คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 31
ผมเกิด 2521 นะ
ในยุค 2521 - 2530 เป็นยุคหนังไทย Classic ในตอนนี้ -- ช่วงนั้นหนังเยอะมาก ทั้งหนัง สรพงศ์ - จารุณี - สมบัติ ที่เป็นหนังตลาดของยุคนั้น หรือแล้วก็จะมีหนังของท่านมุ้ย เป็นหนังรางวัลที่สอดแทรกเข้ามา (เป็นยุคทีวีขาวดำ แล้วเป็นจอสี ตู้โทรศัพท์สีแดงแบบหมุนทีละเลข) การดูหนังยุคนั้น คือ หนังกลางแปลงในวัด หรือ โรงหนังควบ 30 บาท
ผมอยู่ฝั่งธนบุรี จะดูที่โรงหนังตลาดพลู(ปัจจุบันเป็นตลาดนัด) โรงหนังเฉลืมเกียรติ์แถววงเวียนใหญ่(ปัจจุบันเป็น Community Mall) ที่เอาหนังไทยและหนังจีนดังๆมาฉาย โรงหนังไทยรามา(หากจำไม่ผิด) แถวๆตลาดเจริญรัฐตากสิน ที่มีหนังเซ็กซี่มาฉายบ่อยๆ หรือโรงหนังคาเธ่ย์ ที่ฉายหนังฝรั่ง/จีน ไม่ฉายหนังไทย (จำได้ว่าดู Superman ที่นี่)
---------------------------------------------
ในยุค 2530-2540 เป็นยุคเปลี่ยนผ่าน มีผู้กำกับใหม่เกิดขึ้นเยอะมาก เป็นยุคของหนัง บุญชู จินตรา-สันติสุข / กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้ และหนังของวัยรุ่นช่วงนั้นที่ขายหน้าจาก The Boy / เธอกับฉัน หรือ ช่วงท้ายๆ จะมี RS กับ GMM เข้ามาในตลาดภาพยนตร์ด้วย และเริ่มมีการสร้าง Cineplex ในห้างเริ่มจาก EGV ก่อน แล้วมี Major ตามมา ทำให้ระบบหนังต่างประเทศเข้ามาฉายอย่างเป็นระบบและเป็นทางการมากขึ้น ผมจำได้ว่าเรื่องแรกที่ดูกับ EGV คือ Flintsone / Braveheart แต่ท้ายๆยุคนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน Generation เก่า เป็น Generation ใหม่ เริ่มมี Pager / Alcatel ที่เป็นโทรศัพท์บ้านไร้สายใช้กันแล้ว ..... และมีหนังเรื่อง กาเหว่าที่บางเพลง ที่โดนวิจารณ์แย่มาก+หนังไม่สนุก ในช่วงท้ายๆช่วงนี้ด้วย
ยุคนี้เป็นยุคหนังจีน วิ่งสู้ฟัด / คนตัดคน
--------------------------------------------
2541-2550 3-4 ปีแรก เป็นช่วงซบเซาของหนังไทย เพราะความเบื่อหนังขายหน้าตา + หนังฝรั่งเข้ามาเยอะมาก + ปัญหาเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ทำให้คนไม่มีเงินไปดู ไม่มีนายทุนให้ทุนมาทำหนัง ......จนกระทั่งคุณนนทรีย์ นิมิบุตร ได้ทำนางนากออกมา แล้วดังปรอทแตกในยุคนั้น (เหมือนคนไทยอัดอั้น อยากดูหนังดีๆในยุคนั้น) และมีเรื่องกุมภาพันธ์ ที่ชาคริตเล่น ซึ่งก็ดังมาก แล้วก็มีการกลับมาทำหนังกันมากมายหลายขึ้น ทั้ง GTH สายบทหนังดี/เล่นดี/เพลงเพราะ ทางสหมงคลฟิล์ม (ทำออกมาปีละหลายเรื่อง) ไม่ตีตลาดกรุงเทพแต่ได้ต่างจังหวัด และกลุ่มหนังเฉพาะทาง หรือ ท่านมุยเองก็กลับมาทำหนังเช่นกัน
--------------------------------------
2550 - 2560 ก็ต่อเนื่องจากยุค 2540-2550 แต่ความหลากหลายเริ่มลดง เพราะคนไทยหันไปดูหนัง Hollywood เต็มตัว CG เยอะๆ ภาพอลังการ ไม่เลือกดูหนังไทย ยกเว้นหนังของ GTH ที่บท/การแสดง ดีพอ ที่เหลือกับมีแต่พลาดเป้า ยกเว้นหนังพจน์ / หลวงพี่เท่ง / หลวงพี่แจ็ส ที่ยังขายได้ ........ ด้วยความนิยมใน Hollywood สุดลิ่ม กับ ปัญหาการพัฒนาบทและเงินทุนไม่หนาพอ ทำให้หนังไทยลดความหลายหลายลงเหลือแต่หนัง GTH กับ หนังตลกสุดตัว เป็นหลัก
------------------------------------------------------
2560-2564 หลัง ร.9 สิ้น + เศรษฐกิจ ซบเซา (ปัจจุบัน) ........ หนังไทยตอนนี้ไม่มีนายทุนกล้าปล่อยทุนสร้างเพราะเศรษฐกิจไม่ดี คนไทยไม่มีเงินในกระเป๋าพอดูหนังไทยเพราะ Top Priority ของคนไทยคือหนัง Hollywood..... สุดท้ายตอนนี้หนังไทยก็เหลือแต่หนังตลก (ขนาด GDH ยังทำแต่หนังตลก) กับ กลุ่มหนังรางวัลเดินสายงานต่างประเทศ แค่นี้เอง
ในยุค 2521 - 2530 เป็นยุคหนังไทย Classic ในตอนนี้ -- ช่วงนั้นหนังเยอะมาก ทั้งหนัง สรพงศ์ - จารุณี - สมบัติ ที่เป็นหนังตลาดของยุคนั้น หรือแล้วก็จะมีหนังของท่านมุ้ย เป็นหนังรางวัลที่สอดแทรกเข้ามา (เป็นยุคทีวีขาวดำ แล้วเป็นจอสี ตู้โทรศัพท์สีแดงแบบหมุนทีละเลข) การดูหนังยุคนั้น คือ หนังกลางแปลงในวัด หรือ โรงหนังควบ 30 บาท
ผมอยู่ฝั่งธนบุรี จะดูที่โรงหนังตลาดพลู(ปัจจุบันเป็นตลาดนัด) โรงหนังเฉลืมเกียรติ์แถววงเวียนใหญ่(ปัจจุบันเป็น Community Mall) ที่เอาหนังไทยและหนังจีนดังๆมาฉาย โรงหนังไทยรามา(หากจำไม่ผิด) แถวๆตลาดเจริญรัฐตากสิน ที่มีหนังเซ็กซี่มาฉายบ่อยๆ หรือโรงหนังคาเธ่ย์ ที่ฉายหนังฝรั่ง/จีน ไม่ฉายหนังไทย (จำได้ว่าดู Superman ที่นี่)
---------------------------------------------
ในยุค 2530-2540 เป็นยุคเปลี่ยนผ่าน มีผู้กำกับใหม่เกิดขึ้นเยอะมาก เป็นยุคของหนัง บุญชู จินตรา-สันติสุข / กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้ และหนังของวัยรุ่นช่วงนั้นที่ขายหน้าจาก The Boy / เธอกับฉัน หรือ ช่วงท้ายๆ จะมี RS กับ GMM เข้ามาในตลาดภาพยนตร์ด้วย และเริ่มมีการสร้าง Cineplex ในห้างเริ่มจาก EGV ก่อน แล้วมี Major ตามมา ทำให้ระบบหนังต่างประเทศเข้ามาฉายอย่างเป็นระบบและเป็นทางการมากขึ้น ผมจำได้ว่าเรื่องแรกที่ดูกับ EGV คือ Flintsone / Braveheart แต่ท้ายๆยุคนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน Generation เก่า เป็น Generation ใหม่ เริ่มมี Pager / Alcatel ที่เป็นโทรศัพท์บ้านไร้สายใช้กันแล้ว ..... และมีหนังเรื่อง กาเหว่าที่บางเพลง ที่โดนวิจารณ์แย่มาก+หนังไม่สนุก ในช่วงท้ายๆช่วงนี้ด้วย
ยุคนี้เป็นยุคหนังจีน วิ่งสู้ฟัด / คนตัดคน
--------------------------------------------
2541-2550 3-4 ปีแรก เป็นช่วงซบเซาของหนังไทย เพราะความเบื่อหนังขายหน้าตา + หนังฝรั่งเข้ามาเยอะมาก + ปัญหาเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ทำให้คนไม่มีเงินไปดู ไม่มีนายทุนให้ทุนมาทำหนัง ......จนกระทั่งคุณนนทรีย์ นิมิบุตร ได้ทำนางนากออกมา แล้วดังปรอทแตกในยุคนั้น (เหมือนคนไทยอัดอั้น อยากดูหนังดีๆในยุคนั้น) และมีเรื่องกุมภาพันธ์ ที่ชาคริตเล่น ซึ่งก็ดังมาก แล้วก็มีการกลับมาทำหนังกันมากมายหลายขึ้น ทั้ง GTH สายบทหนังดี/เล่นดี/เพลงเพราะ ทางสหมงคลฟิล์ม (ทำออกมาปีละหลายเรื่อง) ไม่ตีตลาดกรุงเทพแต่ได้ต่างจังหวัด และกลุ่มหนังเฉพาะทาง หรือ ท่านมุยเองก็กลับมาทำหนังเช่นกัน
--------------------------------------
2550 - 2560 ก็ต่อเนื่องจากยุค 2540-2550 แต่ความหลากหลายเริ่มลดง เพราะคนไทยหันไปดูหนัง Hollywood เต็มตัว CG เยอะๆ ภาพอลังการ ไม่เลือกดูหนังไทย ยกเว้นหนังของ GTH ที่บท/การแสดง ดีพอ ที่เหลือกับมีแต่พลาดเป้า ยกเว้นหนังพจน์ / หลวงพี่เท่ง / หลวงพี่แจ็ส ที่ยังขายได้ ........ ด้วยความนิยมใน Hollywood สุดลิ่ม กับ ปัญหาการพัฒนาบทและเงินทุนไม่หนาพอ ทำให้หนังไทยลดความหลายหลายลงเหลือแต่หนัง GTH กับ หนังตลกสุดตัว เป็นหลัก
------------------------------------------------------
2560-2564 หลัง ร.9 สิ้น + เศรษฐกิจ ซบเซา (ปัจจุบัน) ........ หนังไทยตอนนี้ไม่มีนายทุนกล้าปล่อยทุนสร้างเพราะเศรษฐกิจไม่ดี คนไทยไม่มีเงินในกระเป๋าพอดูหนังไทยเพราะ Top Priority ของคนไทยคือหนัง Hollywood..... สุดท้ายตอนนี้หนังไทยก็เหลือแต่หนังตลก (ขนาด GDH ยังทำแต่หนังตลก) กับ กลุ่มหนังรางวัลเดินสายงานต่างประเทศ แค่นี้เอง
ความคิดเห็นจาก Expert Account
แสดงความคิดเห็น
หนังไทยสมัยก่อน "หลากหลาย" กว่าสมัยนี้ คุณว่าจริงไหม