หลายคนคงดูกันไปบ้างแล้วกับหนังโฆษณาตัวล่าสุดของห้าดาวที่ปล่อยออกไปตอนเดือนมกราคม ตัวเอกของเรื่องเป็นเด็กหนุ่มที่มีความฝันอยากซื้อบ้านเลยเริ่มทำงานเก็บเงิน เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง
โดยโฆษณาตัวนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก คุณ เอิร์ธ นักลงทุนอายุน้อยที่ติดต่อขอทำแฟรนไชส์กับห้าดาวเมื่อปลายปี 63 แม้จะทำงานเป็นพนักงานประจำไปด้วย เพื่อต้องการหารายได้เสริมไปซื้อบ้านเป็นของขวัญให้คุณแม่ ซึ่งเราคิดว่าเรื่องราวของเขาค่อนข้างน่าสนใจมาก
ห้าดาวจึงทำหนังโฆษณา เพื่อ Inspire ให้คนที่มีฝันกล้าที่จะออกไปทำตามฝันของตัวเอง เราจึงติดต่อคุณ เอิร์ธ ให้มาเล่าประสบการณ์ในการเปิดร้านแฟรนไชส์กับห้าดาวให้เพื่อน ๆ ฟังกัน ลองมาติดตามประสบการณ์แบบฉบับมนุษย์เงินเดือนของเขากันดูครับ
อะแฮ่ม
สวัสดีครับก่อนจะไปเล่าถึงเรื่องการทำแฟรนไชส์ผมขอแนะนำตัวเองก่อน ผมชื่อ เอิร์ธ เป็นนักศึกษาจบใหม่ที่พึ่งจะได้เข้าทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งนึงออฟฟิศอยู่ใจกลางเมือง มีค่าครองชีพค่อนข้างสูง-สูงมาก ด้วยความที่ทำงานที่แรกเงินเดือนก็เลยไม่ได้สูง บวกกับนิสัยของผมที่ชอบเที่ยวเข้าสังคม มีปาร์ตี้ที่ไหน ต้องไปทุกที่ ยิ่งตอนนี้มีเงินเดือนเป็นของตัวเองด้วยแล้ว ตอนใช้เงินเลยไม่ค่อยคิดเยอะ พอสิ้นเดือนทีแทบขาดใจ เงินเก็บก็ไม่ค่อยจะมีเลย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก
จนมาวันนึง มีเรื่องให้ต้องเปลี่ยนตัวเอง และเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้เงินของผม คือพี่ชายผมส่งไลน์เป็นสลิปใบจองบ้านที่เคยคุยกันตั้งแต่สมัยก่อนผมเรียนจบนู่นนนน นานจมลืมไปแล้วว่าถ้ามีงานทำ จะซื้อบ้านเป็นของขวัญให้แม่แล้วช่วยกันผ่อน เอาละครับทีนี้มืดแปดด้าน เงินเดือนที่มีอยู่ก็แทบจะใช้ไม่พออยู่แล้ว นี่มีรายจ่ายเข้ามาเพิ่มอีก ดันป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ที่จะอยู่กับผมไปอีกนาน เลยต้องปรับตัวอย่างแรกคือเที่ยวให้น้อยลง และอย่างที่สองก็หารายได้เสริมที่นอกเหนือจากเงินเดือนนั่นเอง
ขอคิดแป๊ป..ทำไรดี
นั่งคิดหาวิธีว่าจะหาเงินเพิ่มยังไง ในหัวตอนนั้นก็มีไอเดียขึ้นมาอย่างนึงคือขายของออนไลน์ เพราะเคยเห็นเพื่อนสมัยเรียนหลายคนหารายได้เสริมโดยการขายของออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น ขนมบราวนี่ คุกกี้ น้ำส้ม สร้อยคอ เลยรู้สึกอยากจะทำบ้าง ก็ไปปรึกษากับญาติสนิทคนนึง พี่แกก็ลองแนะนำให้ดูพวกแฟรนไชส์สิ จะได้ทำงานประจำควบไปได้เหมือนเดิม หาลูกจ้างมาขายให้สักคน แล้วค่อยบริหารจัดการ
พอผมฟังแล้วก็รู้สึกว่ามี เป็นไอเดียที่น่าสนใจ ผมเลยลองไปหาพวกแบรนด์แฟรนไชส์ในอินเตอร์เน็ต กับหาแนวร่วมมาลงทุนด้วยเลยชวนเพื่อนสนิทซะเลย 555
ได้แนวร่วมแล้ววว
ผมกับเพื่อนก็คิดกันว่าแฟรนไชส์ที่น่าลงทุน คงต้องเป็นพวกของกิน เพราะยังไงคนต้องกินอยู่ทุกวันขายได้ชัวร์ ๆ พอหาวนไปก็เจอหลายแบรนด์เลยที่ใช้เงินลงทุนเท่า ๆ กัน เริ่มตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ซึ่งจำนวนเงินก็ไม่มาก และก็ไม่น้อยไป หาอะไรที่เหมาะสมกับเราดีกว่า และต้องดูว่าจะไม่ขาดทุน 55555555 พอปัด ๆ ไปก็เห็นแฟรนไชส์ห้าดาวในเว็บ เขาบอกว่าใช้เงินลงทุนประมาณ 50,000 บาท ที่ไม่ได้สูงมาก และดูเป็นไปได้ ส่วนตัวก็เคยกินมาตั้งแต่เด็ก อร่อยแถมไม่แพงด้วย เลยหาข้อมูลติดต่อโดยเข้าไปหน้าเฟสบุ๊คของห้าดาว แล้วทักไปถามทาง Inbox ว่าจะลงทุนเปิดแฟรนไชส์กับห้าดาว แอดมินเลยให้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ ไอดีไลน์ กับเขตที่อยากจะเปิดแฟรนไชส์เอาไว้ แล้วจะให้เซลประจำพื้นที่ติดต่อไป
A few days later ---
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเซลติดต่อมา เขาถามว่าอยากลงทุนในรูปแบบไหน มีทั้งรูปแบบ Kiosk (ที่เป็นซุ้มเห็นได้ทั่วไปตามตลาดหรือแหล่งชุมชม) ใช้เงินลงทุนประมาณ 50,000 บาท หรือรูปแบบ Restaurant (เป็นเหมือนร้านอาหารมีโต๊ะนั่ง และมีเมนูที่เยอะกว่า) ใช้เงินลงทุนประมาณ 300,000 – 500,000 บาท ในตอนแรกผมกับเพื่อนก็ตกลงกันว่าจะลงทุนแบบ Restaurant เพราะเพื่อนผมมีตึกแถว เป็นอาคารพาณิชย์ที่เป็นของมันอยู่แล้วไม่ต้องไปหาที่เช่า และแบบร้านมีตัวเลือกเมนูเยอะกว่า น่าจะขายดี และคืนทุนไวกว่า (เวลาทำบัญชีรายรับรายจ่ายจะได้เห็นเลขเงินเยอะ ๆ ด้วยความชอบส่วนตัว 55555555)
(รูปแบบร้าน Restaurant ที่พี่เซลล์ส่งมาให้ น่าลงทุนมากดูกลายเป็นนักธุรกิจร้านอาหารเลย555555)
เลยบอกกับพี่เซลไปว่าอยากลงทุนแบบ Restaurant เชื่อแมะแค่บอก Location ตึกของเพื่อนผมให้เซลพื้นที่นนทบุรีว่าอยู่ติดถนนระหว่างซอยไหน เขาก็รู้พิกัดเลยว่าเป็นตึกไหน อยู่ใกล้กับอะไรบ้าง เช่น เซเว่น ตึกอพาร์ทเม้น ตลาดนัดละแวกนั้น ประทับใจมาก ๆ รู้เลยว่าเซลเขาชำนาญพื้นที่จริง ๆ เมื่อข้อมูลทั้งหมดไปถึงเซล พี่เขาก็ขอเวลาลงไปสำรวจพื้นที่อีกทีนึงก่อน และจะกลับมาแจ้งเราว่าผ่านมาตรฐานของห้าดาวมั้ย ประมาณ 4 – 5 วัน เขาก็ติดต่อกลับมาพร้อมบอกว่าตึกของเพื่อนผมนั้นไม่สามารถเปิดได้ เพราะมีร้านห้าดาวแบบซุ้มอยู่ในรัศมี 10 กิโล เลยไม่สามารถให้เปิดร้านได้ เนื่องจากห้าดาวมีเกณฑ์การเปิดร้านใหม่ว่า ต้องไม่ให้เปิดร้านใกล้กันจนเกินไป ร้านใหม่ของผมที่เป็น Restaurant อาจจะไปแย่งลูกค้าของซุ้มที่ตั้งอยู่เดิมได้ เลยรู้ว่าจะหาทำเลดี ๆ ที่พอเหมาะพอเจาะเนี่ย มันยากมากเว่อร์
ช็อกสิครับทีนี้
พี่เซลเลยแนะนำอีกทำเลนึงให้ เป็นแนว Community Mall อยู่หน้าคอนโด ติดกับศูนย์ราชการแห่งนึง ซึ่งก็ดูเป็นทำเลที่ดีน่าลงทุน ผมเลยบอกกับพี่เซลไปว่าขอเวลาตัดสินใจกับเพื่อนก่อน จะต้องไปเช็กต้นทุนการเปิดร้านใหม่อีกที เพราะต้องมีค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นมา และไม่ใช่พื้นที่ ที่เราคุ้นเคยมาก่อนเลยอยากจะไปดูสถานที่จริง หลังจากไปดูทำเลจริงแล้วคำนวณออกมาถ้าอยากเปิดเป็นแบบ Restaurant อย่างที่ตั้งใจ รวมค่าเช่าที่ ค่าแฟรนไชส์ ค่าเปิดร้านอุปกรณ์ต่าง ๆ เกินจากงบที่พวกเราคำนวณไว้ตอนแรก ผมเลยบอกกับพี่เขาไปว่า อาจจะขอดูทำเลใหม่ เพราะทำเลที่แนะนำมาใช้ทุนสูงเกินไป พี่เซลก็เข้าใจ แถมยังทำการบ้านเพิ่มเติมทยอยส่งทำเลมาให้เราเลือกอยู่เรื่อย ๆ ตลอดทั้งอาทิตย์ แต่สุดท้ายเพื่อนของผมก็ไปเจออีกทำเลนึง ส่งให้พี่เซลไปตรวจสอบ ซึ่งก็คือหน้าเซเว่น ประชาราษฎร์ 16/1 จ.นนทบุรี พี่เซลใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 1 – 2 วัน ก็โทรกลับมาให้คำตอบว่า สามารถเปิดร้านได้ในรูปแบบ Premium Kiosk โดยทางเซลจะช่วยเป็นคนกลางที่จะเข้าไปติดต่อเช่าพื้นที่กับทางเซเว่นให้
หลายวันผ่านไป
ในที่สุดพี่เซลก็โทรมาบอกว่า “ทำเลของเราผ่านแล้วววววว” พวกเราดีใจมาก จะได้เป็นเถ้าแก่กันแล้ว จากนั้นทางพี่เซลก็ให้รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมถึงเงื่อนไขสัญญาของห้าดาวมาให้เราอ่านทางไลน์ก่อน และก็นัดวันมาเซ็นสัญญาหน้าทำเลที่จะเปิดร้านเลย ซึ่งก็คือเซเว่นนั่นเอง เอาจริงเพื่อนผมก็เคยมีไปดีลขอทำร้านขายของหน้าเซเว่นเหมือนกัน แต่มันยุ่งยากมากขั้นตอนเยอะ เสียเวลานาน แถมโอกาสผ่านก็น้อยมาก แต่พอติดต่อผ่านเซลห้าดาว เหมือนเค้าช่วยได้นะ นี่แค่ไม่กี่วันก็รู้เรื่องแถมได้ด้วยจร้า
ในที่สุดก็ถึงวันเซ็นสัญญา
พอมาถึงวันเซ็นสัญญาสิ่งที่ต้องเตรียมไปก็คือ เอกสารลงรายละเอียดเพิ่มเติมนิดหน่อย กับเงินค่าแฟรนไชส์ 50,000 บาท ในที่สุดก็ได้เจอหน้ากันซะที คุยกันผ่านโทรศัพท์กันมาตั้งนาน พอมาถึงทางพี่เซลก็แจ้งรายละเอียดสัญญาแบบเดียวกับที่ส่งให้เราอ่านในไลน์ เราก็ไม่ได้ติด หรือมีข้อสงสัยอะไรมาก เพราะได้ศึกษามาบ้างแล้ว จึงเซ็นสัญญาจ่ายเงินค่าแฟรนไชส์ไปในวันนั้นเลย
เซ็นแล้วก็ต้องไปเรียน
พอเซ็นสัญญาจบพี่เซลก็แจ้งว่าตู้พร้อมแล้วนะ แล้วก็ให้เบอร์ศูนย์อบรมของห้าดาวในเขตนนทบุรีมา (เพิ่งรู้ว่าเขามีโรงเรียนที่ให้เจ้าของร้าน และลูกจ้างทุกคนไปเรียนก่อนเปิดร้าน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทำงานเป็น) พี่เซลบอกว่าอยากให้มาเรียนอาทิตย์หน้าเลย จะได้เริ่มขายได้เร็ว ๆ พวกผมก็แอบสตันกันนิดหน่อย เพราะว่ายังไม่พร้อมเลยลูกจ้างก็ยังไม่มี 5555555555 งานหยาบสิครับแบบนี้ ก็เลยบอกพี่เซลว่ายังไม่มีลูกน้องเลยครับทางห้าดาวพอจะมีลูกจ้างหรือหาให้มั้ยครับ แต่ทางห้าดาวไม่มีนโยบายในการหาลูกจ้างให้ แต่เขาบอกว่าลองไปติดต่อจากศูนย์อบรมได้ เผื่อมีใครต้องการหางานอยู่บ้าง
พนักงานจ๋า....
หลังจากนั้นเราก็กลับมานั่งคิดเรื่องลูกจ้างกันต่อ พวกผมเลยเลือกที่จะลองหากันเองก่อน แล้วค่อยไปหาที่ศูนย์อบรมเป็นตัวเลือกสุดท้าย ก็ลองใช้หลายช่องทางในการหาเลย ไม่ว่าจะเป็นการประกาศหาลูกจ้างในกลุ่มเฟสบุ๊คของคนหางานในเมืองนนทบุรี รวมถึงหาจากคอนเนคชั่นคนรู้จักว่ามีใครอยากทำงานมั้ย แต่สุดท้ายก็มาได้ลูกจ้างจากการไปติดต่อซุ้มที่อยู่ในละแวกเดียวกัน เขาก็ให้เบอร์ติดต่อของลูกจ้างคนนึงมาผมก็โทรไปคุยกัน พอตกลงรายละเอียดการทำงานกันเสร็จ ก็นัดกันมาเซ็นสัญญาหน้าร้าน เหมือนตอนที่เซ็นสัญญากับห้าดาวเป๊ะ เพราะจะได้รู้จักทำเลที่จะมาขายด้วย (มีการเรียนรู้ 5555555)
แล้วก็มาถึงวันที่ตู้มาส่ง แต่แหมดันมาซะเช้าเลย ผมกับเพื่อนก็ไปทำงานกันทั้งคู่ เลยต้องรบกวนมอบอำนาจให้คุณแม่ของเพื่อนไปเซ็นรับตู้ให้แทน พอตู้มาถึงค่อนข้างใหญ่เกินกว่าที่เคยเห็นมาก่อน แวบแรกที่เห็นตู้ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ เพราะมันเป็นซุ้มแบบใหม่ที่เรียกว่า Premium Kiosk ที่ดูสวยแล้วก็ดูทันสมัยสุด ๆ เราเลยยิ่งรู้สึกดีเข้าไปอีก เพราะรู้ว่าห้าดาวมีการปรับเปลี่ยนพัฒนาแบรนด์อยู่ตลอด นี่ใจก็มาละ ซุ้มพวกผมสวยเด่นที่สุดแถวนี้แน่ ๆ 555
(Premium Kiosk ในปี 63 แต่ปี 64 ห้าดาวมีการปรับโฉมตู้ใหม่แล้วด้วย)
ก่อนเปิดร้าน 1 วัน
พี่เซลนัดเข้ามาส่งพวกวัตถุดิบต่าง ๆ อุปกรณ์ หม้อทอด ตู้โชว์ของ และตู้แช่ ฯลฯ ก่อนเปิดร้านวันนึง เรียกได้ว่าแทบจะครบ
ทุกอย่างเลยมาตัวเปล่า ไม่ต้องเตรียมอะไรเลยนอกจากจ่ายเงิน 55555555 พี่เซลก็มากับทีมงานพร้อมติดตั้งระบบไฟฟ้าให้ แล้วก็ลงของสดเข้าตู้แช่ โดยครั้งแรกเขาจะลงสินค้าให้ทุกแบบเลย เพื่อเป็นการทดลองตลาดของทำเลนี้ มีสินค้าหลายอย่างให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ ผมกับเพื่อนก็มีหน้าที่ถือใบรายการสินค้าคอยเช็กของที่พี่เค้าเอามาให้ ยอมรับเลยครับว่างงมากรายการอะไรกันครับเนี่ยเต็มกระดาษไปหมด แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้เพราะพี่ ๆ ทีมงานของห้าดาวมาช่วยจัดการเรียงของให้ เสร็จไวมากชั่วโมงเดียวก็เรียบร้อยแล้ว
วันเปิดร้าน...ซะที
มาถึงวันเปิดร้านนัดกับลูกจ้างไว้ 8 โมงเช้าตั้งแต่เปิดร้านลูกค้าก็เข้ามารุมเลย เพราะว่าทีมงานห้าดาวและพี่เซลที่เข้ามาทำกิจกรรมเปิดสาขาจึงเป็นจุดดึงดูดลูกค้าในระแวกนั้น และทีมอบรมเข้ามาช่วยจัดการระบบภายในตู้ วันนั้นทำให้ผมเข้าใจความสำคัญของการโฆษณาโปรโมต แถมเขาจัดโปรโมชั่นลดราคาฉลองเปิดร้านให้ด้วย เรียกได้ว่าวันเดียวคนแถวนั้นก็รู้กันหมดแล้วว่ามีซุ้มห้าดาวใหม่มาเปิดแถวนี้ พอเห็นคิวยาว แล้วผมก็ชื่นนนนนใจ และการที่พี่ ๆ ทีมอบรมจากห้าดาวมาช่วยทำให้ไม่ว่าลูกค้าจะเยอะแค่ไหนก็ให้บริการได้อย่างราบรื่น จนถึงตอนปิดร้าน พวกผมก็กลับไปนั่งทำบัญชียอดสำหรับวันแรก ประทับใจกับตัวเลขและความช่วยเหลือมากครับ
[BR] รีวิวการเปิดแฟรนไชส์ฉบับมนุษย์เงินเดือน มีรายได้เพิ่มจากเงินเดือนทุกเดือน
อะแฮ่ม
สวัสดีครับก่อนจะไปเล่าถึงเรื่องการทำแฟรนไชส์ผมขอแนะนำตัวเองก่อน ผมชื่อ เอิร์ธ เป็นนักศึกษาจบใหม่ที่พึ่งจะได้เข้าทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งนึงออฟฟิศอยู่ใจกลางเมือง มีค่าครองชีพค่อนข้างสูง-สูงมาก ด้วยความที่ทำงานที่แรกเงินเดือนก็เลยไม่ได้สูง บวกกับนิสัยของผมที่ชอบเที่ยวเข้าสังคม มีปาร์ตี้ที่ไหน ต้องไปทุกที่ ยิ่งตอนนี้มีเงินเดือนเป็นของตัวเองด้วยแล้ว ตอนใช้เงินเลยไม่ค่อยคิดเยอะ พอสิ้นเดือนทีแทบขาดใจ เงินเก็บก็ไม่ค่อยจะมีเลย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก
จนมาวันนึง มีเรื่องให้ต้องเปลี่ยนตัวเอง และเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้เงินของผม คือพี่ชายผมส่งไลน์เป็นสลิปใบจองบ้านที่เคยคุยกันตั้งแต่สมัยก่อนผมเรียนจบนู่นนนน นานจมลืมไปแล้วว่าถ้ามีงานทำ จะซื้อบ้านเป็นของขวัญให้แม่แล้วช่วยกันผ่อน เอาละครับทีนี้มืดแปดด้าน เงินเดือนที่มีอยู่ก็แทบจะใช้ไม่พออยู่แล้ว นี่มีรายจ่ายเข้ามาเพิ่มอีก ดันป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ที่จะอยู่กับผมไปอีกนาน เลยต้องปรับตัวอย่างแรกคือเที่ยวให้น้อยลง และอย่างที่สองก็หารายได้เสริมที่นอกเหนือจากเงินเดือนนั่นเอง
ขอคิดแป๊ป..ทำไรดี
นั่งคิดหาวิธีว่าจะหาเงินเพิ่มยังไง ในหัวตอนนั้นก็มีไอเดียขึ้นมาอย่างนึงคือขายของออนไลน์ เพราะเคยเห็นเพื่อนสมัยเรียนหลายคนหารายได้เสริมโดยการขายของออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น ขนมบราวนี่ คุกกี้ น้ำส้ม สร้อยคอ เลยรู้สึกอยากจะทำบ้าง ก็ไปปรึกษากับญาติสนิทคนนึง พี่แกก็ลองแนะนำให้ดูพวกแฟรนไชส์สิ จะได้ทำงานประจำควบไปได้เหมือนเดิม หาลูกจ้างมาขายให้สักคน แล้วค่อยบริหารจัดการ
พอผมฟังแล้วก็รู้สึกว่ามี เป็นไอเดียที่น่าสนใจ ผมเลยลองไปหาพวกแบรนด์แฟรนไชส์ในอินเตอร์เน็ต กับหาแนวร่วมมาลงทุนด้วยเลยชวนเพื่อนสนิทซะเลย 555
ได้แนวร่วมแล้ววว
ผมกับเพื่อนก็คิดกันว่าแฟรนไชส์ที่น่าลงทุน คงต้องเป็นพวกของกิน เพราะยังไงคนต้องกินอยู่ทุกวันขายได้ชัวร์ ๆ พอหาวนไปก็เจอหลายแบรนด์เลยที่ใช้เงินลงทุนเท่า ๆ กัน เริ่มตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ซึ่งจำนวนเงินก็ไม่มาก และก็ไม่น้อยไป หาอะไรที่เหมาะสมกับเราดีกว่า และต้องดูว่าจะไม่ขาดทุน 55555555 พอปัด ๆ ไปก็เห็นแฟรนไชส์ห้าดาวในเว็บ เขาบอกว่าใช้เงินลงทุนประมาณ 50,000 บาท ที่ไม่ได้สูงมาก และดูเป็นไปได้ ส่วนตัวก็เคยกินมาตั้งแต่เด็ก อร่อยแถมไม่แพงด้วย เลยหาข้อมูลติดต่อโดยเข้าไปหน้าเฟสบุ๊คของห้าดาว แล้วทักไปถามทาง Inbox ว่าจะลงทุนเปิดแฟรนไชส์กับห้าดาว แอดมินเลยให้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ ไอดีไลน์ กับเขตที่อยากจะเปิดแฟรนไชส์เอาไว้ แล้วจะให้เซลประจำพื้นที่ติดต่อไป
A few days later ---
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเซลติดต่อมา เขาถามว่าอยากลงทุนในรูปแบบไหน มีทั้งรูปแบบ Kiosk (ที่เป็นซุ้มเห็นได้ทั่วไปตามตลาดหรือแหล่งชุมชม) ใช้เงินลงทุนประมาณ 50,000 บาท หรือรูปแบบ Restaurant (เป็นเหมือนร้านอาหารมีโต๊ะนั่ง และมีเมนูที่เยอะกว่า) ใช้เงินลงทุนประมาณ 300,000 – 500,000 บาท ในตอนแรกผมกับเพื่อนก็ตกลงกันว่าจะลงทุนแบบ Restaurant เพราะเพื่อนผมมีตึกแถว เป็นอาคารพาณิชย์ที่เป็นของมันอยู่แล้วไม่ต้องไปหาที่เช่า และแบบร้านมีตัวเลือกเมนูเยอะกว่า น่าจะขายดี และคืนทุนไวกว่า (เวลาทำบัญชีรายรับรายจ่ายจะได้เห็นเลขเงินเยอะ ๆ ด้วยความชอบส่วนตัว 55555555)
ช็อกสิครับทีนี้
พี่เซลเลยแนะนำอีกทำเลนึงให้ เป็นแนว Community Mall อยู่หน้าคอนโด ติดกับศูนย์ราชการแห่งนึง ซึ่งก็ดูเป็นทำเลที่ดีน่าลงทุน ผมเลยบอกกับพี่เซลไปว่าขอเวลาตัดสินใจกับเพื่อนก่อน จะต้องไปเช็กต้นทุนการเปิดร้านใหม่อีกที เพราะต้องมีค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นมา และไม่ใช่พื้นที่ ที่เราคุ้นเคยมาก่อนเลยอยากจะไปดูสถานที่จริง หลังจากไปดูทำเลจริงแล้วคำนวณออกมาถ้าอยากเปิดเป็นแบบ Restaurant อย่างที่ตั้งใจ รวมค่าเช่าที่ ค่าแฟรนไชส์ ค่าเปิดร้านอุปกรณ์ต่าง ๆ เกินจากงบที่พวกเราคำนวณไว้ตอนแรก ผมเลยบอกกับพี่เขาไปว่า อาจจะขอดูทำเลใหม่ เพราะทำเลที่แนะนำมาใช้ทุนสูงเกินไป พี่เซลก็เข้าใจ แถมยังทำการบ้านเพิ่มเติมทยอยส่งทำเลมาให้เราเลือกอยู่เรื่อย ๆ ตลอดทั้งอาทิตย์ แต่สุดท้ายเพื่อนของผมก็ไปเจออีกทำเลนึง ส่งให้พี่เซลไปตรวจสอบ ซึ่งก็คือหน้าเซเว่น ประชาราษฎร์ 16/1 จ.นนทบุรี พี่เซลใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 1 – 2 วัน ก็โทรกลับมาให้คำตอบว่า สามารถเปิดร้านได้ในรูปแบบ Premium Kiosk โดยทางเซลจะช่วยเป็นคนกลางที่จะเข้าไปติดต่อเช่าพื้นที่กับทางเซเว่นให้
หลายวันผ่านไป
ในที่สุดพี่เซลก็โทรมาบอกว่า “ทำเลของเราผ่านแล้วววววว” พวกเราดีใจมาก จะได้เป็นเถ้าแก่กันแล้ว จากนั้นทางพี่เซลก็ให้รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมถึงเงื่อนไขสัญญาของห้าดาวมาให้เราอ่านทางไลน์ก่อน และก็นัดวันมาเซ็นสัญญาหน้าทำเลที่จะเปิดร้านเลย ซึ่งก็คือเซเว่นนั่นเอง เอาจริงเพื่อนผมก็เคยมีไปดีลขอทำร้านขายของหน้าเซเว่นเหมือนกัน แต่มันยุ่งยากมากขั้นตอนเยอะ เสียเวลานาน แถมโอกาสผ่านก็น้อยมาก แต่พอติดต่อผ่านเซลห้าดาว เหมือนเค้าช่วยได้นะ นี่แค่ไม่กี่วันก็รู้เรื่องแถมได้ด้วยจร้า
ในที่สุดก็ถึงวันเซ็นสัญญา
พอมาถึงวันเซ็นสัญญาสิ่งที่ต้องเตรียมไปก็คือ เอกสารลงรายละเอียดเพิ่มเติมนิดหน่อย กับเงินค่าแฟรนไชส์ 50,000 บาท ในที่สุดก็ได้เจอหน้ากันซะที คุยกันผ่านโทรศัพท์กันมาตั้งนาน พอมาถึงทางพี่เซลก็แจ้งรายละเอียดสัญญาแบบเดียวกับที่ส่งให้เราอ่านในไลน์ เราก็ไม่ได้ติด หรือมีข้อสงสัยอะไรมาก เพราะได้ศึกษามาบ้างแล้ว จึงเซ็นสัญญาจ่ายเงินค่าแฟรนไชส์ไปในวันนั้นเลย
พอเซ็นสัญญาจบพี่เซลก็แจ้งว่าตู้พร้อมแล้วนะ แล้วก็ให้เบอร์ศูนย์อบรมของห้าดาวในเขตนนทบุรีมา (เพิ่งรู้ว่าเขามีโรงเรียนที่ให้เจ้าของร้าน และลูกจ้างทุกคนไปเรียนก่อนเปิดร้าน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทำงานเป็น) พี่เซลบอกว่าอยากให้มาเรียนอาทิตย์หน้าเลย จะได้เริ่มขายได้เร็ว ๆ พวกผมก็แอบสตันกันนิดหน่อย เพราะว่ายังไม่พร้อมเลยลูกจ้างก็ยังไม่มี 5555555555 งานหยาบสิครับแบบนี้ ก็เลยบอกพี่เซลว่ายังไม่มีลูกน้องเลยครับทางห้าดาวพอจะมีลูกจ้างหรือหาให้มั้ยครับ แต่ทางห้าดาวไม่มีนโยบายในการหาลูกจ้างให้ แต่เขาบอกว่าลองไปติดต่อจากศูนย์อบรมได้ เผื่อมีใครต้องการหางานอยู่บ้าง
พนักงานจ๋า....
หลังจากนั้นเราก็กลับมานั่งคิดเรื่องลูกจ้างกันต่อ พวกผมเลยเลือกที่จะลองหากันเองก่อน แล้วค่อยไปหาที่ศูนย์อบรมเป็นตัวเลือกสุดท้าย ก็ลองใช้หลายช่องทางในการหาเลย ไม่ว่าจะเป็นการประกาศหาลูกจ้างในกลุ่มเฟสบุ๊คของคนหางานในเมืองนนทบุรี รวมถึงหาจากคอนเนคชั่นคนรู้จักว่ามีใครอยากทำงานมั้ย แต่สุดท้ายก็มาได้ลูกจ้างจากการไปติดต่อซุ้มที่อยู่ในละแวกเดียวกัน เขาก็ให้เบอร์ติดต่อของลูกจ้างคนนึงมาผมก็โทรไปคุยกัน พอตกลงรายละเอียดการทำงานกันเสร็จ ก็นัดกันมาเซ็นสัญญาหน้าร้าน เหมือนตอนที่เซ็นสัญญากับห้าดาวเป๊ะ เพราะจะได้รู้จักทำเลที่จะมาขายด้วย (มีการเรียนรู้ 5555555)
แล้วก็มาถึงวันที่ตู้มาส่ง แต่แหมดันมาซะเช้าเลย ผมกับเพื่อนก็ไปทำงานกันทั้งคู่ เลยต้องรบกวนมอบอำนาจให้คุณแม่ของเพื่อนไปเซ็นรับตู้ให้แทน พอตู้มาถึงค่อนข้างใหญ่เกินกว่าที่เคยเห็นมาก่อน แวบแรกที่เห็นตู้ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ เพราะมันเป็นซุ้มแบบใหม่ที่เรียกว่า Premium Kiosk ที่ดูสวยแล้วก็ดูทันสมัยสุด ๆ เราเลยยิ่งรู้สึกดีเข้าไปอีก เพราะรู้ว่าห้าดาวมีการปรับเปลี่ยนพัฒนาแบรนด์อยู่ตลอด นี่ใจก็มาละ ซุ้มพวกผมสวยเด่นที่สุดแถวนี้แน่ ๆ 555
พี่เซลนัดเข้ามาส่งพวกวัตถุดิบต่าง ๆ อุปกรณ์ หม้อทอด ตู้โชว์ของ และตู้แช่ ฯลฯ ก่อนเปิดร้านวันนึง เรียกได้ว่าแทบจะครบ
ทุกอย่างเลยมาตัวเปล่า ไม่ต้องเตรียมอะไรเลยนอกจากจ่ายเงิน 55555555 พี่เซลก็มากับทีมงานพร้อมติดตั้งระบบไฟฟ้าให้ แล้วก็ลงของสดเข้าตู้แช่ โดยครั้งแรกเขาจะลงสินค้าให้ทุกแบบเลย เพื่อเป็นการทดลองตลาดของทำเลนี้ มีสินค้าหลายอย่างให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ ผมกับเพื่อนก็มีหน้าที่ถือใบรายการสินค้าคอยเช็กของที่พี่เค้าเอามาให้ ยอมรับเลยครับว่างงมากรายการอะไรกันครับเนี่ยเต็มกระดาษไปหมด แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้เพราะพี่ ๆ ทีมงานของห้าดาวมาช่วยจัดการเรียงของให้ เสร็จไวมากชั่วโมงเดียวก็เรียบร้อยแล้ว
วันเปิดร้าน...ซะที
มาถึงวันเปิดร้านนัดกับลูกจ้างไว้ 8 โมงเช้าตั้งแต่เปิดร้านลูกค้าก็เข้ามารุมเลย เพราะว่าทีมงานห้าดาวและพี่เซลที่เข้ามาทำกิจกรรมเปิดสาขาจึงเป็นจุดดึงดูดลูกค้าในระแวกนั้น และทีมอบรมเข้ามาช่วยจัดการระบบภายในตู้ วันนั้นทำให้ผมเข้าใจความสำคัญของการโฆษณาโปรโมต แถมเขาจัดโปรโมชั่นลดราคาฉลองเปิดร้านให้ด้วย เรียกได้ว่าวันเดียวคนแถวนั้นก็รู้กันหมดแล้วว่ามีซุ้มห้าดาวใหม่มาเปิดแถวนี้ พอเห็นคิวยาว แล้วผมก็ชื่นนนนนใจ และการที่พี่ ๆ ทีมอบรมจากห้าดาวมาช่วยทำให้ไม่ว่าลูกค้าจะเยอะแค่ไหนก็ให้บริการได้อย่างราบรื่น จนถึงตอนปิดร้าน พวกผมก็กลับไปนั่งทำบัญชียอดสำหรับวันแรก ประทับใจกับตัวเลขและความช่วยเหลือมากครับ
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน