เรื่องที่ 36 Tom And Jerry (2021) เมื่อแมวและหนูมุ่งสู่นิวยอร์กเพื่อเปิดศึกใหม่

Tom and Jerry 2021 (ทอมแอนด์เจอร์รี่) ภาพยนตร์แนวตลกเจ็บตัวไลฟ์แอ็คชั่นผสมอนิเมชั่นไฮบริดสองมิติ สร้างจากภาพยนตร์การ์ตูนสั้นในปี 1940 ชื่อเดียวกันที่สร้างโดย แฮนนาห์ และโจเซฟ บาบีร่า กำกับโดย ทิม สตอรี่ และ เควิน คอสเตลโล รับหน้าที่เขียนบท นำแสดงโดย โคลอี เกรซ มอเรตซ์ ไมเคิล เพนญ่า โคลิน จอสต์ พาลลาวี ชาร์ดา และ เคนจอง ได้เสียงที่อัดไว้ก่อนเสียชีวิตของ แฮนนาห์ บาบีร่า เมล บลานซ์ จูน โฟเรย์ ให้เสียงพากย์ของทอมและเจอร์รี่ สตูดิโอสร้างโดย วอร์เนอร์ บราเธอร์ อนิเมชั่น แผนกการสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นของวอร์เนอร์ บราเธอร์ พิคเจอร์ ซึ่งเริ่มงานภาพยนตร์ไลฟ์แอ็คชั่นเรื่องนี้เป็นอันดับแรก และตามมาด้วย SPACE JAM : A NEW LEGACํY ที่จะฉายในเดือนกรกฏาปีนี้

หลายคนคงตั้งข้อสงสัยว่ามันจะเวิร์คเหรอ การ์ตูนกับคนมันไม่ไปด้วยกัน แต่ทิม สตอรี่ก็ยังยืนกรานว่าจะใช้เทคนิคนี้ เพราะมันคือการแสดงคารวะต่อต้นฉบับ และเป็นการทำให้การเคลื่อนไหวทุกอย่างเป็นธรรมชาติแม้จะไม่ได้เป็นภาพสามมิติ โดยเชื่อว่าพวกเขาจะทำมันให้ดีที่สุด พร้อมนำทัพนักแสดงมากฝีมือ เริ่มต้นด้วย โคลอี้ เกรซ มอเรซ สาวจิ๋วจิ๊ดมากความสามารถ ที่ มารับบทสาวเจนวายผู้มีความมุ่งมั่นในการมองหาความสำเร็จ ไมเคิล พีน่า จากแอนท์ แมน ที่คราวนี้รับบทนิ่ง สุขุม และ โคลิน จอสต์ นักแสดงตลกหนุ่มจากรายการดังของอเมริกาอย่าง Saturday Night Live มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวที่ไม่ได้เป็นแค่แมวกับหนู แต่คือ นิวยอร์ก พร้อมด้วยทีมเสียงประกอบจาก คริสโตเฟอร์ เลนเนิร์ตซ ผู้ประพันธ์เพลงจากซีรีส์ the boys ทั้งสองซีซั่นมาร่วมบรรเลงเพลงด้วย แค่คิดก็น่าจะพอโล่งใจได้ว่ามันจะต้องออกมาไม่แย่ ไปอ่านเรื่องย่อกันเลย

“เมื่อทอมกับเจอร์รี่ป่วนจนบ้านแตก พวกเขาจึงถูกไล่ออกและต้องย้ายถิ่นฐานเข้ามาในมหานครนิวยอร์ก ที่ ๆ ทุกความฝันและความสำเร็จรอทุกคนอยู่ แต่อาจไม่ใช่พวกเขา กระทั่งพวกเขาได้ค้นพบที่อยู่ใหม่อย่างโรงแรมหรูชื่อดังกลางเมืองที่มี เคย์ล่า หญิงสาวไฟแรงและเจ้าเล่ห์ พนักงานน้องใหม่ของโรงแรมกำลังดูแลอยู่ แต่ไม่ทันที่จะได้เปิดศึกครั้งใหม่ให้โรงแรมแตก ปัญหาใหญ่ที่มากกว่าแค่แมวและหนูก็เกิดขึ้น เมื่องานแต่งที่ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษของคู่รักเศรษฐีอย่างเบนและเพตราถูกจัดขึ้น ทั้งคู่กับเคย์ล่าจึงต้องหาทางที่จะป้องกันไม่ให้เรื่องวุ่นวายนี้หลุดออกไป ไม่อย่างนั้นอนาคตของทุกคนรวมถึงโรงแรมอาจจบสิ้นไม่มีเหลือ แต่นี่มันทอมกับเจอร์รี่ไง แมวและหนูไม่สามารถญาติดีกันได้นานแน่ ยังไม่รวมกับ เทอเรนซ์ ผู้จัดการโรงแรมจอมเฮี้ยวและใจดำที่จับตามองดูพวกเขาอยู่ ศึกแมวและหนูอาจไม่สำคัญเท่ากับศึกคนปะทะคนก็เป็นได้ แล้วแบบนี้งานแต่งสุดเลิศหรูระดับศตวรรษนี้จะไปรอดมั้ยเนี่ย”

หากใครดูทอมแอนด์เจอร์รี่มาก็จะเดาแพทเทิร์นไม่ยากเลยการเล่าเรื่องของภาพยนตร์ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนค่อนข้างตรงไปตรงมา เล่าจากหนึ่งไปสิบ ไม่ได้มีปมอะไรที่ชวนให้ต้องความเข้าใจ แต่เสน่ห์ของมันคือการแบ่งพาร์ทอย่างลงตัวระหว่างเรื่องของทอมกับเจอร์รี่ที่ต้องฟาดฟันกันเพื่อจะได้อยู่ในโรงแรม กับเคย์ล่าที่ต้องพยายามรักษาโรงแรมนี้ไว้ไม่ให้เจ๊งซะก่อน ซึ่งมันก็ยังเป็นทอมแอนด์เจอร์รี่ที่มีคนมาเกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้มาแย่งพื้นที่เด่นของตัวละครหลักไป แต่กลับสอดคล้องกันเป็นหนึ่งเดียว แถมยังสามารถเปิดเรื่องราวใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นได้โดยที่ไม่รู้สึกว่านี่มันหนังคนแสดงที่ตัวละครการ์ตูนเป็นตัวประกอบ ไม่ใช่เลย เพราะมันก็ยังเป็นทอมแอนด์เจอร์รี่แต่เฉลี่ยบทดีจนแอบงงนักวิจารณ์  แถมการเคลื่อนไหวของตัวละครก็เป็นธรรมชาติสมกับที่ผู้กำกับ ทิม สตอรี่ตั้งใจไว้ ทำให้ในส่วนของการโลดแล่นในโลกสามมิติของตัวละครน่าเชื่อถือ โดยไม่ต้องทำให้มันเป็นแมวจริง หรือหนูจริงได้ด้วยซ้ำ

ทั้งยังหยิบเอกลักษณ์และนิสัยของตัวละครได้เหมือนกันกับที่อนิเมชั่นสั้นได้นำเสนอไว้ ทำให้ใครที่ดูการ์ตูนมาจะรู้สึกได้ถึงความเข้าถึงตัวละครได้โดยไม่ต้องเข้าใจอะไรยาก ด้วยฉากหรือมุกบางอันก็เหมือนหยิบจากตอนสั้นที่ใครหลายคนคงผ่านตามาแน่ ๆ มาเรียบเรียง ตีความเล่าใหม่อย่างร่วมสมัยและมีสไตล์ ไม่รู้สึกได้ถึงความยัดเยียด แต่มุกตลกก็ไม่ได้มีอะไรที่แปลกใหม่มากนัก เพราะมันจะเป็นไปตามการ์ตูนที่ดูผ่าน ๆ ตาเสียมากกว่า หยิบสิ่งของมาตีกัน วิ่งไล่กัน คิดกับดัก เล่นหูเล่นตากับคนดู ใครดูการ์ตูนมาก็อาจจะขำก๊าก ไม่ก็พอยิ้มมุมปากได้ เพราะนี่แหละคือข้อดีที่หนังไลฟ์แอ็คชั่นของทอมแอนด์เจอร์รี่ทำได้อย่างไม่มีข้อตำหนิเลย แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอินเตอร์ถึงเอาแต่บอกว่าคนเด่นกว่าทอมแอนด์เจอร์รี่ ทั้ง ๆ ที่แฟน ๆ ที่ได้ดู ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันคือหนังทอมแอนด์เจอร์รี่ที่มีคนเป็นนักแสดงร่วม


การปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์ก็เหมือนเป็นสิ่งที่สะท้อนความสัมพันธ์ในเรื่องว่ามันมีความผูกพันมีความแน่นแฟ้น แต่จะพูดถึงตัวละครคนอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะตัวละครสัตว์ต่าง ๆ ที่เราเห็นผ่านตาในซีรีส์การ์ตูนก็โผล่มาให้ได้ว้าวกันสำหรับแฟน ๆ แต่ถ้าไม่ใช่หรือไม่รู้จัก ก็อาจจะได้เห็นสัตว์อื่น ๆ เป็นลายเซ็นเดียวกับทอมและเจอร์รี่ และมาสร้างความป่วนชวนหัวระดับที่หนังไซไฟยังให้ไม่ได้ เพราะมันเล่นใหญ่ไม่แคร์ตรรกะใด ๆ ในโลกความจริงเลย นอกจากการไล่ล่าระหว่างแมวกับหนู และผลของการกระทำของตัวละครเหล่านี้ก็จะส่งผลกับตัวละครอื่น ๆ ราวกับโดมิโน่เลยทีเดียว ทำให้หนังสามารถผูกตัวเองเป็นเรื่องเดียวกันได้


ประเด็นสำคัญถือว่าเกิดความคาดหมายจากในตัวอย่างที่เห็นไปมาก เพราะนอกจากความสนุกของการตีกันยิ่งกว่าหนังแอ็คชั่นบู๊หลากผลาญที่จัดเต็มตลอด 1 ชั่วโมง 41 นาทีแล้ว บทของเรื่องยังมีความลึกซึ้งในด้านประเด็นของสังคมที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ในเรื่องนี้ เรื่องของการทำงานระหว่างคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่า ความทะเยอทะยานของคนที่อยากจะมีอนาคตและมีโอกาสเป็นที่ยอมรับของผู้คน การต้องมีเล่ห์เหลี่ยมในการทำอะไรสักอย่าง การพยายามจนกว่าจะสามารถทำสิ่งนั้นสำเร็จ การซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ความสัมพันธ์ของคู่รักที่กำลังจะแต่งงาน การหักเหลี่ยมในวงการทำงาน


ทอมกับเจอร์รี่ได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ ว่า สังคมรอบ ๆ อาจจะไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมหรือยับยั้งสงครามของแมวและหนูได้ แต่สังคมก็ทำให้แมวและหนูอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบ เพราะโลกจะดีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกคนมีความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจกัน เมื่อเชื่อใจกันแล้ว สิ่งที่ผิดพลาดก็สามารถหาหนทางที่จะแก้ไข อาจจะไม่ต้องญาติดีกันแต่แค่ทำสิ่งดี ๆ ร่วมกันมันก็เจ๋งแล้ว แม้มันจะดูโลกสวยไปหน่อยถ้าดูตามหลักความเป็นจริง เรียกได้ว่าเป็นหนังตลกครอบครัวน้ำดีอีกเรื่องนึงเลยทีเดียว ซึ่งทอมแอนด์เจอร์รี่มันอาจจะไม่ลึกซึ้งขนาดนี้ ถ้าขาดประเด็นแบบมนุษย์ที่มาช่วยเติมเต็มเรื่องราวให้มันสมบูรณ์แบบ ดูจบเดินออกจากโรงคือยิ้มกว้างได้แน่นอน


งานสร้างทำให้ภาพระหว่างสองมิติกับสามมิติเข้ากับสภาพแวดล้อมกลมกลืนไป เพราะในตัวอย่างมันเหมือนว่าเราจะไม่ชินตากับงานภาพการ์ตูน แต่ในหนังมันจะปรับให้เลย ไม่ว่าตัวละครจะสัมผัสกับสิ่งไหนมันก็จะเหมือนว่าตัวละครเหล่านั้นกำลังแตะต้องหรือถูกแตะต้องอยู่จริง ๆ แม้ว่าเราจะรู้ว่ามันไม่ใช่ของจริง เป็นงานซีจี แต่มันเป็นไปได้ในโลกของภาพยนตร์และมีกลิ่นอายเดิมครบถ้วน อะไรที่เคยเห็นในการ์ตูน พอออกมาอยู่บนจอเงิน ก็สามารถทำให้เรามันเป็นเพียงสัตว์ที่ใช้ชีวิตแบบสัตว์ที่เป็นแบบ 3 มิติ จริง ๆ ต้องยกเครดิตให้กับ ทิม สตอรี่ ที่เล็งเห็นความสำคัญของการยึดถือต้นฉบับ และการเขียนบทที่มีรายละเอียดอย่าง เควิน คอสเตลโล ที่สามารถเล่าบทของทอมแอนด์เจอร์รี่ในโลก 3 มิติ ทั้งมุกต่าง ๆ  จังหวะ และความเล่นใหญ่แบบการ์ตูนไม่จางหายไป แถมยังทำให้มันยิ่งใหญ่กว่าที่ในการ์ตูนสั้นให้เราอีก พอต้นฉบับมันดีแล้วยิ่งทำให้มันโดดเด่น เชื่อว่าแฟนหลายคนที่ได้ดูคงหมดข้อสงสัยเรื่องงานภาพ เพราะในตัวอย่างทำเหมือนว่าก็แค่นี้ แต่จริง ๆ มันไม่ได้มีแค่นี้ แต่ผมไม่ขอพูด เพราะมันใหญ่มาก และงานซีจีสองมิติก็ไม่ใช่ที่ควรประเมินค่าต่ำกว่าที่มันเป็นเพราะมันทำให้กลมกลืนก็ทำได้เช่นเดียวกัน

นักแสดงนำอย่าง โคลอี้ เกรซ มอเรซ แสดงเป็นหญิงสาวที่ดูไม่มีอะไรแต่ไม่มีอะไรได้สมกับฝีมือ แถมไม่รู้สึกขัดตาเวลาอยู่กับตัวละครสัตว์ เธอสามารถใช้จินตนาการให้ตัวการ์ตูนสัตว์ที่อยู่กับเธอ มีตัวตนจับต้องอย่างสมจริง ซึ่งนักแสดงที่ทำแบบนี้ได้ต้องมีฝีมือมาก ๆ ในซีนอารมณ์ หรือซีนมีแผน เจ้าเล่ห์ สนุกสนานของเธอก็มีเสน่ห์ชวนให้มองตลอดทั้งเรื่อง เช่นเดียวกับ ไมเคิล เพนญ่า ที่สลัดลุคฮา มาเป็นลุคโหด แต่มันก็ไปไม่รอดเพราะหนังตั้งใจให้พี่แกมาโดนแมวและหนูป่วนประสาทจนแทบคลั่ง และยังสามารถเล่นใหญ่ได้อย่างไม่ติดขัด น่าเสียดายก็แต่เคนจองที่ออกมาเพื่อขโมยซีน แล้วก็ไม่มีบทบาทสำคัญอะไร แต่ที่ดีมาก ๆ คือ โคลิน จอสต์ และ พาลลาวี ชาร์ดา ในบทสองสามีภรรยาที่แสดงได้อย่างมีเคมีลงตัว แถมยังมีซีนดราม่าเรียกน้ำตาระดับหนังรักโรแมนติกเลยทีเดียว 

เพราะแบบนี้ดนตรีจึงเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนอารมณ์และเรื่องราว โดยดนตรีของเรื่องจะเป็นสไตล์ป๊อบฮิปฮ็อบยุคเก่า ๆ ซึ่งความพิเศษคือ ทิม สตอรี่รับหน้าที่ร้องเพลงเอง ร่วมกับนักร้องคนอื่น ๆ ด้วย ผู้ประพันธ์เพลงอย่าง คริสโตเฟอร์ เลนเนิร์ตซ ก็สามารถหยิบเอากิมมิคจากต้นฉบับมาบิดให้เป็นร่วมสมัยและเพิ่มความสนุกได้อย่างไม่ติดขัดเลย เพราะหนังไม่จำเป็นต้องเหมือนการ์ตูนไปทั้งหมด แต่หยิบกิมมิคมาใช้ได้อย่างชาญฉลาดก็ประสบความสำเร็จแล้ว

ถือว่าเป็นม้ามืดและยุคใหม่ของไลฟ์แอ็คชั่นค่ายวอร์เนอร์เลยทีเดียว หลังจากที่ต้องซบเซามาเป็นเวลา 18 ปี นับตั้งแต่ ลูนี่ย์ ทูนส์ รวมพลพรรคผจญภัยสุดโลก (Looney Tunes: Back in Action) ออกฉายเมื่อปี 2003 นี่จึงเป็นภาพยนตร์ตลกแห่งปีที่ควรจูงครอบครัวไปดูในวันหยุดมาก ๆ เพราะดูได้ทุกเพศทุกวัย สนุกสนาน ไม่ต้องคิดเยอะให้ปวดหัว ยิ่งถ้าชอบทอมแอนด์เจอร์รี่อยู่แล้ว คุณจะชอบมันมาก ๆ มันเป็นหนังไลฟ์แอ็คชั่นที่สามารถแตกแขนงตัวเองให้เป็นหนังตลกครอบครัวที่แสนอบอุ่นโดยยังมีทอมกับเจอร์รี่อยู่ในเรื่อง ทั้งยังดึงเสน่ห์ของต้นฉบับและขับเน้นให้มันมาอยู่ในจอเงินอย่างไม่มีผิดเพี้ยนและยกระดับให้ดีกว่าที่มันเคยเป็น

มุกตลกกับบทภาพยนตร์ที่น่าประทับใจในประเด็นต่าง ๆ และการได้เห็นตัวการ์ตูนออกมาโลดแล่นในโลกความเป็นจริงในภาพยนตร์ก็อาจเป็นสิ่งที่เราอยากเห็นในยุคที่มีแต่ความวุ่นวายของโลก ลองใช้เวลาสัก 2 ชั่วโมง เข้าไปดูเรื่องนี้ในโรงแล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอน คุณจะได้กลับไปรู้สึกเหมือนตอนดูทอมแอนด์เจอร์รี่ทุกครั้งที่ได้กลับเข้าไปในโลกในวันเด็กให้คุณหวนนึกถึง และแม้จะยังไม่คอนเฟิร์ม แต่ถ้ากระแสดี ทิม สตอรี่บอกว่าเราอาจจะได้เห็นตัวละครใหม่ ๆ มาปรากฏในภาคต่อก็ได้ ก็อย่าไปสนใจคะแนนวิจารณ์ของเว็บต่าง ๆ ที่กำลังรุมกดหนังเรื่องนี้กันอยู่เลย เพราะตอนนี้ก็ทุบรายได้เป็นอันดับสองภาพยนตร์ที่ฉายช่วงโควิดรองจากวันเดอร์วูเม่นแล้ว ด้วยรายได้ 38.8 ล้านเหรียญ เพราะงั้นจะชอบไม่ชอบก็ขอให้ใช้ความรู้สึกตัวเองดีกว่า 

พิสูจน์กันได้แล้วในโรงภาพยนตร์

(9/10)

ปล. เห็นไม่มีใครในนี้รีวิวเลย เลยมารีวิวให้ฟังหลังจากที่ไม่มีหนังที่น่าสนใจให้มารีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่