อุทาหรณ์ ทำศัลยกรรมตา 2ชั้น พลาดมาก

พูดถึงเรื่องการทำตาเป็นศัลยกรรมที่หากพลาดแล้วจะเป็นจุดที่แก้ยากมาก เพราะตาเป็นอะไรที่ไม่เหมือนจมูก ดึงซิลิโคนออกแล้วแก้ได้ แต่การทำตาถ้าพลาดแล้ว การแก้ก็อยู่ที่โชคแล้วละ   รีวิวนี้ เราอยากมาแชร์ให้เห็นว่า การทำศัลยกรรมต้องเลือกหมอที่เก่งและเฉพาะทางจริงๆ  นี้ขนาดว่าเราเลือกหมอที่มีชื่อเสียง คนแชร์ว่าดีเยอะ ยังเป็นแบบนี้และไม่รับผิดชอบด้วย  มาดูกันนะ ขอเล่าเรื่องราวนะครับ 
ภาพก่อนทำ

ก่อนทำเราจะเปนคนชั้นตาหลบ แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่พออายุมากขึ้น หนังตาก็ตกทับชั้นที่มีอันน้อยนิด  ทำให้ตัดสินใจว่า จะต้องผ่าตัดทำตาสองชั้นและเก็บหนังตาบน   ก็มองๆหลายคลินิก และแฟนก็บอกว่าหมอนี้เก่ง   คลีนิคคุณหมอคนนี้ชื่อเสียงอยู่แถวห้วยขวาง  มีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ ศัลยกรรมตลอด 24 ชั่วโมง เราก็นัดคิวผ่าน เนตไอดอลท่านหนึ่ง
    ไปถึงคลินิกเที่ยง ได้คิวผ่า หกทุ่ม แต่เอาจริงๆ ได้ผ่าตี 5 เป็นคิวสุดท้าย ก็งงๆกะคุณหมอว่าทำงานทั้งวันทั้งคืนขนาดนี้การผ่าตัดจะไม่แอบง่วงได้หรือ   คุณหมอท่านนี้เป็นแพทย์หญิงตามที่ทราบ  ทำได้ทั้ง ตา หู จมูก ปาก  นับว่าโปรไฟล์เริสมากจนไม่รู้ว่าคุณหมอชำนาญด้านไหนดี
  เข้าเรื่องถึงตอนผ่าเลยนะคุณหมอผ่าทั้งคืนจนถึงคิวเรา เวลา 05.10 น. ตอนที่กรีดตาเสร็จ เราได้ยินเสียง หมอกับผู้ช่วยหมอคุยกันว่า  (ผู้ช่วย) คุณหมอทำไมมันไม่เท่ากันเลยค่ะ จะไม่ได้ตัดใหม่หราค่ะ  (หมอ) ไม่หรอกมันคงบวมยาชา   เราเสี่ยงตายขอเอากระจกมาดูทันทีในขณะที่ เลือดยังไหลอยู่เลย ตอนนั้นเย็บเสร็จใหม่ๆเลย คุณหมอขอมือถือผมหน่อย ผมจะเอาถ่ายรูป   ปรากฏว่า มันไม่เท่ากัน  

 ด้านซ้ายดูลึกมากชั้นหนากว่า ด้านขวา คือมองด้วยตาเปล่ายังเห็นเลยว่ามันไม่เท่ากัน   เราบอกว่า คุณหมอมันไม่เท่ากันนะ ช่วยแก้ได้ไหม    ในขณะนั้นหมอลังเลว่าจะแก้ใหม่   แต่พนักงานผู้ช่วยบอกว่า คุณหมอหนูต้องออกเวรแล้วนะค่ะหมดเวลาแล้ว หนูมีธุระเช้า เพื่อแสดงให้ทราบว่า  หมดเวลางานแล้ว แล้วเก็บของออกจากห้องเลย  เราอยู่กับคุณหมอสองคนในห้องผ่าตัด  คุณหมอบอกเราว่า  ข้างซ้ายที่มันหนาเพราะมันบวมยาชาพอมันหายบวมก็เท่ากันเอง  3เดือนก็รู้ว่าเท่ากัน 6 เดือนก็ปกติเลยค่ะ  , แต่เรามองแล้วมันไม่ใช่อ่ะ มันต่างกันเยอะเกินไป   หมอบอกว่า  ถ้าไม่เท่ากันก็มาแก้นะจะแก้ให้ฟรี  โอยยย ใครจะอยากแก้ เจ็บตัวอีก ทำตานะ ไม่ใช่ทำเล็บ  ตอนนั้นเซ้นต์เราบอกเลยว่า ไม่เท่ากันแน่ๆ   แต่ถ้าให้เราดูจากสถานการณ์คือ  คุณหมอแกไม่มีลูกมือช่วย เพราะพนักงานผู้ช่วยเก็บกระเป๋าหนีออกไปแล้วเพราะหมดเวลางาน  เนื่องจากเราเป็นคิวสุดท้าย    เราก็ต้องถอนหายใจยาวๆ  แล้วแต่ดวงละนะทีนี้  

ภาพนี้หลังทำ 5 ชั่วโมง  นี้ือลืมตาปกติแล้ว ได้แค่นี้ละ  หนังตาปิดลงมาเกือบมิด  มองไม่ได้ปกติ  ต้องแหงนหน้าสูงตลอดเวลา


ภาพ ก่อนตัดไหม 1 วัน  สังเหตุได้ว่า ชั้นตาลึกมาก  และเย็บลึกจนกระพริบตา หนังตาไม่ขึ้นขึ้น  ทำให้หนังตาปิดตลอดเวลา และลงมาต่ำ

เครียดมากที่สุดตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่ 
ตามภาพเลย ตาเราไม่เท่ากัน  ภาพที่เห็นคือ  เป็น เดือนแล้ว แต่ยังไม่เท่ากัน  เราเดินทางไปหาหมอที่คลินิก หมอบอกว่าให้รอ 6 เดือนเดี๋ยวก็เท่ากัน  มันเป็นปกติของการทำตา  ( เราเพิ่งทำตาครั้งแรกก็เชื่อก่อนละกัน)   ปัญหาใดๆเราบอกหมด แต่หมอก็บอกว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
สำหรับปัญหาที่เราเกิดหลังจากทำตา
1.      ช่วง  1 เดือนแรก  เราไม่สามารถ เดินหน้าตรงได้เลย ต้องแหงนหน้าสูงมาก เพื่อให้ระดับสายตาเห็นทางข้างหน้า ขับรถเองไม่ได้ เพราะระดับสายตาไม่ได้   และที่สำคัญเราทำงานไม่ได้เลย ด้วยระดับสายตาที่เสียไป ทำให้ใช้งานคอมพิวเตอร์ไม่ได้  ต้องลางาน ถึง 1 เดือน
2.      ช่วง เดือนที่ 2- 6  เรายังคงแหงนหน้า เหมือนเดิม แต่ไม่เท่าเดือนแรก  ทำให้เสียบุคลิก เหมือนเราตาบอด เดินแหงนหน้าตลอดเวลา  ทำงานก็ต้องแหงนหน้า เพราะหนังม่านตา มันตกลงมามากเกินไปปิดระดับสายตาที่มองตรง
3.      ช่วงเดือนที่ 1-6  ตาซ้ายที่ กรีดหนาเกินไป และ กรีดลึกด้วย ทำให้ เวลาเรากระพริบตา เราจะรู้สึก เหมือนเชือกด้ายมาขึงตาเราทุกครั้งที่กระพริบตา   ทำให้จิตตกมาก
ปัญหาทุกอย่างที่กล่าวมาเรานำไปปรึกษาหมอ แต่หมอบอกว่า เดี๋ยวมันจะหายเอง  จน 6 เดือนก็ยังพูดเหมือนเดิม  สุดท้าย หมอบอกว่าจะแก้ให้เราใหม่   แต่เราคิดแล้วว่า  ถ้าให้หมอคนนี้แก้  เราไม่กล้าแน่นอน  เพราะที่ผ่านมา ไม่ได้แสดงความรับผิดชอบ  คือมีแต่บอกว่าเดี๋ยวก็หายๆ  พูดเหมือนเป็นไข้แล้วกินพารานี้ละ      เราจึงได้แต่ถอดใจ ว่ามันคือเวรกรรม สงสัยชาติก่อนไปยิงตานกมา  

          ภาพนี้คือ ครบ 6 เดือน  สรุป  ไม่เท่ากัน  และ เบี้ยว  หนังตาปิดมากกว่าปกติ ระดับสายตามองไม่ชัด  แต่ทำให้หน้าดุมาก
            จากนั้น จึงเริ่มหาหนทางแก้ปัญหานี้  ปรึกษาหลายหมอ   หลายโรงพยาบาล ดังๆ ก็ไป   หมอส่วนใหญ่บอกว่าแก้ยากมาก เพราะ มัดกล้ามเนื้อมันเสียหายแล้ว แก้ยาก  ถึงแก้แล้วก็ไม่เหมือนเดิม การแก้ ก็ต้องเอาอีกข้างให้หนาเท่ากันกับข้างอีกหนาอยู่แล้ว จะให้ข้างซ้ายที่ใหญ่ มาเล็กเหมือนข้างขวา ทำไม่ได้   คือต้องยอมรับเลยว่า การแก้ไขจะไม่เหมือนเดิมแน่นอน   แต่เรามีปัญหาอีกเรื่องคือ การกระพริบตาที่รู้สึกมีเชือกมาขวางตาตลอดเวลา  ตรงนี้หมอบอกว่า  ไม่รู้จะแก้ได้ไหม ต้องลองดูว่าผ่าตัดแล้วผลจะออกมายังไง    โหววว ยิ่งทำให้เครียดใหญ่เลย  เราจิตตกมา ตั้งครึ่งปี  เสียเงินแล้วไม่พอมาเสียใจอีกที่เลือกที่ผิด
      หลังจากที่ปรึกษาหมอที่ไทยแล้ว ส่วนใหญ่ก็บอกตามที่กล่าวข้างต้น   จึงตัดสินใจไปที่เกาหลีใต้  โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ค่อนข้างใหญ่   ก่อนไปเราไปตรวจเบื้องต้นที่ไทยก่อน มีหมอบินมาแนะนำ จ่ายมัดจำและบินทันที  ตอนตรวจที่ไทย หมอก็บอกว่าแก้ได้ มีหมอเฉพาะทางที่ทำได้   เราจึงตัดสินไปบินด่วนเลย ราคาไม่เกี่ยงขอแค่หาย    
    คุณหมอท่านนี้ค่อนข้างดุ  แต่เป็นหมอตามือดีของการศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีใต้ ที่คิวการผ่าแน่นมาก เป็นหมอที่ผ่าตัดในทีม รายการ เลทมีอิน ด้วย  ราคาแพงกว่าไทยหลายเท่า แต่เราก็ขอให้กลับมาดีเหมือนเดิมก็พอ สุดท้ายการผ่านตัดครั้งนี้ เราจึงทำจมูกไปด้วยเลยทีเดียว จะได้ไม่เจ็บตัวหลายครั้ง   
  มาดูภาพกัน
 

หลังผ่าตัด ฟื้นจากสลบ สิ่งแรกที่ทำคือ ถามหามือถือทันที

ภาพนี้ วันที่ 2 หลังการผ่าที่เกาหลีใต้   ชั้นเท่ากัน และ หนังตาไม่ปิด ทำให้เวลาเดินไม่ต้องแหงนหน้ามองฟ้าตลอดเวลา 5555 
          ผลการผ่าตัดหลังเสร็จ ส่องกระจกดู มันเท่ากันเลย   นี้ขนาดยังไม่ตัดไหมเลยนะ  เราไม่ต้องแหงนหน้าเดินเลยอ่ะ เราแปลกใจมาก กะหมอเก่าที่ไทย ทำไมตอนทำครั้งแรก แหงนหน้าเดินตั้งแต่ออกจาห้องผ่าเลย แต่ที่เกาหลีเราเดินปกติระดับสายตาไม่ได้มีปัญหาเลย    เราผ่าเสร็จ ไม่ได้อยู่รอตัดไหมนะ  กลับไทยในวันที่ 5 หลังการผ่าตัด  และมาตัดไหมที่ไทย  พอแผลค่อยๆยุบลง  สิ่งที่รู้สึกคือ  เวลากระพริบตาไม่เคือง หายปกติ  และ ชั้นของตาเท่ากัน รวมทั้งได้ชั้นที่เล็กตามที่เราต้องการเลย 

กลับบ้านเรา  ตัดไหมที่ไทย
ภาพหลังจากผ่าตัด




6 เดือนแล้ว ตาเข้าที่แล้ว

สรุปว่า  เหมือนตายแล้วเกิดใหม่    หลังจากที่ตายไปแล้ว 1 ปี  เศร้า ทรมาน จิตตก ไม่มั่นใจ เสียบุคลิก
เราถือว่า บุญเรายังมี การแก้ไขครั้งนี้ออกมาดีมาก นอกจากจะแก้ปัญหาเก่าได้แล้ว ยังทำให้ตาสวยขึ้นสมใจต้องการอีก
               วันนี้เราอยากมาแชร์ เพื่อเป็นประสบการณ์ว่า  การทำศัลยกรรมควรหาหมอที่มีความชำนาญเฉพาะทางจริงๆ เช่นถ้าผ่าตัดตา  ควรเลือกทำกับคุณหมอที่จบเฉพาะทางจริงๆ   ไม่ควรเลือกหมอที่ทำได้ทุกอย่าง หู ตา จมูก ปาก สดือ กระหม่อม นม   ไม่มีหรอกที่หมออะไรจะเก่งได้ทุกอย่างพร้อมกันขนาดนี้   เพราะหากเราพลาดแล้ว ชีวิตเหมือนตกนรกเลย กิน นอน  ก็คิด ทุกข์ใจ  และไม่มั่นใจ ไปไหนมาไหนคนทักท้วง  อายมากๆ   ไม่ค่อยออกจากบ้าน ไม่ค่อยพบผู้คนเลยละ
               โชคดีของเราที่แก้ไขได้  และเข็ดหลาบมากๆ กับการทำศัลยกรรมที่คิดน้อยไปหน่อย   ส่วนคุณหมอที่ทำพลาดที่ไทย เราก็ไม่ได้โกรธนะ  เพราะเจตนาหมอเองก็อยากให้มันออกมาสวยนั้นละ แต่มันพลาดไปหน่อย   ถือเป็นควายซวยของเราเอง    แก้แล้วกลับมาเหมือนเดิมก็ดีใจแล้วละ  แต่ก็อยากฝากให้คุณหมอ ถ้าท่านมาอ่านเจอว่า  อยากให้รอบคอบกว่านี้ วันที่ทำหมอค่อนข้างง่วงแล้ว เพราะผ่ามาทั้งคืน เราเปนสุดท้ายตี 5 คุณหมออาจจะเหนื่อยแล้ว ง่วงแล้ว  ถ้าไม่ไหวก็ขอให้พักผ่อน ดีกว่าฝืนทำ เพราะถ้าพลาดมาแบบนี้  คนเสียใจก็คือคนไข้ เพราะมันคือชีวิตทั้งชีวิตเลย  ไม่เจอกับใครไม่รู้หรอกนะครับ เสียเงิน เสียสุขภาพจิตอีก    ยังดีที่เรายังมีความพร้อมไปแก้ที่ต่างประเทศได้ แต่ถ้าเป็นคนที่เขาไม่พร้อมจริงๆ เขาก็จะต้องนั่งทุกข์ทรมานไปตลอดเลย    ขอบคุณครับ
ปล. User นี้ของน้องสาวนะ เราไม่ได้สมัคร จึงยืมน้องมาเขียนให้อ่านกัน เผื่อว่าเรื่องเราจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านนะครับ ขอบคุณคร๊าบบบบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่