นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ อาจจะเขียนไม่เข้าใจบ้างต้องขออภัยค่ะ
น้องเราตอนนี้ศึกษาอยู่ ม.5 โรงเรียนเอกชนเรียนแบบ bilingual (สองภาษา) ค่ะ ศิลป์คำนวณ เป็นโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดเลย ค่าเทอมก็แพงมาก ผลการเรียนของน้องดีมากค่ะ 3.00++ ตลอดทุกเทอม เวลามีการสอบต่างๆในชั้นเรียนก็จะได้คะแนนระดับท็อป1-5ตลอด ที่บ้านก็ส่งเสริมน้องทุกด้านเลยค่ะ เรียนพิเศษทุกเสาร์อาทิตย์เลย (คณิต+วาดรูป) ซึ่งน้องเป็นคนขอเรียนเอง
** ขอเกริ่นเรื่องฐานะทางบ้านนิดนึง ฐานะทางบ้านค่อนข้างดีเพราะทำธุรกิจส่วนตัว คนในครอบครัวมี พ่อ แม่ ลูก3คน(ผญหมดเลย) น้องที่พูดถึงคือคนเล็กสุดที่กำลังเรียน ส่วน2คนเรียนจบทำงานแล้วค่ะ รายได้ของครอบครัวได้จากการทำธุรกิจส่วนตัวเป็นหลัก เราเป็นลูกคนกลางออกมาทำงานนอกบ้านตัวคนเดียวที่กทม.เป็นวิศวะโยธา คนในบ้านที่เหลือคือช่วยธุรกิจที่บ้านหมดเลย นั่นก็หมายความว่ารายได้ของครอบครัวก็จะได้มาจาก 2 ทาง คือจากเรา(นิดหน่อย)และจากธุรกิจทางบ้านค่ะ ซึ่งถ้าคำนวณออกมาแล้วภาระค่อนข้างหนัก รายได้ได้มาแค่2ทาง เพราะคนที่บ้านอยู่กัน 4 คนช่วยกันทำงานที่บ้าน กับอีก1ทางจากเรา
คนทำงานที่บ้านหลักๆคือพี่สาวคนโต ทำทุกอย่างจัดการเรื่องเงินทุกอย่าง (พี่คนโตตอนวัยเรียนเกเรเรียนหนังสือไม่เก่งไปทำงานที่ไหนไม่ได้เลยต้องมาสานต่อธุรกิจที่บ้าน) ตอนนี้ค่าใช้จ่ายหลักๆที่ทุ่มให้ก็คือส่งน้องเรียนค่ะ ที่บ้านค่อนข้างตามใจน้องมาก อยากได้อะไรซื้อให้หมด อยากไปที่ไหน เรียนอะไร ให้หมดเลยค่ะ โชคดีที่น้องไม่ติดเพื่อนด้วยไม่ไปเที่ยวไหนเลย ติดบ้านและติดพี่คนโตมากค่ะ กลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านกินข้าวน้องก็ขึ้นห้องทันที เล่นไอแพด อ่านหนังสือ ทำการบ้าน ..
น้องเคยบอกว่าอยากเข้า สถาปัตย์ศิลปกรค่ะ ทุกวันนี้ก็เรียนวาดรูปอยู่ แต่ดูเหมือนจะเป็นแค่ความอยากยังไม่ค่อยมีพรสวรรค์ในเรื่องนี้สักเท่าไร แต่ก็ไม่ร็ว่าเพราะอะไรเหมือนกันถึงเลือกเรียนวาดรูปแบบนี้ แต่ในเมื่อน้องอยากเรียนที่บ้านก็สนับสนุนค่ะ
** ข้อมูลจากพี่คนโตที่มาเล่าให้เราฟัง **
วันนี้น้องมาบ่นกับพี่คนโตว่า
คนเล็ก : เองรู้มั้ย จะสอบสถาปัตย์เขาต้องสอบอะไรบ้าง 5 วิชาหลัก gat pat เขาต้องสอบสำรองบริหารเผื่อสถาปัตย์ไม่ติด
พี่คนโต : ถ้าอยากเข้าจริงๆ ไม่ใช่แค่หนูคนเดียวที่ต้องเหนื่อยสอบ คนอื่นที่อยากเรียนก็ต้องสอบเหมือนกัน ระหว่างสอบเข้าไปแล้ว ระหว่างเรียน มันก็ต้องมีอะ ยากง่าย *น้องก็เงียบ* แล้วแต่หนู อยากเรียนไรก็เรียน
คนเล็ก : ต่อให้เรียนสถาปัตย์ถ้าไม่มีคนจ้างก็ไม่มีงานเหมือนกันนั้นแหละ เพื่อนหนูจะเข้าหอการค้าบริหาร ไม่ต้องเตรียมอะไรเลยทำตัวชิลๆสบายๆไม่ต้องสอบ ถ้าสอบไม่ติดหนูจะไปเรียนหอการค้า
พี่คนโต : พี่...ไม่รู้หนูคิดอะไรอยู่ งั้นแล้วแต่จะเรียนไรก็เรียน *เริ่มรู้สึกท้อที่พยายามส่งเสียมาอย่างดีแต่น้องกลับคิดแบบนี้ ไม่อยากลงทุนอะไรถ้ามันเสียเปล่า*
- เคยถามน้องว่าอยากเป็นอะไร น้องบอกอยากนอนอยู่เฉยๆสบายๆ อยากเป็นเหมือนพี่คนโต เพราะอยู่บ้านสบาย แต่น้องไม่เคยเห็นตอนทำงานจริงๆเลยว่ามันเหนื่อยมากกว่าจะได้เงินมามันไม่ได้สบายแบบที่น้องคิดเลย
พี่คนโตเลยทิ้งท้าประโยคสนทนานั้นว่า "ไม่รู้อะ อะไรที่มันง่ายๆสบายๆ จุดจบก็เหมือนพี่..(คนโต)..นี่แหละ"
ดูเหมือนน้องคนเล็กจะโกรธที่ไม่ได้ดั่งใจและเงียบไป
พี่คนโตมาบ่นกับเราอีกว่า -คือกูต้องส่งเรียน 40k ต่อเทอมเพื่อให้มานั่งนอนกินที่บ้านหรอ กูไม่อยากลงทุนแล้ว-
มีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างคะ อยากจะขอคำแนะนำค่ะ
คือเราเรียนรู้เราผ่านชีวิตวัยนั้นมาแล้วว่ามันเป็นยังไง บางอย่างเราก็ยังแอบเสียดายที่คิดว่าทำไมตอนนั้นไม่ทำแบบนั้นไม่เรียนแบบนี้
พี่คนโตก็ยังบอกว่าเสียดายชีวิตตอนนั้นมาก ที่บ้านหามาให้หมดอยากไปไหนทำอะไร แต่กลับไม่รักดี สุดท้ายต้องมาจบที่ทำงานกับที่บ้านเพราะไม่รู้จะไปทางไหน เราไม่อยากให้น้องต้องมานั่งเสียดายทีหลังค่ะ พูดไปก็เหมือนจะอารมณ์เสียใส่กันเปล่าๆ ตอนนี้ยังพอมีเวลากล่อม แต่กลัวว่าพอขึ้น ม.6แล้วจะพูดยากค่ะ
ขอคำแนะนำวิธีการพูดโน้มน้าวน้องให้มีกำลังใจในการเรียนต่อหน่อยค่ะ
น้องเราตอนนี้ศึกษาอยู่ ม.5 โรงเรียนเอกชนเรียนแบบ bilingual (สองภาษา) ค่ะ ศิลป์คำนวณ เป็นโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดเลย ค่าเทอมก็แพงมาก ผลการเรียนของน้องดีมากค่ะ 3.00++ ตลอดทุกเทอม เวลามีการสอบต่างๆในชั้นเรียนก็จะได้คะแนนระดับท็อป1-5ตลอด ที่บ้านก็ส่งเสริมน้องทุกด้านเลยค่ะ เรียนพิเศษทุกเสาร์อาทิตย์เลย (คณิต+วาดรูป) ซึ่งน้องเป็นคนขอเรียนเอง
** ขอเกริ่นเรื่องฐานะทางบ้านนิดนึง ฐานะทางบ้านค่อนข้างดีเพราะทำธุรกิจส่วนตัว คนในครอบครัวมี พ่อ แม่ ลูก3คน(ผญหมดเลย) น้องที่พูดถึงคือคนเล็กสุดที่กำลังเรียน ส่วน2คนเรียนจบทำงานแล้วค่ะ รายได้ของครอบครัวได้จากการทำธุรกิจส่วนตัวเป็นหลัก เราเป็นลูกคนกลางออกมาทำงานนอกบ้านตัวคนเดียวที่กทม.เป็นวิศวะโยธา คนในบ้านที่เหลือคือช่วยธุรกิจที่บ้านหมดเลย นั่นก็หมายความว่ารายได้ของครอบครัวก็จะได้มาจาก 2 ทาง คือจากเรา(นิดหน่อย)และจากธุรกิจทางบ้านค่ะ ซึ่งถ้าคำนวณออกมาแล้วภาระค่อนข้างหนัก รายได้ได้มาแค่2ทาง เพราะคนที่บ้านอยู่กัน 4 คนช่วยกันทำงานที่บ้าน กับอีก1ทางจากเรา
คนทำงานที่บ้านหลักๆคือพี่สาวคนโต ทำทุกอย่างจัดการเรื่องเงินทุกอย่าง (พี่คนโตตอนวัยเรียนเกเรเรียนหนังสือไม่เก่งไปทำงานที่ไหนไม่ได้เลยต้องมาสานต่อธุรกิจที่บ้าน) ตอนนี้ค่าใช้จ่ายหลักๆที่ทุ่มให้ก็คือส่งน้องเรียนค่ะ ที่บ้านค่อนข้างตามใจน้องมาก อยากได้อะไรซื้อให้หมด อยากไปที่ไหน เรียนอะไร ให้หมดเลยค่ะ โชคดีที่น้องไม่ติดเพื่อนด้วยไม่ไปเที่ยวไหนเลย ติดบ้านและติดพี่คนโตมากค่ะ กลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านกินข้าวน้องก็ขึ้นห้องทันที เล่นไอแพด อ่านหนังสือ ทำการบ้าน ..
น้องเคยบอกว่าอยากเข้า สถาปัตย์ศิลปกรค่ะ ทุกวันนี้ก็เรียนวาดรูปอยู่ แต่ดูเหมือนจะเป็นแค่ความอยากยังไม่ค่อยมีพรสวรรค์ในเรื่องนี้สักเท่าไร แต่ก็ไม่ร็ว่าเพราะอะไรเหมือนกันถึงเลือกเรียนวาดรูปแบบนี้ แต่ในเมื่อน้องอยากเรียนที่บ้านก็สนับสนุนค่ะ
** ข้อมูลจากพี่คนโตที่มาเล่าให้เราฟัง **
วันนี้น้องมาบ่นกับพี่คนโตว่า
คนเล็ก : เองรู้มั้ย จะสอบสถาปัตย์เขาต้องสอบอะไรบ้าง 5 วิชาหลัก gat pat เขาต้องสอบสำรองบริหารเผื่อสถาปัตย์ไม่ติด
พี่คนโต : ถ้าอยากเข้าจริงๆ ไม่ใช่แค่หนูคนเดียวที่ต้องเหนื่อยสอบ คนอื่นที่อยากเรียนก็ต้องสอบเหมือนกัน ระหว่างสอบเข้าไปแล้ว ระหว่างเรียน มันก็ต้องมีอะ ยากง่าย *น้องก็เงียบ* แล้วแต่หนู อยากเรียนไรก็เรียน
คนเล็ก : ต่อให้เรียนสถาปัตย์ถ้าไม่มีคนจ้างก็ไม่มีงานเหมือนกันนั้นแหละ เพื่อนหนูจะเข้าหอการค้าบริหาร ไม่ต้องเตรียมอะไรเลยทำตัวชิลๆสบายๆไม่ต้องสอบ ถ้าสอบไม่ติดหนูจะไปเรียนหอการค้า
พี่คนโต : พี่...ไม่รู้หนูคิดอะไรอยู่ งั้นแล้วแต่จะเรียนไรก็เรียน *เริ่มรู้สึกท้อที่พยายามส่งเสียมาอย่างดีแต่น้องกลับคิดแบบนี้ ไม่อยากลงทุนอะไรถ้ามันเสียเปล่า*
- เคยถามน้องว่าอยากเป็นอะไร น้องบอกอยากนอนอยู่เฉยๆสบายๆ อยากเป็นเหมือนพี่คนโต เพราะอยู่บ้านสบาย แต่น้องไม่เคยเห็นตอนทำงานจริงๆเลยว่ามันเหนื่อยมากกว่าจะได้เงินมามันไม่ได้สบายแบบที่น้องคิดเลย
พี่คนโตเลยทิ้งท้าประโยคสนทนานั้นว่า "ไม่รู้อะ อะไรที่มันง่ายๆสบายๆ จุดจบก็เหมือนพี่..(คนโต)..นี่แหละ"
ดูเหมือนน้องคนเล็กจะโกรธที่ไม่ได้ดั่งใจและเงียบไป
พี่คนโตมาบ่นกับเราอีกว่า -คือกูต้องส่งเรียน 40k ต่อเทอมเพื่อให้มานั่งนอนกินที่บ้านหรอ กูไม่อยากลงทุนแล้ว-
มีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างคะ อยากจะขอคำแนะนำค่ะ
คือเราเรียนรู้เราผ่านชีวิตวัยนั้นมาแล้วว่ามันเป็นยังไง บางอย่างเราก็ยังแอบเสียดายที่คิดว่าทำไมตอนนั้นไม่ทำแบบนั้นไม่เรียนแบบนี้
พี่คนโตก็ยังบอกว่าเสียดายชีวิตตอนนั้นมาก ที่บ้านหามาให้หมดอยากไปไหนทำอะไร แต่กลับไม่รักดี สุดท้ายต้องมาจบที่ทำงานกับที่บ้านเพราะไม่รู้จะไปทางไหน เราไม่อยากให้น้องต้องมานั่งเสียดายทีหลังค่ะ พูดไปก็เหมือนจะอารมณ์เสียใส่กันเปล่าๆ ตอนนี้ยังพอมีเวลากล่อม แต่กลัวว่าพอขึ้น ม.6แล้วจะพูดยากค่ะ