คิดยังไงกับค่าสินสอดราคา 1 ล้านบาท???!!!

ท้าวความก่อนนะคะว่าหมู่บ้านเราค่อนข้างที่จะเป็นหมู่บ้านที่เรียกค่าสินสอดแพงมาก ชื่อเสียงเรียงนามหมู่บ้านข้างเคียงจะรับรู้ ด้วยที่หมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านเฒ่าแก่ทำไร่อ้อย 100 +ไร่ ส่วนตระกูลเรามีพี่สาว2 คน ก็แต่ง ล้านอัพกันทั้ง 2 มาถึงคิวเราค่ะ ซึ่งกำลังจะหมั้นหมายกันในอีกไม่นาน ก็ได้ยินข่าวลือจากหมู่บ้านข้างเคียง เขาก็มาถามเราว่าเรียกค่าสินสอดขนาดนี้เลยหรอ ส่วนบ้านเราก็มีฐานะระดับนึงค่ะ ฝ่ายบ้านแฟนก็มีเหมือนกันแต่แฟนบอกว่าแถวบ้านเค้าแพงสุดก็คือ 5 แสน เราก็บอกเค้าไปละคะว่า ก็มาต่อเอา ส่วนตัวเราเรียนจบทำงานแล้วค่ะ ก็เลยสงสัยว่าค่าสินสอดราคานี้ที่ไหนมีแบบนี้บ้าง ส่วนตัวเราก็ว่าเฉยๆนะถ้าแต่งเข้าบ้านเราก็ต้องมาเอาสมบัติจากทางบ้านเรา แม่บอกว่าถ้าเราแต่งออก ก็จะไม่เรียกแพง เพราะต้องไปเอาสมบัติจากฝั่งนั้น แต่เราเป็นลูกคนเล็กค่ะ ต้องแต่งเข้า (บ้านเราค่อนข้างหัวโบราณ)
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
เรื่องสินสอด ไม่มีถูกผิด เป็นเรื่องทัศนคติของแต่ละกลุ่มคน แต่ละครอบครัว
         มากหรือน้อย แพงหรือเหมาะสม ขึ้นอยู่กับ คนสองคน ครอบครัวสองครอบครัวที่จะดองกัน
ของแบบนี้ รายละเอียดแต่ละครอบครัวแตกต่างกันไป
  ผมเคยเห็น ลูกสาวคนเล็ก แต่งสามีเข้าบ้าน สามีก็เป็นคนทำงาน ใช้ที่ดินของภรรยา สินสอดไม่แพง แต่มาเป็นคนทำงาน ภรรยาคุมหมด
          แบบนี้ก็มี การแต่งเข้า ก็ไม่ได้หมายความว่า จะมีสามียอมแต่งเข้าทุกคน
     สมมติว่า จขกท. ไปเจอชายถูกใจ แล้วเขาก็เป็นลูกเจ้าของกิจการ ขายวัสดุก่อสร้าง ในหมู่บ้านหรืออำเภอเดียวกับ จขกท. ต้องสืบทอดกิจการต่อจากพ่อแม่ แบบนี้ จบลงยาก ฝ่ายชายก็อยากแต่งสะใภ้เข้า 1 ล้านก็สูงไป แต่หากถูกใจก็ไม่แพง
         เพราะหากสองครอบครัวตกลงได้ มองว่า ก็ต่างคนต่างมี ก็ต่างช่วยกันทั้งกิจการก่อสร้างและไร่อ้อย ก็อาจไม่ต้องถึง 1 ล้าน
    เพราะฝ่ายชายก็อาจไม่ได้อยากได้ที่ดินไร่อ้อย ฝ่ายหญิงก็อาจไม่ได้อยากได้กิจการก่อสร้าง แต่ทั้งสองกิจการจะไปตกที่รุ่นลูก
         หากแบบนี้ สินสอดก็อาจจะไม่สูงมาก เพราะต่างคนต่างแยกกระเป๋าแยกรายได้ก็ได้

    หากเจอบางคน ที่มีหน้าที่การงาน ในเมืองหลวง หรือทำงานราชการ ต้องหาเงิน ไปจ่ายเป็นค่าสินสอด 1 ล้าน แต่งเข้าไปเป็นคนของฝ่ายบ้านภรรยา แต่ตัวเขาไม่ได้มาบริหารกิจการไร่อ้อยของภรรยา เขาก็อาจคิดหนัก
           เพราะคนเป็น ข้าราชการ รายได้ต่อเดือน เก็บกี่เดือน กี่ปี จะได้ค่าสินสอด หรือต่อให้ จบ ปริญญาเอก หรือไม่ต้อง จบ ป.เอก
      สมมติว่า จบแค่ ป.โท เป็นนักวิจัยด้านพันธ์พืช หน่วยงานในกำกับของรัฐ ไปพบรักกับ จขกท. เงินเดือนนักวิจัย ป.โท ประมาณ 2.5-2.8 หมื่น หากอาวุโสหน่อยก็สามหมื่นพอได้  แต่หักค่าใช้จ่ายแล้ว เดือนๆ หนึ่ง เขาจะเหลือเงินเก็บเพื่อเป็นค่าสินสอดเท่าไหร่ จะเก็บอีกกี่ปีไปขอเมียได้
           สุดท้ายก็ต้องหันกลับมาดูสมบัติพ่อแม่ ของฝ่ายชาย พ่อแม่ก็ต้องคิดหนัก ส่งเรียน จบมาจะผันตัวจากนักวิจัยพืชไร่ จะไปทำไร่อ้อยกับเมียไหม  แล้วมันควรหาสินสอดด้วยตัวเองไหม หรือนอกจากส่งมันเรียนแล้ว ต้องหาสินสอดให้มันแต่งเมียอีก แต่งแล้ว ก็ไปอยู่กับเมีย
          มันก็ไม่ดูแลพ่อแม่อีก เพราะแต่งแพง แถมแต่งออกอีก
          ลูกสะใภ้สมัยนี้ ก็มีความเป็นส่วนตัวสูง อยากอยู่กับสามี ไม่อยากให้พ่อแม่สามี มาอยู่ด้วย
   สุดท้าย จขกท. ก็อาจจะได้แฟน ที่อยู่ในวงการ ในกลุ่มใกล้เคียง หรือมีเป้าหมายที่เป็นช่วยทำงานไร่อ้อย

            ก็ได้หมด ไม่มีอะไรถูกผิดนะ บางคนเขามีกิจการใหญ่โต ประกาศเลยว่า อยากได้ลูกเขยมาช่วงงาน แต่งเข้าไม่ต้องแพง
         ผมมีพรรคพวก แต่งเข้า ภรรยามีกิจการห้างใหญ่โต ฝ่ายชายฐานะไม่ได้แย่ แต่หากเทียบกันแล้วต่างมาก เขาก็ไม่ได้เรียกสินสอดสูงมาก
               จัดเป็นพิธี ไม่อายใคร หรือ บางราย ก็ยอดปลอม ของจริง 5 แสน ในงานโชว์ 1 ล้าน
              หรืออย่าง เจ้าของล้งทุเรียน สินสอดไม่ต้อง มีทุนให้ 10 ล้าน ==>  [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
           
       ส่วนตัวผม ก็ลองนึกว่า สมมติเป็นผม จะจ่ายไหม ? 1 ล้าน
            สมมติว่า ผมจบปริญญาเอก ทำงานวิชาการ งานวิจัย  และจบทางธุกิจเกษตรด้วย งานหลักอยู่ในเมืองหลัก
          หากผมมีรายได้ ทั้งงานหลักและงานพิเศษ เฉลี่ยต่อเดือน สัก 1 แสนเลย
            คำถาม ที่ถามตัวเองว่า หากผมมีความสามารถหาเงินได้ประมาณนี้ ผมต้องจ่าย 1 ล้าน เพื่อแต่งเข้า ไปอยู่บ้านเจ้าสาว
                 แล้วงานหลักผมหละ หรือลาออกไปบริหารไร่อ้อย   อื่ม !!!   ก็คิดหนักนะ
                 ดังนั้น ผมอาจไม่ใช่เป้าหมาย ในทัศนะของครอบครัว จขกท.
           แต่อย่างไร ก็ตาม สินสอดจะมากหรือน้อย ขอให้อยู่ที่คนรักกันไหม หากคุณเจอปลัดอำเภอ มาชอบพอ เขาอาจมีเงินไม่มาก ไม่รำรวยมาก่อน อาจจะมีชีวิตที่ต้องดิ้นรน แบบท่าน ผู้ว่าเลย (ปัจจุบันมาเป็นผู้ว่าปทุมธานี) เขาจะเอาที่ไหนมาสู่ขอ
           หากเอาเงินเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เอาความรักเป็นตัวตั้ง
                 ไอ้เรื่องทรัพย์สิน มรดกของฝ่ายหญิงนะ มันทำบันทึกหลังทะเบียนสมรสได้ ว่าอะไรเป็นสินสมรส
             หากมีปัญหา จะได้ไม่กระเทือนทรัพย์มรดก หรือจะแยกกระเป๋ากันก็ได้
              ประโยคสุดท้าย ที่จะฝากไว้ คือ อย่าเอาค่าสินสอด มาสกัดกั้น ความรักเลย           
  ปล. [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
                                                   แค่ความเห็น ในอีกมุมหนึ่ง
                                            ขอให้ จขกท. สมหวัง สมปรารถนานะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่