบนี้เศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ เงินเก็บทำได้ยากมากครับ แค่สวัสดิการ3ข้อนี้ก็กินขาดแล้วครับ ที่คุณพูดมาแย้งว่าข้าราชการเงินเดือนน้อย ก็น้อยจริงแค่ช่วงเริ่มต้น แต่ตอนปลายดีกว่าเอกชนหรือธุรกิจส่วนตัวเยอะครับ ความเสี่ยงก็น้อยกว่าด้วย ธุรกิจส่วนตัว ไม่รุ่งก็ร่วง ถ้าเศรษฐกิจดีก็รุ่ง ถ้ายุคโควิดแบบนี้....ร่วงครับ  ผมไม่ได้อยากให้คุณมารับราชการหรอกที่พูดมาเพราะชีวิตเป้นของคุณ คุณต้องเลือกเอง แต่มาแย้งมุมมองของคุณที่มีต่องานราชการมันแค่มุมมองแคบๆของคุณที่ฟังมาจากคนอื่นหรือแค่รู้ไม่ลึกจริง ผมแค่อยากมาขยายให้คุณฟังแบบกว้างๆครับ ขอบคุณครับ
ความคิดเห็นที่ 5
ตาม คห 1 ผมว่าทุกวันนี้ไม่เช้าชามเย็นชามนะครับ
ผมคนหนึ่งรับราชการ ถึงเงินเดือนจะน้อย แต่น้อยไม่นานนะครับ มันมีระดับและเพดานของมันในแต่ละขั้น แรกรับขั้นต่ำ ปตรี  ผ่านไปไม่กี่ปีก็เกินเท่าตัวแล้วครับ ข้าราชการมีหลายตำแหน่งมีหลายประเภท เลือกให้ถูกที่ ก็ดีกว่าเอกชนหลายบริษัทอยู่นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่