ภูกระดึงครั้งที่สองของเราแหละ เป็นอีกที่หนึ่งที่อยากเก็บเรื่องราวไว้อ่านยามแก่ ที่เดิม ๆ แต่ความรู้สึกต่างไปจากเดิมมากมายอยู่นะ
1. บันทึกการเดินทาง
2. แผนการเดินทาง
3. ค่าใช้จ่าย
4. เรื่องที่อยากบอก
5. อัลบั้มภาพฟิล์ม
เราเดินทางจากบ้านด้วยรถมินิบัสหลังจากเลิกงาน เข้ากรุงเทพ และนัดรวมตัวกันที่บีทีเอสมอเกษตร
มีความน่ารักในผู้คนเสมอ
พี่คนนึงที่ท่ารถหมอชิต หุ่นเหมือน บอล ชวนชื่น มาช่วยเราเรียกแท็กซี่ หลังจากที่เราเรียกแล้วเขาไม่รับ น่ารักจริง ๆ ขอบคุณมาก ๆ
มาถึงบีทีเอส พี่วินมอเตอร์ไซค์ ถาม "ไปไหนน้อง!!!" ตามสไตล์พี่วินอ่ะเนาะ อ่อ หนูมารอรถตรงนี้อ่าค่ะ เอ้าาาา มายืนรอทำไม ไปนั่งรอ แล้วชี้ไปที่เก้ากี้ที่มีอยู่ 1 ตัว พี่วินอีกคนหนึ่งเดินไปหยิบเก้าอี้มาให้อีกตัว พี่วินอีกคนบอกพิกัดของที่ตั้งของแก้วน้ำและกระติกน้ำที่มีน้ำเย็นชื่นใจ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
มีศิลปินเปิดหมวกบรรเลงเพลงเพราะ ๆ ให้เราฟัง เราไม่ได้ยินเพียงแค่ดนตรี แต่ได้ยินเสียงของชีวิต ชีวิตที่มีความหวัง ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
ออกจากกรุงเทพฯ น่าจะราว ๆ สามทุ่มครึ่ง ถึงผานกเค้าเจ็ดโมงเช้า พวกเรากินมื้อเช้ากันที่ปั๊ม ปตท. มีศูนย์อาหารอยู่ กับข้าวก็มีให้เลือกหลายอย่าง ก๋วยเตี๋ยวก็มี ขาวมันไก่ หมูแดง หมูกรอบ ต้มเลือดหมู เลือกกินได้ตามใจ
อิ่มท้องแล้วก็มุ่งหน้าไปอุทยานฯ กั๊นนนนน ... เมื่อถึงแล้ว แสดง QR Code ที่ลงทะเบียนผ่าน แอพพลิเคชั่น QueQ จะได้รับสติ๊กเกอร์ตราอุทยานคนละ 1 ดวง เรียบร้อยแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดกระเป๋าเล็กน้อยให้พร้อมลุย
แผนในการเดินของพวกเราคือ เดินเรื่อย ๆ ชิว ๆ เก็บบรรยากาศ แวะถ่ายรูปกันเรื่อยไป เริ่มเดิน เก้าโมงครึ่งถึงหลังแปสี่โมงกว่า ๆ
เมื่อถึงหลังแป พวกเราเลือกจะแบกเป้กันต่ออีกหนึ่งหอบ เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก ซึ่งเป็นผาที่ใกล้ที่สุด ความอ่อนล้าสะสมมาร่วม 7 ชั่วโมง บวกกับแดดยามเย็นช่วงต้นฤดูร้อน ทำให้ระยะทางอีกกว่า 2 กิโลเมตรต่อจากนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ความเหนื่อยล้าทำให้ได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองชัดขึ้น จังหวะหนึ่งแม้ว่ายังไม่ถึงจุดหมาย แต่ในใจมันรู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก เราก็นึกยิ้มให้ตัวเองในใจ ขอบคุณร่างกายที่อดทนพามาเจอที่สวย ๆ แบบนี้ และไม่ว่าจะได้ดูพระอาทิตย์ตกอีกกี่ครั้ง ก็ยังคงอบอุ่นใจเสมอ
ปิคนิคแบบวิวร้อยล้าน
จากนั้นก็เดินทางกลับแคมป์วังกวาง ท่ามกลางความมืด
กางเต็นท์กันแบบสะบักสะบอมพอสมควร
และเมื่อเช้าวันใหม่มาถึง ความสนุกรอเราอยู่ตรงหน้าแล้ว ซัดมื้อเช้าแล้วเตรียมไปลุยกันเล้ยยยย วู้วว
พวกเราใช้เส้นทางเดินทางแคมป์วังกวาง เดินทางน้ำตก ผ่านสระอโนดาต แล้วตัดไปยังผาหล่มสัก พักผ่อนและกินมื้อกลางวันกันที่นี่ จากนั้นก็เดินจากผาหล่มสัก ผ่านหน้าผาต่าง ๆ ไปจนถึงผาจำศีลในเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะบอกลาเราไปอีกหนึ่งวัน ความตั้งใจแรกคือจะตัดเข้าแคมป์วังกวางก่อนจะถึงผากหมากดูก แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ช้างป่าและสัตว์ป่าอื่น ๆ ออกหากินใกล้แหล่งน้ำ ทำให้ต้องย่ำเท้ากันต่อเนื่องไปที่ผาหมากดูกอีกครั้ง ซึ่งเส้นนี้เป็นเส้นทางที่ระยะที่ไกลที่สุด แต่ก็ได้เก็บบรรยากาศของภูกระดึงได้เต็มที่สุด ๆ เช่นกัน และที่สำคัญมากกว่าสิ่งใดคงหนีไม่พ้นมิตรภาพดี ๆ ระหว่างทาง การได้พูดคุยกัน หัวเราะกันในเรื่องนู้นเรื่องนี้ ทำให้เราสนิทกันมากขึ้นโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายามเลย
เดินกลับมืด ๆ อีกแล้วพวกเรา
เมื่อพวกเรากลับมาถึงแคมป์แล้ว ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ น้ำอย่างเย็นอ่ะครับน้อนน้อน โคตรหนาว ต้องหาอะไรอุ่น ๆ กิน จัดหมูกระทะชุดใหญ่ไปสองชุดถ้วน
เช้าอีกวันแล้ว วันนี้พวกเราวิ่งลงกันเลย ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมง โคตรมันส์ เป้าหมายคือลงให้ถึงก่อนที่น้ำแข็งจะละลายหมด ที่ไหนได้ เติมตลอดทางจ้า ฮ่าฮ่า
บ๊ายบายภูกระดึง
Day 0
19.30 น. เดินทางโดยรถมินิบัสจากราชบุรีเข้ากรุงเทพฯ (หมอชิต) แล้วเรียกแท็กซี่ไปส่งจุดนัดพบ บีทีเอส ม.เกษตร
21.00 น. เดินทางออกจากกรุงเทพฯ โดยรถยนต์ส่วนตัว มุ่งหน้าผานกเค้า
Day 1
07.00 น. มื้อเช้ากันที่ ปตท. ผานกเค้า
07.30 น. เดินทางไปเตรียมความพร้อมบริเวณอุทยานฯ ลงทะเบียน จ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมถึงอาบน้ำด้วย
09.35 น. เริ่มเดิน
▪️กินมื้อเที่ยงที่ซำกกโดน
▪️ถึงหลังแปแล้วเลี้ยวไปผาหมากดูก (ยังไม่เข้าแคมป์)
▪️ดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก
▪️มุ่งหน้าไปยังแคมป์วังกวางและกางเต้นท์
Day 2
▪️เดินเท้า เส้นทางน้ำตก ผ่าน องค์พระ - น้ำตกธารสวรรค์ - สระอโนดาต - น้ำตกถ้ำสอเหนือ - ผาหล่มสัก (ไม่ได้เข้าน้ำตกโซนด้านในเนื่องจากมีประกาศเตือนจากอุทยานฯ เรื่องช้างป่า เราออกตั้งแต่แปดโมงเช้า ถึงผาหล่มสักได้กินมื้อเที่ยงราว ๆ บ่ายโมงครึ่ง เดินไปประมาณ 5 ชั่วโมง)
▪️นั่งพัก นอนพัก เสร็จแล้วก็ไปถ่ายรูปกันที่หน้าผา และเริ่มออกเดินต่อประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง
▪️เดินเท้าต่อโดยใช้เส้นทางเรียบหน้าผา ตั้งแต่ ผาหล่มสัก - ผาแดง - ผาเหยียบเมฆ - ผานาน้อย - ผาจำศีล - ผาหมากดูก - แคมป์วังกวาง และจัดหมูกระทะกันเลย ฮ่าฮ่า
Day 3
▪️เดินชิลกินชาเขียวนมสดเย็น ๆ เพื่อทวีความหนาวในร่างกายตั้งแต่เช้า
▪️07.00 เริ่มเดิน จากวังกวาง ไปหลังแป และลงตามซำต่าง ๆ ใช้เวลาราว ๆ 3 ชั่วโมง
▪️อาบน้ำ
▪️กินมื้อเที่ยงที่ร้านในอุทยานฯ
▪️เดินทางกลับกรุงเทพฯ
▪️23.00 น. ถึงกรุงเทพ เราเข้าพักที่โรงแรมแถวเยาวราช
Day 4
▪️04.00 น. ตื่นเช้าเดินทางไปทำงานที่ราชบุรีตามปกติ
ภูกระดึงเงินต้องหนาพอสมควรเมื่อเทียบกับเขาลูกอื่น ๆ เนื่องจากห้ามก่อไฟ ห้ามจุดเตาแก๊สเอง ทำให้เราหุงหาอาหารเองไม่ได้ และด้วยระยะไกลบวกกับมีร้านค้าคอยให้บริการตลอดทำให้วะดวกในการใช้จ่าย
◾ ค่าเดินทาง
▪️มินิบัสไป-กลับ 200
▪️แท็กซี่ หมอชิต - ม.เกษตร 80.-
▪️น้ำมันรถ (หารกัน) 300.-
▪️แท็กซี่ ม.เกษตร - เยาวราช 150.-
▪️แท็กซี่ เยาวราช - สายใต้ 70.-
◾ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอุทยานอุทยาน
▪️ค่าธรรมเนียมอุทยาน 40.-
▪️ค่าธรรมเนียมพื้นที่กางเต็นท์ 30×2 คืน = 60.-
▪️แผนที่ 10.-
▪️ประกันชีวิต 10.-
◾อาหาร
▪️ทั้งมื้อหลัก มื้อรอง น้ำ ขนมนมเนยต่าง ๆ 1,000
◾โรงแรมเยาวราช 700.-
รวม 2,620.-
𝐏𝐡𝐮 𝐊𝐫𝐚𝐝𝐮𝐞𝐧𝐠 | 𝐈 𝐟𝐢𝐧𝐝 𝐦𝐲 𝐬𝐞𝐜𝐨𝐧𝐝 | อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 2021
1. บันทึกการเดินทาง
2. แผนการเดินทาง
3. ค่าใช้จ่าย
4. เรื่องที่อยากบอก
5. อัลบั้มภาพฟิล์ม
เราเดินทางจากบ้านด้วยรถมินิบัสหลังจากเลิกงาน เข้ากรุงเทพ และนัดรวมตัวกันที่บีทีเอสมอเกษตร
มีความน่ารักในผู้คนเสมอ
พี่คนนึงที่ท่ารถหมอชิต หุ่นเหมือน บอล ชวนชื่น มาช่วยเราเรียกแท็กซี่ หลังจากที่เราเรียกแล้วเขาไม่รับ น่ารักจริง ๆ ขอบคุณมาก ๆ
มาถึงบีทีเอส พี่วินมอเตอร์ไซค์ ถาม "ไปไหนน้อง!!!" ตามสไตล์พี่วินอ่ะเนาะ อ่อ หนูมารอรถตรงนี้อ่าค่ะ เอ้าาาา มายืนรอทำไม ไปนั่งรอ แล้วชี้ไปที่เก้ากี้ที่มีอยู่ 1 ตัว พี่วินอีกคนหนึ่งเดินไปหยิบเก้าอี้มาให้อีกตัว พี่วินอีกคนบอกพิกัดของที่ตั้งของแก้วน้ำและกระติกน้ำที่มีน้ำเย็นชื่นใจ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
มีศิลปินเปิดหมวกบรรเลงเพลงเพราะ ๆ ให้เราฟัง เราไม่ได้ยินเพียงแค่ดนตรี แต่ได้ยินเสียงของชีวิต ชีวิตที่มีความหวัง ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
ออกจากกรุงเทพฯ น่าจะราว ๆ สามทุ่มครึ่ง ถึงผานกเค้าเจ็ดโมงเช้า พวกเรากินมื้อเช้ากันที่ปั๊ม ปตท. มีศูนย์อาหารอยู่ กับข้าวก็มีให้เลือกหลายอย่าง ก๋วยเตี๋ยวก็มี ขาวมันไก่ หมูแดง หมูกรอบ ต้มเลือดหมู เลือกกินได้ตามใจ
อิ่มท้องแล้วก็มุ่งหน้าไปอุทยานฯ กั๊นนนนน ... เมื่อถึงแล้ว แสดง QR Code ที่ลงทะเบียนผ่าน แอพพลิเคชั่น QueQ จะได้รับสติ๊กเกอร์ตราอุทยานคนละ 1 ดวง เรียบร้อยแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดกระเป๋าเล็กน้อยให้พร้อมลุย
แผนในการเดินของพวกเราคือ เดินเรื่อย ๆ ชิว ๆ เก็บบรรยากาศ แวะถ่ายรูปกันเรื่อยไป เริ่มเดิน เก้าโมงครึ่งถึงหลังแปสี่โมงกว่า ๆ
เมื่อถึงหลังแป พวกเราเลือกจะแบกเป้กันต่ออีกหนึ่งหอบ เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก ซึ่งเป็นผาที่ใกล้ที่สุด ความอ่อนล้าสะสมมาร่วม 7 ชั่วโมง บวกกับแดดยามเย็นช่วงต้นฤดูร้อน ทำให้ระยะทางอีกกว่า 2 กิโลเมตรต่อจากนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ความเหนื่อยล้าทำให้ได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองชัดขึ้น จังหวะหนึ่งแม้ว่ายังไม่ถึงจุดหมาย แต่ในใจมันรู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก เราก็นึกยิ้มให้ตัวเองในใจ ขอบคุณร่างกายที่อดทนพามาเจอที่สวย ๆ แบบนี้ และไม่ว่าจะได้ดูพระอาทิตย์ตกอีกกี่ครั้ง ก็ยังคงอบอุ่นใจเสมอ
ปิคนิคแบบวิวร้อยล้าน
จากนั้นก็เดินทางกลับแคมป์วังกวาง ท่ามกลางความมืด
กางเต็นท์กันแบบสะบักสะบอมพอสมควร
และเมื่อเช้าวันใหม่มาถึง ความสนุกรอเราอยู่ตรงหน้าแล้ว ซัดมื้อเช้าแล้วเตรียมไปลุยกันเล้ยยยย วู้วว
พวกเราใช้เส้นทางเดินทางแคมป์วังกวาง เดินทางน้ำตก ผ่านสระอโนดาต แล้วตัดไปยังผาหล่มสัก พักผ่อนและกินมื้อกลางวันกันที่นี่ จากนั้นก็เดินจากผาหล่มสัก ผ่านหน้าผาต่าง ๆ ไปจนถึงผาจำศีลในเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะบอกลาเราไปอีกหนึ่งวัน ความตั้งใจแรกคือจะตัดเข้าแคมป์วังกวางก่อนจะถึงผากหมากดูก แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ช้างป่าและสัตว์ป่าอื่น ๆ ออกหากินใกล้แหล่งน้ำ ทำให้ต้องย่ำเท้ากันต่อเนื่องไปที่ผาหมากดูกอีกครั้ง ซึ่งเส้นนี้เป็นเส้นทางที่ระยะที่ไกลที่สุด แต่ก็ได้เก็บบรรยากาศของภูกระดึงได้เต็มที่สุด ๆ เช่นกัน และที่สำคัญมากกว่าสิ่งใดคงหนีไม่พ้นมิตรภาพดี ๆ ระหว่างทาง การได้พูดคุยกัน หัวเราะกันในเรื่องนู้นเรื่องนี้ ทำให้เราสนิทกันมากขึ้นโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายามเลย
เดินกลับมืด ๆ อีกแล้วพวกเรา
เมื่อพวกเรากลับมาถึงแคมป์แล้ว ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ น้ำอย่างเย็นอ่ะครับน้อนน้อน โคตรหนาว ต้องหาอะไรอุ่น ๆ กิน จัดหมูกระทะชุดใหญ่ไปสองชุดถ้วน
เช้าอีกวันแล้ว วันนี้พวกเราวิ่งลงกันเลย ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมง โคตรมันส์ เป้าหมายคือลงให้ถึงก่อนที่น้ำแข็งจะละลายหมด ที่ไหนได้ เติมตลอดทางจ้า ฮ่าฮ่า
บ๊ายบายภูกระดึง
Day 0
19.30 น. เดินทางโดยรถมินิบัสจากราชบุรีเข้ากรุงเทพฯ (หมอชิต) แล้วเรียกแท็กซี่ไปส่งจุดนัดพบ บีทีเอส ม.เกษตร
21.00 น. เดินทางออกจากกรุงเทพฯ โดยรถยนต์ส่วนตัว มุ่งหน้าผานกเค้า
Day 1
07.00 น. มื้อเช้ากันที่ ปตท. ผานกเค้า
07.30 น. เดินทางไปเตรียมความพร้อมบริเวณอุทยานฯ ลงทะเบียน จ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมถึงอาบน้ำด้วย
09.35 น. เริ่มเดิน
▪️กินมื้อเที่ยงที่ซำกกโดน
▪️ถึงหลังแปแล้วเลี้ยวไปผาหมากดูก (ยังไม่เข้าแคมป์)
▪️ดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก
▪️มุ่งหน้าไปยังแคมป์วังกวางและกางเต้นท์
Day 2
▪️เดินเท้า เส้นทางน้ำตก ผ่าน องค์พระ - น้ำตกธารสวรรค์ - สระอโนดาต - น้ำตกถ้ำสอเหนือ - ผาหล่มสัก (ไม่ได้เข้าน้ำตกโซนด้านในเนื่องจากมีประกาศเตือนจากอุทยานฯ เรื่องช้างป่า เราออกตั้งแต่แปดโมงเช้า ถึงผาหล่มสักได้กินมื้อเที่ยงราว ๆ บ่ายโมงครึ่ง เดินไปประมาณ 5 ชั่วโมง)
▪️นั่งพัก นอนพัก เสร็จแล้วก็ไปถ่ายรูปกันที่หน้าผา และเริ่มออกเดินต่อประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง
▪️เดินเท้าต่อโดยใช้เส้นทางเรียบหน้าผา ตั้งแต่ ผาหล่มสัก - ผาแดง - ผาเหยียบเมฆ - ผานาน้อย - ผาจำศีล - ผาหมากดูก - แคมป์วังกวาง และจัดหมูกระทะกันเลย ฮ่าฮ่า
Day 3
▪️เดินชิลกินชาเขียวนมสดเย็น ๆ เพื่อทวีความหนาวในร่างกายตั้งแต่เช้า
▪️07.00 เริ่มเดิน จากวังกวาง ไปหลังแป และลงตามซำต่าง ๆ ใช้เวลาราว ๆ 3 ชั่วโมง
▪️อาบน้ำ
▪️กินมื้อเที่ยงที่ร้านในอุทยานฯ
▪️เดินทางกลับกรุงเทพฯ
▪️23.00 น. ถึงกรุงเทพ เราเข้าพักที่โรงแรมแถวเยาวราช
Day 4
▪️04.00 น. ตื่นเช้าเดินทางไปทำงานที่ราชบุรีตามปกติ
ภูกระดึงเงินต้องหนาพอสมควรเมื่อเทียบกับเขาลูกอื่น ๆ เนื่องจากห้ามก่อไฟ ห้ามจุดเตาแก๊สเอง ทำให้เราหุงหาอาหารเองไม่ได้ และด้วยระยะไกลบวกกับมีร้านค้าคอยให้บริการตลอดทำให้วะดวกในการใช้จ่าย
◾ ค่าเดินทาง
▪️มินิบัสไป-กลับ 200
▪️แท็กซี่ หมอชิต - ม.เกษตร 80.-
▪️น้ำมันรถ (หารกัน) 300.-
▪️แท็กซี่ ม.เกษตร - เยาวราช 150.-
▪️แท็กซี่ เยาวราช - สายใต้ 70.-
◾ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอุทยานอุทยาน
▪️ค่าธรรมเนียมอุทยาน 40.-
▪️ค่าธรรมเนียมพื้นที่กางเต็นท์ 30×2 คืน = 60.-
▪️แผนที่ 10.-
▪️ประกันชีวิต 10.-
◾อาหาร
▪️ทั้งมื้อหลัก มื้อรอง น้ำ ขนมนมเนยต่าง ๆ 1,000
◾โรงแรมเยาวราช 700.-
รวม 2,620.-