เข้าไปทวิตพึ่งเห็นแท็กคุยเรื่องเบงเคแต่นี้ใช้แอนดรอยเลยไม่รู้เรื่องด้วยอยากมาพูดเรื่องนี้บ้างในมุมมองตัวเองพูดเลยว่ากังวลตั้งแต่ประกาศว่าจะมีBNK48เกิดในประเทศไทยเนื่องจากตามAKB48มาโดยตลอดสิ่งแรกที่กังวลเลยคือวัฒนธรรมไอดอลของญี่ปุ่นจะใช้กับคนไทยได้เหรอรู้สึกว่าคนญี่ปุ่นเขามีกฏมีระเบียบชัดเจนคนไทยจะทำมั้ยแยกหลักๆเรื่องที่อยากพูดเลย
1.เรื่องมีแฟนนี้มองว่าสำหรับถ้าคนทั่วไปอยากจะมีก็มีไปแต่อันนี้เป็นไอดอลอยากให้แยกออกหน่อยไอดอลไม่ใช่บุคคลที่เจอข้างนอกแล้วขอถ่ายรูปขอลายเซ็นได้แบบดาราทั่วไปได้ทุกอย่างต้องเสียตังค์คือไปจับมือก็ต้องเสียตังค์(หลังๆบัตรแพงชิบอันนี้บ่นเอง)จะถ่ายรูปก็ต้องเสียตังค์แต่ถ้าเมมมีแฟนก็คือจะมีคนๆหนึ่งที่สามารถถ่ายรูปกับเมมได้จับมือเมมได้โดยไม่ต้องเสียอะไรเลยซึ่งตามความคิดแล้วมันไม่แฟร์เลยในขนาดที่คนอื่นต้องเสียตังค์เยอะเพื่อให้ได้เจอเมมใกล้ชิดเมมได้แต่มีคนเดียวที่ได้ใกล้ชิดเมม อย่างที่บอกตอนแรกนี้คือไอดอลไม่ใช่ดาราทางญี่ปุ่นก็เคยมีเมมออกมายอมรับเหมือนกันว่ามีแฟนตอนนั้นก็โดนผลกระทบไปอย่างความนิยมตกและเคยมีคนประกาศแต่งงานกลางเวทีเลือกตั้งนั้นทำให้ความนิยมวงตกทั้งวง
2.เรื่องเพลงมีหลายเพลงที่แปลดีฟังแล้วติดหูก็มีแต่หลังๆรู้สึกเอาเพลงเร็วมาแล้วแปลมันทำให้ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง(ขนาดเป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นยังเร็วและฟังยากเลย)มีหลายเพลงที่เป็นเพลงรองและรู้สึกว่าแปลดีฟังง่ายแต่ทางอฟชจะโปรโมทเพลงหลักมากกว่าและก็ตอนนี้มีเพลงแต่งเองหลายเพลงซึ่งมันดีเช่น มปร. โดดดิด่ง เลยมีฟค.หลายมองว่าเพลงแปลไม่รอดหรอกทำไมไม่ทำเพลงเองแต่งเพลงเองจะได้แมส ต้องบอกว่าทำมันทำได้แบบตอนนี้CGM48ซิง3ก็เป็นเพลงแต่งเองแต่อย่าลืมว่านี้เป็นวงน้องสาวของAKB48เพราะฉะนั้นก็ต้องเอาเพลงของวงพี่มาถ้าจะแต่งเพลงเองเอาเพลงตัวเองเป็นเพลงหลักทุกซิงก็ไม่ต้องใช้นามสกุล48
3.แฟนคลับ นี้มองว่าที่ตามเมมก็ตามด้วยความชอบอยากเห็นเมมที่ตัวเองประสบความสำเร็จชื่นชมในผลงานเมมตัวเองแต่ก็ไม่ได้อยากให้เมมจำตัวเองได้คิดว่าเมมจะจำได้หรือไม่ได้ก็แล้วแต่เมม(ถ้าอยากให้เมมจำได้คงไม่ไปจับมือเมมแค่งานละใบหรอกบอกแล้วบัตรมันแพง)ฟค.หลายคนพึ่งมาตามหลังจากซิงคุกกี้ซึ่งถือว่าดีนะสำหรับBNKที่มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นมากหลังจากซิงคุกกี้แต่ก็อยากให้แฟนคลับดูทางญี่ปุ่นด้วยว่าเขาทำไรไว้บ้างไม่ใช่อย่างเรื่องกฏห้ามมีแฟนแล้วมองว่าเมมก็คนจะมีก็มีไปทางญี่ปุ่นเขาสร้างมาตราฐานไว้อยากให้มองทางญี่ปุ่นเป็นหลักและตามเมมแบบพอดีไม่คุกคามเพราะหลังๆเมมเริ่มออกมาไลฟ์มาบ่นเรื่องทั้งสโตรกเกอร์ทั้งมีคนส่งข้อความไม่ดีไปหาถ้าบอกว่าเมมก็คือคนก็อย่าไปทำให้เมมกลัวหรือไม่สบายใจมี
เมมหลายคนมากที่ป่วยซึมเศร้าหลังจากอยู่ในวง
4.เมมเบอร์ ยอมรับว่าปัจจุบันก็ยังไม่ไว้ใจเมมอยู่ว่าจะทำตามกฏได้มั้ยโดยเฉพาะเรื่องมีแฟนถ้าจะมีก็แกรดก่อนนะค่อยมีเพราะหน้าที่ตอนนี้ก็คือไอดอลอยากให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก่อน เพราะนี้คามิเก่าสมัยAKB48คือวาตาเบ้ มายุด้วยมั้งเลยหวังกับเมมฝั่งBNK48ไว้สูงเพราะมายุเป็นคนหนึ่งที่ทุ่มเทกับงานมากและเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในวงมา11ปีไม่เคยมีข่าวเสียๆหายๆอะไรเลยขนาดข่าวหลุดว่าแอบมีแฟนยังไม่มีเลยจนมีหลายๆคนร่วมกระทั่งเมมมองว่ามายุคือไอดอลที่แท้จริงนี้เลยหวังว่าจะมีมายุเกิดขึ้นอีกสักคนในวงทั้งBNKและCGMแต่ก็อย่างที่คิดว่าวัฒนธรรมบางอย่างของไอดอลญี่ปุ่นจะใช้กับคนไทยได้เหรอแต่ก็ได้แต่หวังว่าเมมจะทำได้กัน
บ่นยาวหน่อยแต่ก็อยากแชร์เรื่องวงเกี่ยวกับความคิดตัวเองแต่ก็อยากให้ทั้งวงไปในทิศทางที่ดีอยากให้วงเป็นไอดอลที่ดังแบบAKB48ให้ได้เพราะAKBสร้างแรงบันดาลใจหลายอย่างให้ตัวเองทำให้ตัวเองชอบภาษาญี่ปุ่นเพิ่มและพยายามเรียนมาถึงตรงนี้ได้(ถึงจะไม่ได้เก่งมากก็เถอะ)เลยหวังว่าทั้งBNKและCGMจะสามารถไปสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้แบบที่AKBเคยสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองได้และหวังว่าทั้งBNKและCGMจะเข้าใจความหมายของคำว่าไอดอลอยากให้ทำให้เห็นหน่อยว่าคำว่าไอดอลมันใช้ได้กับคนไทยจริงๆ
ปล.จากแฟนคลับที่ตามAKB48มานานมากๆคนหนึ่ง
>>>> ความเห็นนี้จากคุณ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1788136808020583&id=100004728420254
อันนี้เป็นความเห็นผมนะ
.
ส่วนตัวผมว่าความเห็นนี้เป็นความเห็นที่อธิบายชัดเจนมากสุดต่างจากในทวิตที่สรุปกันมาจากแอปๆนึงแล้วเอาไปดีเฟ้นกันไปมาแบบเถียงกันบรัฟกันเฉยๆ ต่างคนต่างคิดว่าอันนั้นถูกผิด โดยไม่ได้มองผ่านตัวกลางอย่าง ความเป็น48เอาชะเลย มองแค่ผ่านเมมเบอร์ ผบห แล้วก็เอามาเถียงกันอย่างเช่นเรื่องแฟนเอาแค่ความ ผิดถูกของตัวบุคคลไม่เอาตัว48มาตัดสินนี้ไมได้สอนเรื่องกฏเมมนะแต่เมมเบอร์ไม่ได้ถูกเสมอไปก็เหมือนแฟนคลับก็ไม่ได้ถูกเสมอไปนั้นละ ไม่ได้มองน้องเป็นสินค้าแต่มองน้องเหมือนพนักงานคนนึงอะที่ต้องใช้ตัวกลางเป็นตัวตัดสินนั้นคือ กฏ บริษัท
1 ความเห็นที่ผมเห็นด้วยมากสุดที่ถกกันไปเมื่อคืน
1.เรื่องมีแฟนนี้มองว่าสำหรับถ้าคนทั่วไปอยากจะมีก็มีไปแต่อันนี้เป็นไอดอลอยากให้แยกออกหน่อยไอดอลไม่ใช่บุคคลที่เจอข้างนอกแล้วขอถ่ายรูปขอลายเซ็นได้แบบดาราทั่วไปได้ทุกอย่างต้องเสียตังค์คือไปจับมือก็ต้องเสียตังค์(หลังๆบัตรแพงชิบอันนี้บ่นเอง)จะถ่ายรูปก็ต้องเสียตังค์แต่ถ้าเมมมีแฟนก็คือจะมีคนๆหนึ่งที่สามารถถ่ายรูปกับเมมได้จับมือเมมได้โดยไม่ต้องเสียอะไรเลยซึ่งตามความคิดแล้วมันไม่แฟร์เลยในขนาดที่คนอื่นต้องเสียตังค์เยอะเพื่อให้ได้เจอเมมใกล้ชิดเมมได้แต่มีคนเดียวที่ได้ใกล้ชิดเมม อย่างที่บอกตอนแรกนี้คือไอดอลไม่ใช่ดาราทางญี่ปุ่นก็เคยมีเมมออกมายอมรับเหมือนกันว่ามีแฟนตอนนั้นก็โดนผลกระทบไปอย่างความนิยมตกและเคยมีคนประกาศแต่งงานกลางเวทีเลือกตั้งนั้นทำให้ความนิยมวงตกทั้งวง
2.เรื่องเพลงมีหลายเพลงที่แปลดีฟังแล้วติดหูก็มีแต่หลังๆรู้สึกเอาเพลงเร็วมาแล้วแปลมันทำให้ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง(ขนาดเป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นยังเร็วและฟังยากเลย)มีหลายเพลงที่เป็นเพลงรองและรู้สึกว่าแปลดีฟังง่ายแต่ทางอฟชจะโปรโมทเพลงหลักมากกว่าและก็ตอนนี้มีเพลงแต่งเองหลายเพลงซึ่งมันดีเช่น มปร. โดดดิด่ง เลยมีฟค.หลายมองว่าเพลงแปลไม่รอดหรอกทำไมไม่ทำเพลงเองแต่งเพลงเองจะได้แมส ต้องบอกว่าทำมันทำได้แบบตอนนี้CGM48ซิง3ก็เป็นเพลงแต่งเองแต่อย่าลืมว่านี้เป็นวงน้องสาวของAKB48เพราะฉะนั้นก็ต้องเอาเพลงของวงพี่มาถ้าจะแต่งเพลงเองเอาเพลงตัวเองเป็นเพลงหลักทุกซิงก็ไม่ต้องใช้นามสกุล48
3.แฟนคลับ นี้มองว่าที่ตามเมมก็ตามด้วยความชอบอยากเห็นเมมที่ตัวเองประสบความสำเร็จชื่นชมในผลงานเมมตัวเองแต่ก็ไม่ได้อยากให้เมมจำตัวเองได้คิดว่าเมมจะจำได้หรือไม่ได้ก็แล้วแต่เมม(ถ้าอยากให้เมมจำได้คงไม่ไปจับมือเมมแค่งานละใบหรอกบอกแล้วบัตรมันแพง)ฟค.หลายคนพึ่งมาตามหลังจากซิงคุกกี้ซึ่งถือว่าดีนะสำหรับBNKที่มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นมากหลังจากซิงคุกกี้แต่ก็อยากให้แฟนคลับดูทางญี่ปุ่นด้วยว่าเขาทำไรไว้บ้างไม่ใช่อย่างเรื่องกฏห้ามมีแฟนแล้วมองว่าเมมก็คนจะมีก็มีไปทางญี่ปุ่นเขาสร้างมาตราฐานไว้อยากให้มองทางญี่ปุ่นเป็นหลักและตามเมมแบบพอดีไม่คุกคามเพราะหลังๆเมมเริ่มออกมาไลฟ์มาบ่นเรื่องทั้งสโตรกเกอร์ทั้งมีคนส่งข้อความไม่ดีไปหาถ้าบอกว่าเมมก็คือคนก็อย่าไปทำให้เมมกลัวหรือไม่สบายใจมี
เมมหลายคนมากที่ป่วยซึมเศร้าหลังจากอยู่ในวง
4.เมมเบอร์ ยอมรับว่าปัจจุบันก็ยังไม่ไว้ใจเมมอยู่ว่าจะทำตามกฏได้มั้ยโดยเฉพาะเรื่องมีแฟนถ้าจะมีก็แกรดก่อนนะค่อยมีเพราะหน้าที่ตอนนี้ก็คือไอดอลอยากให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก่อน เพราะนี้คามิเก่าสมัยAKB48คือวาตาเบ้ มายุด้วยมั้งเลยหวังกับเมมฝั่งBNK48ไว้สูงเพราะมายุเป็นคนหนึ่งที่ทุ่มเทกับงานมากและเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในวงมา11ปีไม่เคยมีข่าวเสียๆหายๆอะไรเลยขนาดข่าวหลุดว่าแอบมีแฟนยังไม่มีเลยจนมีหลายๆคนร่วมกระทั่งเมมมองว่ามายุคือไอดอลที่แท้จริงนี้เลยหวังว่าจะมีมายุเกิดขึ้นอีกสักคนในวงทั้งBNKและCGMแต่ก็อย่างที่คิดว่าวัฒนธรรมบางอย่างของไอดอลญี่ปุ่นจะใช้กับคนไทยได้เหรอแต่ก็ได้แต่หวังว่าเมมจะทำได้กัน
บ่นยาวหน่อยแต่ก็อยากแชร์เรื่องวงเกี่ยวกับความคิดตัวเองแต่ก็อยากให้ทั้งวงไปในทิศทางที่ดีอยากให้วงเป็นไอดอลที่ดังแบบAKB48ให้ได้เพราะAKBสร้างแรงบันดาลใจหลายอย่างให้ตัวเองทำให้ตัวเองชอบภาษาญี่ปุ่นเพิ่มและพยายามเรียนมาถึงตรงนี้ได้(ถึงจะไม่ได้เก่งมากก็เถอะ)เลยหวังว่าทั้งBNKและCGMจะสามารถไปสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้แบบที่AKBเคยสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองได้และหวังว่าทั้งBNKและCGMจะเข้าใจความหมายของคำว่าไอดอลอยากให้ทำให้เห็นหน่อยว่าคำว่าไอดอลมันใช้ได้กับคนไทยจริงๆ
ปล.จากแฟนคลับที่ตามAKB48มานานมากๆคนหนึ่ง
>>>> ความเห็นนี้จากคุณ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1788136808020583&id=100004728420254
อันนี้เป็นความเห็นผมนะ
.
ส่วนตัวผมว่าความเห็นนี้เป็นความเห็นที่อธิบายชัดเจนมากสุดต่างจากในทวิตที่สรุปกันมาจากแอปๆนึงแล้วเอาไปดีเฟ้นกันไปมาแบบเถียงกันบรัฟกันเฉยๆ ต่างคนต่างคิดว่าอันนั้นถูกผิด โดยไม่ได้มองผ่านตัวกลางอย่าง ความเป็น48เอาชะเลย มองแค่ผ่านเมมเบอร์ ผบห แล้วก็เอามาเถียงกันอย่างเช่นเรื่องแฟนเอาแค่ความ ผิดถูกของตัวบุคคลไม่เอาตัว48มาตัดสินนี้ไมได้สอนเรื่องกฏเมมนะแต่เมมเบอร์ไม่ได้ถูกเสมอไปก็เหมือนแฟนคลับก็ไม่ได้ถูกเสมอไปนั้นละ ไม่ได้มองน้องเป็นสินค้าแต่มองน้องเหมือนพนักงานคนนึงอะที่ต้องใช้ตัวกลางเป็นตัวตัดสินนั้นคือ กฏ บริษัท