สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคนค่ะ
เจ้าของกระทู้ได้มีโอกาสมาทำงานกับ บ.คนจีน ซึ่งบ.ทำเกี่ยวกับพวกระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ สินค้าทุกอย่างนำเข้าจากจีน และคนงานส่วนมากเป็นคนจีน ซึ่งก่อนหน้านี้บ.ก็ไม่มีปัญหาเรื่องคนมาทำงาน เป็นบ.เล็กๆมีคนทำงานหลัก20-30 คน แต่เมื่อปีที่แล้วมีโควิด ทำให้คนงานคนจีนที่เป็นแรงงานหลักไม่สามารถเจข้าประเทศได้ เขาจึงได้มองหาคนไทยมาทำงานมากขึ้น ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้มาทำงานที่บ.นี้ ตอนที่เขาไปสัมภาษณ์เราเขาก็พูดทุกอย่างดูดีมากเกี่ยวกับบริษัท จนเรายอมมาทำงานด้วย (ปล.เพราะเรามีประสบการณ์ทางด้านนี้ เขาเลยต้องการมาก) โดยค่าตอบแทนที่ให้ก็ถือว่าโอเค เขาอยากให้เราเริ่มงานให้เร็วที่สุด เราจึงตัดสินใจมาเริ่มงานเมื่อธันวา 63 ในตอนนั้นเราก็คิดว่า บ.ที่มาจาก ตปท ต้องมีอะไรใหม่ๆให้เรียนรู้หรือน่าจะได้ ปสก ใหม่ๆบ้างแหละ พอมาเริ่มงานอาทิตย์แรกก็โอเค ทุกคนในออฟฟิศส่วนมากเป็นคนจีนที่พูดไทยได้ และเป็นคนไทยเชื้อจีน แต่เจ้าของบริษัทเป็นคนจีน ซึ่งการพูดคุยก็จะผ่านล่ามหรือพี่ๆที่เขาพูดจีนได้ พนักงานที่ประจำออฟฟิศมี 2-3 คน ซึ่งเป็นพี่บัญชีและก็น้องล่าม ช่วงเดือนต้นแรกๆก็ยังไม่มีอะไร ไม่มีการสอนงาน มีแต่พาไปดูงานตามไซท์ต่างๆ พอดูเสร็จแล้วงานทุกไซท์มีปัญหา ซึ่งเขาต้องการให้เรามาช่วยแก้ตรงนี้เพื่อจะได้เก็บเงินลูกค้าได้ เราก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ช่วงปลายๆธันวา ก็มีเอกสารที่เขาให้น้องล่ามแปล ซึ่งมันเป็นเอกสารที่เขาฟ้องกรมแรงงานเกี่ยวกับการจ้างงานแบบไม่เป็นธรรม (ปล.น้องล่ามก็เพิ่งเข้างานมาได้เดือนหนึ่ง) สองคนก็เริ่มแปลกๆแหละ และก่อนหน้านี้น้องก็บอกมีคนมาทำงานใหม่หลายคน แต่ทำได้แปปๆก็ออกแล้ว ซึ่งนี้ก้เป็นอีกปัญหาที่ทางเจ้าของมาให้เราช่วยแก้ ซึ่งพอเราถามไปลึกๆก็ได้คำตอบว่า คนที่เข้ามาไม่มีการสอนงาน และถ้าเป็นพวกสายงานวิศวะ คอม ที่ต้องไปอยู่ไซท์งานติดตั้งระบบกับคนจีน แล้วคนจีนพวกนี้ก็ไม่ค่อยสอนงานอะไรเลย พอไม่สอนงานคนใหม่ก็จะมองว่าคนใหม่ทำงานไม่ได้ เข้ากับคนจีนไม่ได้ คนที่ทนไม่ได้เขาก็ลาออก หรือบางคนทนได้แต่พอใกล้จะครบโปรเขาก็จะหาเรื่องไม่ให้ผ่านโปร หรือบีบให้ออก !!ระแวงละหนึ่ง กลับมาเคสที่เขาไปฟ้องกรมแรงงาน คนนั้นเขาเป็นsale ซึ่งอ่านจากข้อความที่เขาฟ้องแล้ว บ.ไม่ซัพพอร์ตเขา แถมหักเงินเดือนเขา ช่วงโควิดรอบแรก เขาก็เข้าใจ แต่พอสถานการณ์ดีขึ้นกลับไม่ขึ้นเงินเดือนให้เขาตามที่ตกลง จนสุดท้ายไม่พอใจเขาก็หาเรื่องให้เขาออก โดยที่จะไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยใดๆให้เขา (ปล.ก่อนออกเขามีการทะเลาะเรื่องเงิน จนเจ้าของไม่พอใจแล้วบอกไล่เขาออก ทำให้เขาต้องไปฟ้องกรมแรงงาน) ทางบ.ก็ต้องไปขึ้นศาลว่าความกันไป จนสุดท้ายเมื่อทนายเขาพิจารณาแล้ว ว่ายังไงทางบ.ก็ผิด จึงให้ทาง บ.ยอมความ แล้วจ่ายเงิน เพื่อจะไม่ต้องไปขึ้นศาลหลายรอบ เรากับน้องล่าม !!ระแวงสอง แล้วคิดว่าเขาคงไม่ทำแบบนั้นกับพวกเราหรอก และระหว่างที่ทำงานเขาจะเรียกเรากับน้องล่ามไปถามตลอดว่างานเป็นไง และถามน้องล่ามว่า (ช่วงนี้น้องไม่ค่อยมีงานล่าม) อยากทำอะไร เรากับน้องก็แบบ เห้ย!! คุณรับคนมาแบบคุณไม่รู้หรอว่าจะให้ใครทำอะไรตอนไหน เราเลยขอดูแผนบริษัท ดูโครงสร้าง ดูกำลังคน ก็ไม่มีไม่รู้ เราก็เลยมาทำตรงนี้ให้ และหลังจากปีหม่เปิดงานได้สองวัน เขาก็เรียกเราไปปรึกษา ว่าจะเอาน้องล่ามออก เราแบบเห้ยได้ไง (น้องทำงานครบสามเดือนเดือนนี้แล้วจะต้องพิจารณาผ่านงานเดือนนี้) เพราะอะไร เขาบอกว่าไม่มีงานให้น้องทำแล้ว แล้วไม่รู้จะให้น้องทำอะไร ก็เลยย้อนกลับไปเรื่องประเด็นแผนบริษัท ซึ่งครั้งก่อนเราก็มาไล่งานจัดทำแผนมาให้เขา แล้วให้เขาไปคิดว่าจะทำอย่างไร เพราะเราจะรู้แค่งานคนไทยว่าแต่ละคนทำอะไร และเนื้องานบางส่วนจะเป็นคนจีนที่อยู่ประเทศจีนทำ ซึ่งเขาไม่ให้เราไปยุ่งกับคนของเขา เลยต้องให้เขาไปทำแผนตรงนั้นต่อ แล้วเขาจะใช้เราเป็นเครื่องมือในการบอกน้องล่ามสำหรับการเลิกจ้าง แต่เราปฎิเสธไปเพราะเหตุผลมันฟังไม่ขึ้นและไม่ยุติธรรม เราเลยแนะนำว่าให้มาไล่งานกัน ว่าตรงไหนน้องจะมาช่วยได้บ้าง โดยจะมาสรุปกันในวันพรุ่งนี้ เขาก็บอกโอเคๆ แต่พอเช้าวันต่อมา เรามาถึงที่ทำงานยังไม่ได้คุยอะไรกับน้อง เขาเรียกน้องล่ามไปคุย เราก็คิดว่าไปคุยเรื่องงานเหมือนทุกๆวัน คงจะยังไม่ให้ออกหรอกเพราะได้ตกลงแล้วจะมาไล่งานก่อนแล้วทบทวนก่อนว่ามันไม่มีอะไรให้น้องทำจริงๆหรอ แต่พอน้องลงมาเปิดประตู บอกเรา พี่เขาจะให้ออกวันเสาร์นี้ ซึ่งวันนี้เป็นวันอังคาร เราบอกน้องเขาทำไม่ถูกนะแบบนี้ เรากับน้องก็หาข้อมูลว่าถ้าโดนแบบนี้เขาต้องชดเชยอะไรบ้าง (เราระแวงละสาม) แล้วเราก็ได้ให้น้องไปแจ้งว่าเขาทำแบบนี้ไม่ได้ ถ้าไม่ผ่านก็ต้องแจ้งล่วงหน้าหนึ่งเดือน ถ้าออกตอนนี้เขาต้องจ่ายเงินเดือนเดือนนี้เต็มเดือนนะ ด้วยความคนจีนอะนะ ไม่อยากให้เงินฟรีๆ น้องก็เลยยอมให้น้องทำงานต่อถึงสิ้นเดือน ระหว่างนั้นประเด็นนี้ก็เป็นเรื่องเป็นราวพอสมควร จนเราพูดกับเจ้าของบ.ว่าเดี๋ยวซักวันฉันก็ต้องเจอแบบนี้แน่ๆเลย เขาก็บอกว่าไม่ทำหรอก เพราะเราเป็นเหล่าซื่อเขา พูดแบบนี้เราเลยตอบไป ศิษย์ฆ่าครูมีเยอะแยะนะคะ เขาเลยปฎิเสธมายกใหญ่ ตามสไตล์จงกั๋วแหละ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านเราก็เตรียมใจไว้แหละว่าเราก็น่าจะโดนทำแบบนี้ และพี่หัวหน้าบัญชีที่ทำงานมากับแกได้ห้าหกเดือนทนกับพฤติกรรมแบบนี้ไม่ไหวก็เลยขอลาออก (ปล.แกคงเห็นมาเยอะ ,พี่แกเป็นผู้หญิงจีนที่มาอยู่ไทยนานแล้ว เลยรู้นิสัยและสัน....คนจีนว่าเป็นคนยังไง) พอสิ้นเดือนมกรา น้องล่ามแหละพี่หัวหน้าบัญชีก็ออก เราก็ทำงานปกติของเราไป
และหลังจากได้ไม่นานเมื่อวันที่ 23 กุมภา เขาก็เรียกเราไปคุย ตอนแรกก็คุยเรื่องงานนั้นนี้ แต่เราก็มีความรู้สึกได้ว่าเขามีอะไรนอกจากเรื่องงานแน่ๆ เพราะเดือนนี้เราต้องพิจารณาผ่านงาน เราเลยถามเขาว่าจะให้เราออกใช่ไหม เขาบอกใช่ ให้ออกสิ้นเดือนนี้ เราเลยบอกถ้าออกเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าชดเชยให้เรานะ เขาเลยบอกงั้นขอไปถามบัญชีก่อน เราเลยบอกไปว่าคิดไว้แล้วไม่มีผิด ว่าจะต้องทำแบบนี้ เขาหน้าซีดเงียบไปพักหนึ่ง และให้เหตุผลว่างานไม่ค่อยมีแล้ว เลยจำเป็นต้องให้ออก และก็ผลงานไม่ได้ตามที่เขาหวัง เราเลยถามไปว่าคุณหวังอะไร เขาตอบเราไม่ได้เพราะไม่เคยตอบเราได้ว่าจะประเมินเราแบบไหน เอาอะไรเป็นเกณฑ์ตั้งแต่เรามาทำงานวันแรก เราก็เข้าใจว่าบ.ใหม่ ค่อยๆช่วยกันปรับไป มีแต่บอกว่ามาใช้แนะนำและเป็นที่ปรึกษาให้ ซึ่งงานที่เขาไม่สามารถเบิกงวดงานได้เราก็ช่วยทำให้จนสามารถเก็บเงินได้หมดแล้ว
หลังจากนั้นเขาบอกว่าขอจะไปปรึกษาทนายความก่อน แล้วเช้าวันต่อมาเขาเอาเอกสารใบเลิกจ้างมาให้เราเซ็นต์ แต่เราไม่เซ็นต์ เพราะในนั้นบอกให้เราทำงานถึงสิ้นเดือนมีนานี้ โดยให้เหตุผลว่าเพราะยังมีงานอีกที่ที่มีปัญหาอยากให้เราช่วยแก้ไขก่อนออก เราเลยบอกว่างานนั้นเราก็จัดแผนส่งคนไปแก้อยู่และแผนส่งคือต้นเดือนหน้า ไม่น่าเกินวันที่ห้าจะให้เราทำถึงสิ้นเดือนทำไม แล้วเขาบอกว่าจะเข้ามาทำงานก็ได้ ไม่เข้ามาบ้างก็ได้ เราเลยบอกเราเสียเวลา เราต้องหางานใหม่ เขาก็พูดอ้างนั้นนี้เพื่อที่จะไม่อยากจ่ายเงินชดเชยเราหนึ่งเดือน ถ้าไม่จ่ายเราจะไปแจ้งกรมแรงงาน เราจึงได้เสนอเขาว่าเราจะทำงานตัวนี้ช่วยให้ถึงวันที่ 5 มีนา โดยที่เขาต้องจ่ายเงินเดือนมีนาเต็มเดือนให้เรา และถ้ามีปัญหาอยากให้เราช่วยหลังจากนี้เรายินดีช่วยถ้าเราช่วยได้ ก่อนที่เราจะไปคุยกับเขาเราก็ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับการเลิกจ้างมาว่าเขาทำแบบนี้ไม่ถูก ที่สำคัญเราเสียควารู้สึกไปแล้ว แล้วก็ไม่อยากร่วมงานด้วยนานกว่านี้แล้ว
ที่สำคัญไม่ใช่แค่เราที่โดนแบบนี้ยังมีช่าง และคนอื่นๆที่เขาไปรับมาและทำแบบนี้ด้วย ซึ่งเขาไม่รู้ว่าการที่นายจ้างทำแบบนี้มันผิด และบางคนที่เขาให้ออกทำงานเกิน 120 วันด้วย และคิดว่าเขาคงจะเลี่ยงการจ่ายเงินชดเชย เพราะคิดว่าคนกลุ่มนั้นไม่รู้กฎหมาย ซึ่งเราก็ได้ฝากพี่บัญที่ทำงานเดือน ให้แจ้งรายละเอียดให้พนักงานเหล่านั้นทราบด้วย ก่อนที่จะโดนเอาเปรียบ
เรื่องการเลิกจ้างมันเป็นเรื่องปกติ แต่การใช่คำพูดหรือการเตรียมข้อมูลมาแจ้งพนักงานควรพิจารณาให้ดีก่อน และต้องมีความยุติธรรมกับพนักงาน อย่างน้อยเราก็เคยทำงานรวมกันมีผลประโยชน์ร่วมกัน
ปล.ปล. สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านยาวๆ สรุปสั้นๆคือ คนจีนส่วนใหญ่เมื่อเขาได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว เขาถีบหัวส่งคุณได้แบบน่าเกลียดเลยแหละ จีนจะเอาเปรียบทุกทาง ทำทุกทางเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ ถึงคนจีนจะทำงานเร็วแต่ก็จะทำงานลวกๆ รีบทำรีบหนี
อันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้เจอมา คนจีนดีๆก็มี ไม่อยากให้เหมารวมแต่มาแบ่งปันเพื่อให้ระวัง และป้องกันไว้ถ้าได้ร่วมงานกับจีนแบบนี้
สุดท้ายเราก็ต้องหางานใหม่ทำต่อไป
ใครเคยเจอประสบการณ์แบบนี้มาแบ่งปันกันได้นะ เพื่อคนที่กำลังสมัครงานและตัดสินใจจะไปทำงาน จะได้มีข้อมูลไว้ประกอบการตัดสินใจ
.....อันนี้เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดตรงไหนก็ขอ อภัย ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ.......
แบ่งปันประสบการณ์ทำงานกับบริษัทคนจีน
เจ้าของกระทู้ได้มีโอกาสมาทำงานกับ บ.คนจีน ซึ่งบ.ทำเกี่ยวกับพวกระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ สินค้าทุกอย่างนำเข้าจากจีน และคนงานส่วนมากเป็นคนจีน ซึ่งก่อนหน้านี้บ.ก็ไม่มีปัญหาเรื่องคนมาทำงาน เป็นบ.เล็กๆมีคนทำงานหลัก20-30 คน แต่เมื่อปีที่แล้วมีโควิด ทำให้คนงานคนจีนที่เป็นแรงงานหลักไม่สามารถเจข้าประเทศได้ เขาจึงได้มองหาคนไทยมาทำงานมากขึ้น ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้มาทำงานที่บ.นี้ ตอนที่เขาไปสัมภาษณ์เราเขาก็พูดทุกอย่างดูดีมากเกี่ยวกับบริษัท จนเรายอมมาทำงานด้วย (ปล.เพราะเรามีประสบการณ์ทางด้านนี้ เขาเลยต้องการมาก) โดยค่าตอบแทนที่ให้ก็ถือว่าโอเค เขาอยากให้เราเริ่มงานให้เร็วที่สุด เราจึงตัดสินใจมาเริ่มงานเมื่อธันวา 63 ในตอนนั้นเราก็คิดว่า บ.ที่มาจาก ตปท ต้องมีอะไรใหม่ๆให้เรียนรู้หรือน่าจะได้ ปสก ใหม่ๆบ้างแหละ พอมาเริ่มงานอาทิตย์แรกก็โอเค ทุกคนในออฟฟิศส่วนมากเป็นคนจีนที่พูดไทยได้ และเป็นคนไทยเชื้อจีน แต่เจ้าของบริษัทเป็นคนจีน ซึ่งการพูดคุยก็จะผ่านล่ามหรือพี่ๆที่เขาพูดจีนได้ พนักงานที่ประจำออฟฟิศมี 2-3 คน ซึ่งเป็นพี่บัญชีและก็น้องล่าม ช่วงเดือนต้นแรกๆก็ยังไม่มีอะไร ไม่มีการสอนงาน มีแต่พาไปดูงานตามไซท์ต่างๆ พอดูเสร็จแล้วงานทุกไซท์มีปัญหา ซึ่งเขาต้องการให้เรามาช่วยแก้ตรงนี้เพื่อจะได้เก็บเงินลูกค้าได้ เราก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ช่วงปลายๆธันวา ก็มีเอกสารที่เขาให้น้องล่ามแปล ซึ่งมันเป็นเอกสารที่เขาฟ้องกรมแรงงานเกี่ยวกับการจ้างงานแบบไม่เป็นธรรม (ปล.น้องล่ามก็เพิ่งเข้างานมาได้เดือนหนึ่ง) สองคนก็เริ่มแปลกๆแหละ และก่อนหน้านี้น้องก็บอกมีคนมาทำงานใหม่หลายคน แต่ทำได้แปปๆก็ออกแล้ว ซึ่งนี้ก้เป็นอีกปัญหาที่ทางเจ้าของมาให้เราช่วยแก้ ซึ่งพอเราถามไปลึกๆก็ได้คำตอบว่า คนที่เข้ามาไม่มีการสอนงาน และถ้าเป็นพวกสายงานวิศวะ คอม ที่ต้องไปอยู่ไซท์งานติดตั้งระบบกับคนจีน แล้วคนจีนพวกนี้ก็ไม่ค่อยสอนงานอะไรเลย พอไม่สอนงานคนใหม่ก็จะมองว่าคนใหม่ทำงานไม่ได้ เข้ากับคนจีนไม่ได้ คนที่ทนไม่ได้เขาก็ลาออก หรือบางคนทนได้แต่พอใกล้จะครบโปรเขาก็จะหาเรื่องไม่ให้ผ่านโปร หรือบีบให้ออก !!ระแวงละหนึ่ง กลับมาเคสที่เขาไปฟ้องกรมแรงงาน คนนั้นเขาเป็นsale ซึ่งอ่านจากข้อความที่เขาฟ้องแล้ว บ.ไม่ซัพพอร์ตเขา แถมหักเงินเดือนเขา ช่วงโควิดรอบแรก เขาก็เข้าใจ แต่พอสถานการณ์ดีขึ้นกลับไม่ขึ้นเงินเดือนให้เขาตามที่ตกลง จนสุดท้ายไม่พอใจเขาก็หาเรื่องให้เขาออก โดยที่จะไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยใดๆให้เขา (ปล.ก่อนออกเขามีการทะเลาะเรื่องเงิน จนเจ้าของไม่พอใจแล้วบอกไล่เขาออก ทำให้เขาต้องไปฟ้องกรมแรงงาน) ทางบ.ก็ต้องไปขึ้นศาลว่าความกันไป จนสุดท้ายเมื่อทนายเขาพิจารณาแล้ว ว่ายังไงทางบ.ก็ผิด จึงให้ทาง บ.ยอมความ แล้วจ่ายเงิน เพื่อจะไม่ต้องไปขึ้นศาลหลายรอบ เรากับน้องล่าม !!ระแวงสอง แล้วคิดว่าเขาคงไม่ทำแบบนั้นกับพวกเราหรอก และระหว่างที่ทำงานเขาจะเรียกเรากับน้องล่ามไปถามตลอดว่างานเป็นไง และถามน้องล่ามว่า (ช่วงนี้น้องไม่ค่อยมีงานล่าม) อยากทำอะไร เรากับน้องก็แบบ เห้ย!! คุณรับคนมาแบบคุณไม่รู้หรอว่าจะให้ใครทำอะไรตอนไหน เราเลยขอดูแผนบริษัท ดูโครงสร้าง ดูกำลังคน ก็ไม่มีไม่รู้ เราก็เลยมาทำตรงนี้ให้ และหลังจากปีหม่เปิดงานได้สองวัน เขาก็เรียกเราไปปรึกษา ว่าจะเอาน้องล่ามออก เราแบบเห้ยได้ไง (น้องทำงานครบสามเดือนเดือนนี้แล้วจะต้องพิจารณาผ่านงานเดือนนี้) เพราะอะไร เขาบอกว่าไม่มีงานให้น้องทำแล้ว แล้วไม่รู้จะให้น้องทำอะไร ก็เลยย้อนกลับไปเรื่องประเด็นแผนบริษัท ซึ่งครั้งก่อนเราก็มาไล่งานจัดทำแผนมาให้เขา แล้วให้เขาไปคิดว่าจะทำอย่างไร เพราะเราจะรู้แค่งานคนไทยว่าแต่ละคนทำอะไร และเนื้องานบางส่วนจะเป็นคนจีนที่อยู่ประเทศจีนทำ ซึ่งเขาไม่ให้เราไปยุ่งกับคนของเขา เลยต้องให้เขาไปทำแผนตรงนั้นต่อ แล้วเขาจะใช้เราเป็นเครื่องมือในการบอกน้องล่ามสำหรับการเลิกจ้าง แต่เราปฎิเสธไปเพราะเหตุผลมันฟังไม่ขึ้นและไม่ยุติธรรม เราเลยแนะนำว่าให้มาไล่งานกัน ว่าตรงไหนน้องจะมาช่วยได้บ้าง โดยจะมาสรุปกันในวันพรุ่งนี้ เขาก็บอกโอเคๆ แต่พอเช้าวันต่อมา เรามาถึงที่ทำงานยังไม่ได้คุยอะไรกับน้อง เขาเรียกน้องล่ามไปคุย เราก็คิดว่าไปคุยเรื่องงานเหมือนทุกๆวัน คงจะยังไม่ให้ออกหรอกเพราะได้ตกลงแล้วจะมาไล่งานก่อนแล้วทบทวนก่อนว่ามันไม่มีอะไรให้น้องทำจริงๆหรอ แต่พอน้องลงมาเปิดประตู บอกเรา พี่เขาจะให้ออกวันเสาร์นี้ ซึ่งวันนี้เป็นวันอังคาร เราบอกน้องเขาทำไม่ถูกนะแบบนี้ เรากับน้องก็หาข้อมูลว่าถ้าโดนแบบนี้เขาต้องชดเชยอะไรบ้าง (เราระแวงละสาม) แล้วเราก็ได้ให้น้องไปแจ้งว่าเขาทำแบบนี้ไม่ได้ ถ้าไม่ผ่านก็ต้องแจ้งล่วงหน้าหนึ่งเดือน ถ้าออกตอนนี้เขาต้องจ่ายเงินเดือนเดือนนี้เต็มเดือนนะ ด้วยความคนจีนอะนะ ไม่อยากให้เงินฟรีๆ น้องก็เลยยอมให้น้องทำงานต่อถึงสิ้นเดือน ระหว่างนั้นประเด็นนี้ก็เป็นเรื่องเป็นราวพอสมควร จนเราพูดกับเจ้าของบ.ว่าเดี๋ยวซักวันฉันก็ต้องเจอแบบนี้แน่ๆเลย เขาก็บอกว่าไม่ทำหรอก เพราะเราเป็นเหล่าซื่อเขา พูดแบบนี้เราเลยตอบไป ศิษย์ฆ่าครูมีเยอะแยะนะคะ เขาเลยปฎิเสธมายกใหญ่ ตามสไตล์จงกั๋วแหละ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านเราก็เตรียมใจไว้แหละว่าเราก็น่าจะโดนทำแบบนี้ และพี่หัวหน้าบัญชีที่ทำงานมากับแกได้ห้าหกเดือนทนกับพฤติกรรมแบบนี้ไม่ไหวก็เลยขอลาออก (ปล.แกคงเห็นมาเยอะ ,พี่แกเป็นผู้หญิงจีนที่มาอยู่ไทยนานแล้ว เลยรู้นิสัยและสัน....คนจีนว่าเป็นคนยังไง) พอสิ้นเดือนมกรา น้องล่ามแหละพี่หัวหน้าบัญชีก็ออก เราก็ทำงานปกติของเราไป
และหลังจากได้ไม่นานเมื่อวันที่ 23 กุมภา เขาก็เรียกเราไปคุย ตอนแรกก็คุยเรื่องงานนั้นนี้ แต่เราก็มีความรู้สึกได้ว่าเขามีอะไรนอกจากเรื่องงานแน่ๆ เพราะเดือนนี้เราต้องพิจารณาผ่านงาน เราเลยถามเขาว่าจะให้เราออกใช่ไหม เขาบอกใช่ ให้ออกสิ้นเดือนนี้ เราเลยบอกถ้าออกเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าชดเชยให้เรานะ เขาเลยบอกงั้นขอไปถามบัญชีก่อน เราเลยบอกไปว่าคิดไว้แล้วไม่มีผิด ว่าจะต้องทำแบบนี้ เขาหน้าซีดเงียบไปพักหนึ่ง และให้เหตุผลว่างานไม่ค่อยมีแล้ว เลยจำเป็นต้องให้ออก และก็ผลงานไม่ได้ตามที่เขาหวัง เราเลยถามไปว่าคุณหวังอะไร เขาตอบเราไม่ได้เพราะไม่เคยตอบเราได้ว่าจะประเมินเราแบบไหน เอาอะไรเป็นเกณฑ์ตั้งแต่เรามาทำงานวันแรก เราก็เข้าใจว่าบ.ใหม่ ค่อยๆช่วยกันปรับไป มีแต่บอกว่ามาใช้แนะนำและเป็นที่ปรึกษาให้ ซึ่งงานที่เขาไม่สามารถเบิกงวดงานได้เราก็ช่วยทำให้จนสามารถเก็บเงินได้หมดแล้ว
หลังจากนั้นเขาบอกว่าขอจะไปปรึกษาทนายความก่อน แล้วเช้าวันต่อมาเขาเอาเอกสารใบเลิกจ้างมาให้เราเซ็นต์ แต่เราไม่เซ็นต์ เพราะในนั้นบอกให้เราทำงานถึงสิ้นเดือนมีนานี้ โดยให้เหตุผลว่าเพราะยังมีงานอีกที่ที่มีปัญหาอยากให้เราช่วยแก้ไขก่อนออก เราเลยบอกว่างานนั้นเราก็จัดแผนส่งคนไปแก้อยู่และแผนส่งคือต้นเดือนหน้า ไม่น่าเกินวันที่ห้าจะให้เราทำถึงสิ้นเดือนทำไม แล้วเขาบอกว่าจะเข้ามาทำงานก็ได้ ไม่เข้ามาบ้างก็ได้ เราเลยบอกเราเสียเวลา เราต้องหางานใหม่ เขาก็พูดอ้างนั้นนี้เพื่อที่จะไม่อยากจ่ายเงินชดเชยเราหนึ่งเดือน ถ้าไม่จ่ายเราจะไปแจ้งกรมแรงงาน เราจึงได้เสนอเขาว่าเราจะทำงานตัวนี้ช่วยให้ถึงวันที่ 5 มีนา โดยที่เขาต้องจ่ายเงินเดือนมีนาเต็มเดือนให้เรา และถ้ามีปัญหาอยากให้เราช่วยหลังจากนี้เรายินดีช่วยถ้าเราช่วยได้ ก่อนที่เราจะไปคุยกับเขาเราก็ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับการเลิกจ้างมาว่าเขาทำแบบนี้ไม่ถูก ที่สำคัญเราเสียควารู้สึกไปแล้ว แล้วก็ไม่อยากร่วมงานด้วยนานกว่านี้แล้ว
ที่สำคัญไม่ใช่แค่เราที่โดนแบบนี้ยังมีช่าง และคนอื่นๆที่เขาไปรับมาและทำแบบนี้ด้วย ซึ่งเขาไม่รู้ว่าการที่นายจ้างทำแบบนี้มันผิด และบางคนที่เขาให้ออกทำงานเกิน 120 วันด้วย และคิดว่าเขาคงจะเลี่ยงการจ่ายเงินชดเชย เพราะคิดว่าคนกลุ่มนั้นไม่รู้กฎหมาย ซึ่งเราก็ได้ฝากพี่บัญที่ทำงานเดือน ให้แจ้งรายละเอียดให้พนักงานเหล่านั้นทราบด้วย ก่อนที่จะโดนเอาเปรียบ
เรื่องการเลิกจ้างมันเป็นเรื่องปกติ แต่การใช่คำพูดหรือการเตรียมข้อมูลมาแจ้งพนักงานควรพิจารณาให้ดีก่อน และต้องมีความยุติธรรมกับพนักงาน อย่างน้อยเราก็เคยทำงานรวมกันมีผลประโยชน์ร่วมกัน
ปล.ปล. สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านยาวๆ สรุปสั้นๆคือ คนจีนส่วนใหญ่เมื่อเขาได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว เขาถีบหัวส่งคุณได้แบบน่าเกลียดเลยแหละ จีนจะเอาเปรียบทุกทาง ทำทุกทางเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ ถึงคนจีนจะทำงานเร็วแต่ก็จะทำงานลวกๆ รีบทำรีบหนี
อันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้เจอมา คนจีนดีๆก็มี ไม่อยากให้เหมารวมแต่มาแบ่งปันเพื่อให้ระวัง และป้องกันไว้ถ้าได้ร่วมงานกับจีนแบบนี้
สุดท้ายเราก็ต้องหางานใหม่ทำต่อไป
ใครเคยเจอประสบการณ์แบบนี้มาแบ่งปันกันได้นะ เพื่อคนที่กำลังสมัครงานและตัดสินใจจะไปทำงาน จะได้มีข้อมูลไว้ประกอบการตัดสินใจ
.....อันนี้เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดตรงไหนก็ขอ อภัย ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ.......