ฉาวระดับปท.! UN ร่วมสอบ 'นายทหารไทย' ฉ้อโกงเงิน-หลอกลวงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แอฟริกา
https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/96410-investigative03-5.html
"....หลังใช้ความพยายามสืบหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้อยู่นาน สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบข้อมูลยืนยันเป็นทางการว่า มีกรณีการทุจริตของนายทหารไทยดังกล่าวเกิดขึ้นจริง! เป็นเรื่องราวของนายทหารรายหนึ่ง ที่ถูกส่งตัวไปปฎิบัติหน้าที่โรงพยาบาลแพทย์สนามในเซาท์ซูดาน ช่วงเดือนธันวาคม 2562-ธันวาคม 2563 ก่อนที่นายทหารรายนี้ จะถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่และจบภารกิจ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงทางวินัยในคดีฉ้อโกง ..."
......................................
"
เรื่องวัคซีนนั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะในปีหน้านั้นทุกคนล้วนแล้วแต่จะมีความต้องการวัคซีนกันทั้งนั้น และวัคซีนนั้นมันก็เป็นสิ่งที่ฉีดแล้วมันก็หายไป ดังนั้นจึงสามารถที่จะทุจริตวัคซีนได้ง่ายมาก"
"ยกตัวอย่างเช่นประเด็นเรื่องการกักตุนวัคซีน การยักย้ายถ่ายเท และเอาวัคซีนปลอม หรือเอาน้ำเกลือมาใส่ให้วัคซีนมาใส่แทนวัคซีนตัวจริงก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีกรณีที่หน่วยงานในประเทศไทยซึ่งไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศในบทบาทขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แล้วก็ไปทุจริตวัคซีนโดยเอาเกลือแร่ไปฉีดให้กับประชาชน แล้วก็เอาวัคซีนไปขายให้กับพ่อค้า ซึ่งเรื่องนี้เป็นตัวอย่างเทียบเคียงให้เห็นว่าวัคซีนนั้นสามารถจะโกงกันแบบนี้ก็ได้"
คือ หนึ่งในประเด็นสำคัญจากคำให้สัมภาษณ์ของ นาย
มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ที่ให้กับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงบทบาทขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เกี่ยวกับประเด็นการป้องกันการทุจริตวัคซีนโควิด-19 ในช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา
(อ่านประกอบ :
มานะ นิมิตรมงคล : ระวังปัญหาทุจริตวัคซีนโควิด-19 ของไทย)
ซึ่งเป็นสัมภาษณ์หลังจากสำนักข่าวอิศรา ได้นำเสนอรายงานขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ประจำประเทศอังกฤษ ที่ชื่อว่า THE UNSPOKEN COVID-19 VACCINE CHALLENGES - DISTRIBUTION AND CORRUPTION หรือแปลเป็นไทยว่าความท้าทายของวัคซีนโควิด-19 ที่ไม่เคยถูกพูดถึง กับปัญหาเรื่องการแจกจ่ายและการทุจริตให้สาธารณชนได้รับทราบ
(อ่านประกอบ :
ความเสี่ยง! การจารกรรม-ทุจริต และใช้วัคซีนโควิดเป็นอาวุธควบคุมภูมิศาสตร์การเมืองโลก)
อันนำมาซึ่งความสงสัยว่า เคยมีกรณีที่หน่วยงานในประเทศไทยซึ่งไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศในบทบาทขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แล้วก็ไปทุจริตวัคซีนโดยเอาเกลือแร่ไปฉีดให้กับประชาชน แล้วก็เอาวัคซีนไปขายให้กับพ่อค้าดังกล่าวจริงหรือ?
ล่าสุด หลังใช้ความพยายามสืบหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้อยู่นาน สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบข้อมูลยืนยันเป็นทางการว่า มีกรณีการทุจริตของนายทหารไทยดังกล่าวเกิดขึ้นจริง!
เป็นเรื่องราวของนายทหารรายหนึ่ง ที่ถูกส่งตัวไปปฎิบัติหน้าที่โรงพยาบาลสนามในเซาท์ซูดาน ช่วงเดือนธันวาคม 2562-ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา
ก่อนที่นายทหารรายนี้ จะถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่และจบภารกิจ
เนื่องจากอยู่ในระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงทางวินัยในคดีฉ้อโกงหลอกลวง
โดยเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) จาก office of internal oversight services และกองทัพบก ได้มอบหมายให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ฐานประพฤติชั่วร้ายแรง กับนายทหารรายนี้
หลังได้รับรายงานว่า มีพฤติกรรมหลอกลวงฉ้อโกงเงินกำลังพล ค่าดูแลการส่งกลับสายแพทย์ และหลอกลวงฉ้อโกงผู้บังคับบัญชา และกำลังพลให้ได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในเขตทวีปแอฟริกา
โดยแอบอ้างคำสั่งของนายแพทย์ประจำการ และได้ทำการฉีดสิ่งอื่นที่ไม่ใช่วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ในเขตทวีปแอฟริกา ด้วย
ซึ่งการกระทำดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ ทบ.ในระดับประเทศเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวยืนยันว่า นายทหารรายนี้ ได้ขาดราชการโดยไม่ทราบสาเหตุ ไปตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.2563 จนถึงปัจจุบันแล้ว
ส่วนข้อมูล นายทหารรายนี้ ว่าเป็นใครมาจากไหน สังกัดอยู่ในหน่วยงานใด และความคืบหน้าทางคดีอื่นๆ
สำนักข่าวอิศรา จะติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป
เอกชนมองวัคซีนยังไม่หนุนเชื่อมั่นคน
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_51751/
เอกชน มองการเมืองวุ่นกระทบแผนงาน ชี้วัคซีนยังไม่หนุนเชื่อมั่นคน แค่อุปสงค์-อุปทาน เรารักกัน 4,000 บ. ช่วยค่าครองชีพเล็กน้อย
นาย
วิทยา เปรมจิตร์ นายกสมาคมพัฒนารถร่วม เอกชน รถโดยสารร่วมบริการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยกับสำนักข่าว INN ว่า ปัจจุบันการเมืองเริ่มกลับ มามีความวุ่นวายอีกครั้ง ดังนั้น ข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการ หรือแผนงานใดๆ จากนี้ ไปคาดว่ามีผลกระทบแน่นอน แม้ว่าในส่วนของกระทรวงคมนาคมจะมีรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงคมนาคม และไม่ได้เป็นคนดูแล ขสมก. หรือรถร่วมก็ตาม
โดยตอนนี้แม้ ศบค. จะเริ่มปลดล็อกบางกิจกรรมบ้างแล้ว แต่ไม่ได้ช่วยให้รายได้จากการเดินรถเพิ่มขึ้น มาตรการเรารักกันที่ช่วยเหลือผู้ประกันตน ม.33 เป็นเงิน 4,000 บาท สามารถช่วยบรรเทาผลกระทบและดูแลค่างครองชีพได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะรายได้หลักของคนทำงานในอาชีพนี้ คือ มาจากการเดินรถ
ส่วนเรื่องวัคซีน ที่ทยอยเข้ามาในประเทศแล้วนั้น ส่วนตัวมองว่า ไม่ได้ช่วยให้คนกล้าออกมาใช้ชีวิตเต็ม 100%มากนัก แต่เป็นแค่เรื่องของอุปสงค์และอุปทานเท่านั้น
JJNY : UN ร่วมสอบ'นายทหารไทย' ฉ้อโกง│เอกชนมองวัคซีนยังไม่หนุนเชื่อมั่นคน│ปทุมเจอโรงงานปกปิดตัวเลข│เด็กก้าวไกลฉะ"เราชนะ"
https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/96410-investigative03-5.html
......................................
"ยกตัวอย่างเช่นประเด็นเรื่องการกักตุนวัคซีน การยักย้ายถ่ายเท และเอาวัคซีนปลอม หรือเอาน้ำเกลือมาใส่ให้วัคซีนมาใส่แทนวัคซีนตัวจริงก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีกรณีที่หน่วยงานในประเทศไทยซึ่งไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศในบทบาทขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แล้วก็ไปทุจริตวัคซีนโดยเอาเกลือแร่ไปฉีดให้กับประชาชน แล้วก็เอาวัคซีนไปขายให้กับพ่อค้า ซึ่งเรื่องนี้เป็นตัวอย่างเทียบเคียงให้เห็นว่าวัคซีนนั้นสามารถจะโกงกันแบบนี้ก็ได้"
คือ หนึ่งในประเด็นสำคัญจากคำให้สัมภาษณ์ของ นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ที่ให้กับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงบทบาทขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เกี่ยวกับประเด็นการป้องกันการทุจริตวัคซีนโควิด-19 ในช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา
(อ่านประกอบ : มานะ นิมิตรมงคล : ระวังปัญหาทุจริตวัคซีนโควิด-19 ของไทย)
ซึ่งเป็นสัมภาษณ์หลังจากสำนักข่าวอิศรา ได้นำเสนอรายงานขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ประจำประเทศอังกฤษ ที่ชื่อว่า THE UNSPOKEN COVID-19 VACCINE CHALLENGES - DISTRIBUTION AND CORRUPTION หรือแปลเป็นไทยว่าความท้าทายของวัคซีนโควิด-19 ที่ไม่เคยถูกพูดถึง กับปัญหาเรื่องการแจกจ่ายและการทุจริตให้สาธารณชนได้รับทราบ
(อ่านประกอบ : ความเสี่ยง! การจารกรรม-ทุจริต และใช้วัคซีนโควิดเป็นอาวุธควบคุมภูมิศาสตร์การเมืองโลก)
อันนำมาซึ่งความสงสัยว่า เคยมีกรณีที่หน่วยงานในประเทศไทยซึ่งไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศในบทบาทขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แล้วก็ไปทุจริตวัคซีนโดยเอาเกลือแร่ไปฉีดให้กับประชาชน แล้วก็เอาวัคซีนไปขายให้กับพ่อค้าดังกล่าวจริงหรือ?
ล่าสุด หลังใช้ความพยายามสืบหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้อยู่นาน สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบข้อมูลยืนยันเป็นทางการว่า มีกรณีการทุจริตของนายทหารไทยดังกล่าวเกิดขึ้นจริง!
เป็นเรื่องราวของนายทหารรายหนึ่ง ที่ถูกส่งตัวไปปฎิบัติหน้าที่โรงพยาบาลสนามในเซาท์ซูดาน ช่วงเดือนธันวาคม 2562-ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา
ก่อนที่นายทหารรายนี้ จะถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่และจบภารกิจ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงทางวินัยในคดีฉ้อโกงหลอกลวง
โดยเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) จาก office of internal oversight services และกองทัพบก ได้มอบหมายให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ฐานประพฤติชั่วร้ายแรง กับนายทหารรายนี้
หลังได้รับรายงานว่า มีพฤติกรรมหลอกลวงฉ้อโกงเงินกำลังพล ค่าดูแลการส่งกลับสายแพทย์ และหลอกลวงฉ้อโกงผู้บังคับบัญชา และกำลังพลให้ได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในเขตทวีปแอฟริกา
โดยแอบอ้างคำสั่งของนายแพทย์ประจำการ และได้ทำการฉีดสิ่งอื่นที่ไม่ใช่วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ในเขตทวีปแอฟริกา ด้วย
ซึ่งการกระทำดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ ทบ.ในระดับประเทศเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวยืนยันว่า นายทหารรายนี้ ได้ขาดราชการโดยไม่ทราบสาเหตุ ไปตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.2563 จนถึงปัจจุบันแล้ว
ส่วนข้อมูล นายทหารรายนี้ ว่าเป็นใครมาจากไหน สังกัดอยู่ในหน่วยงานใด และความคืบหน้าทางคดีอื่นๆ
สำนักข่าวอิศรา จะติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป
เอกชนมองวัคซีนยังไม่หนุนเชื่อมั่นคน
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_51751/
เอกชน มองการเมืองวุ่นกระทบแผนงาน ชี้วัคซีนยังไม่หนุนเชื่อมั่นคน แค่อุปสงค์-อุปทาน เรารักกัน 4,000 บ. ช่วยค่าครองชีพเล็กน้อย
นายวิทยา เปรมจิตร์ นายกสมาคมพัฒนารถร่วม เอกชน รถโดยสารร่วมบริการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยกับสำนักข่าว INN ว่า ปัจจุบันการเมืองเริ่มกลับ มามีความวุ่นวายอีกครั้ง ดังนั้น ข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการ หรือแผนงานใดๆ จากนี้ ไปคาดว่ามีผลกระทบแน่นอน แม้ว่าในส่วนของกระทรวงคมนาคมจะมีรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงคมนาคม และไม่ได้เป็นคนดูแล ขสมก. หรือรถร่วมก็ตาม
โดยตอนนี้แม้ ศบค. จะเริ่มปลดล็อกบางกิจกรรมบ้างแล้ว แต่ไม่ได้ช่วยให้รายได้จากการเดินรถเพิ่มขึ้น มาตรการเรารักกันที่ช่วยเหลือผู้ประกันตน ม.33 เป็นเงิน 4,000 บาท สามารถช่วยบรรเทาผลกระทบและดูแลค่างครองชีพได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะรายได้หลักของคนทำงานในอาชีพนี้ คือ มาจากการเดินรถ
ส่วนเรื่องวัคซีน ที่ทยอยเข้ามาในประเทศแล้วนั้น ส่วนตัวมองว่า ไม่ได้ช่วยให้คนกล้าออกมาใช้ชีวิตเต็ม 100%มากนัก แต่เป็นแค่เรื่องของอุปสงค์และอุปทานเท่านั้น