หลังจากได้ดูผลงานของ Makoto Shinkai เพียงสองเรื่องคือ 5 Centimeters per Second (2007) และ The Garden of Words (2013) ก็รู้ได้ทันทีว่าศิลปินผู้สร้างศิลปะผ่านอนิเมชั่นคนนี้ "มีของ" และของที่ว่านี้เข้าขั้นอัจฉริยะที่หาได้ยาก ในงานที่ทำแทบทุกอย่างตั้งแต่เนื้อเรื่องไปถึง Post Production ด้วยตัวเอง
เป็นการตกหลุมรักงานที่มีสำเนียงความรู้สีกเหงา เศร้า ซึ้ง คล้ายกับการอ่านงานเขียนของ Murakami หรือดูหนังของหว่อง กา ไว
เรื่องก่อนหน้าของชินไค มักเน้นไปที่อารมณ์ภายในของตัวเอก ที่เป็นคนธรรมดาไม่ต่างจากชีวิตประจำวันของเรา ผ่านงานภาพสมจริงในชีวิต จังหวะของการเล่าเรื่องราบเรียบ จนทุกอย่างถูกขมวดให้ระเบิดออกมาในองค์สุดท้ายอย่างน่าประทับใจ
Your Name ก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่หนังเรื่องนี้ของชินไคเอาความเป็นอนิเมชั่นมารับใช้เนื้อหาและงานภาพได้อย่างคุ้มค่าเหลือเกิน
การใช้พล็อตที่มีความ Fantasy อย่างการสลับร่าง ก็ดูเหมาะกับอนิเมชั่นอยู่แล้ว แต่งานของชินไคก้าวไปไกลกว่านั้น เพราะเขานำเอาเรื่อง "สองขั้ว" อย่าง ชาย-หญิง เมือง-ชนบท อดีต-ปัจจุบัน รากวัฒนธรรม-ชีวิตสมัยใหม่ จิต-จักรวาล ฯลฯ ไปจนถึงนำความเชื่อเฉพาะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอย่าง "มุซึบิ" ที่มีการเล่นคำทั้ง เรื่องการผูกพันเข้าหากันทั้งรูปธรรมผ่านเชือกและนามธรรมอย่างจิตวิญญาณ และในความหมายเกี่ยวกับเทพเจ้าผู้สร้างโลก มาเป็นแก่นของเรื่อง รวมถึงประเพณีอย่างการหมักเหล้าสาเกแบบเฉพาะ และช่วงเวลาพลบค่ำ ที่กลายมาเป็นหนึ่งในจุด Climax สำคัญ
ชินไคนำสิ่งเหล่านี้มาปรุงรสให้กลมกล่อม เล่าเรื่องได้อย่างละเอียดลออ กำกับจังหวะของเรื่องทั้งช่วงเบาสมอง สาระ และเร่งเร้า อย่างถูกที่ถูกเวลาไปหมด โดยใช้งานภาพมารับใช้เนื้อหาอย่างสมบูรณ์ แบบที่รู้ได้เลยว่าหากเป็นหนังที่ใช้คนแสดงจริง ๆ งานภาพอาจไม่ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมได้ขนาดนี้
ส่วนเนื้อหา ไม่แปลกใจที่จะกลายเป็นปรากฎการณ์ในประเทศญี่ปุ่น (รวมถึงชาติต่าง ๆ ในเอเชีย) เพราะตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้คนทุกกลุ่ม ทั้งเด็กที่ยังมีความฝัน ผู้ใหญ่ที่ผ่านโลก คนในสังคมเมืองที่ถวิลหาความเรียบง่าย คนที่ต้องการระลึกถึงรากเหง้าของตน คนต้องการเสพศิลปะทั้งภาพและเพลง ผู้นิยมงานแนว Sci-Fi ไปจนนิยายรักดี ๆ สักเรื่อง ฯลฯ หนังเรื่องนี้เติมเต็มความรู้สึกนั้นได้ทุกกลุ่ม
โดยเฉพาะเรื่องของภัยพิบัติที่คงโดนใจคนญี่ปุ่น เพราะภายในเรื่องมี Sub-Plot ประเด็นการเสียสละและร่วมแรงใจ จนอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเหตุการณ์ในหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นด้วยฝีมือของ Hollywood คงกลายเป็นเรื่องของการกู้โลกผ่านอาวุธ มากกว่าการเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติเช่นนี้
การผูกเรื่องที่ทำได้เหนือชั้นไปมากกว่าการสลับร่าง ความลึกซึ้งของเนื้อหา การให้ความอิ่มเอมกับผู้ชม งานภาพที่งดงาม เพลงประกอบไพเราะ การกำกับจังหวะเรื่องราว สิ่งเหล่านี้ทำให้งานเรื่องนี้คือ Masterpiece ของวงการอนิเมชั่น และวงการภาพยนตร์ โดยไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบกับงานอนิเมชั่นใดของใคร
ขอบคุณ Makoto Shinkai กับงานสร้างสรรค์ ขอบคุณที่โลกนี้มีภาพยนตร์
10/10
Your Name (2016): เวลา สายใย หัวใจ จักรวาล
หลังจากได้ดูผลงานของ Makoto Shinkai เพียงสองเรื่องคือ 5 Centimeters per Second (2007) และ The Garden of Words (2013) ก็รู้ได้ทันทีว่าศิลปินผู้สร้างศิลปะผ่านอนิเมชั่นคนนี้ "มีของ" และของที่ว่านี้เข้าขั้นอัจฉริยะที่หาได้ยาก ในงานที่ทำแทบทุกอย่างตั้งแต่เนื้อเรื่องไปถึง Post Production ด้วยตัวเอง
เป็นการตกหลุมรักงานที่มีสำเนียงความรู้สีกเหงา เศร้า ซึ้ง คล้ายกับการอ่านงานเขียนของ Murakami หรือดูหนังของหว่อง กา ไว
เรื่องก่อนหน้าของชินไค มักเน้นไปที่อารมณ์ภายในของตัวเอก ที่เป็นคนธรรมดาไม่ต่างจากชีวิตประจำวันของเรา ผ่านงานภาพสมจริงในชีวิต จังหวะของการเล่าเรื่องราบเรียบ จนทุกอย่างถูกขมวดให้ระเบิดออกมาในองค์สุดท้ายอย่างน่าประทับใจ
Your Name ก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่หนังเรื่องนี้ของชินไคเอาความเป็นอนิเมชั่นมารับใช้เนื้อหาและงานภาพได้อย่างคุ้มค่าเหลือเกิน
การใช้พล็อตที่มีความ Fantasy อย่างการสลับร่าง ก็ดูเหมาะกับอนิเมชั่นอยู่แล้ว แต่งานของชินไคก้าวไปไกลกว่านั้น เพราะเขานำเอาเรื่อง "สองขั้ว" อย่าง ชาย-หญิง เมือง-ชนบท อดีต-ปัจจุบัน รากวัฒนธรรม-ชีวิตสมัยใหม่ จิต-จักรวาล ฯลฯ ไปจนถึงนำความเชื่อเฉพาะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอย่าง "มุซึบิ" ที่มีการเล่นคำทั้ง เรื่องการผูกพันเข้าหากันทั้งรูปธรรมผ่านเชือกและนามธรรมอย่างจิตวิญญาณ และในความหมายเกี่ยวกับเทพเจ้าผู้สร้างโลก มาเป็นแก่นของเรื่อง รวมถึงประเพณีอย่างการหมักเหล้าสาเกแบบเฉพาะ และช่วงเวลาพลบค่ำ ที่กลายมาเป็นหนึ่งในจุด Climax สำคัญ
ชินไคนำสิ่งเหล่านี้มาปรุงรสให้กลมกล่อม เล่าเรื่องได้อย่างละเอียดลออ กำกับจังหวะของเรื่องทั้งช่วงเบาสมอง สาระ และเร่งเร้า อย่างถูกที่ถูกเวลาไปหมด โดยใช้งานภาพมารับใช้เนื้อหาอย่างสมบูรณ์ แบบที่รู้ได้เลยว่าหากเป็นหนังที่ใช้คนแสดงจริง ๆ งานภาพอาจไม่ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมได้ขนาดนี้
ส่วนเนื้อหา ไม่แปลกใจที่จะกลายเป็นปรากฎการณ์ในประเทศญี่ปุ่น (รวมถึงชาติต่าง ๆ ในเอเชีย) เพราะตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้คนทุกกลุ่ม ทั้งเด็กที่ยังมีความฝัน ผู้ใหญ่ที่ผ่านโลก คนในสังคมเมืองที่ถวิลหาความเรียบง่าย คนที่ต้องการระลึกถึงรากเหง้าของตน คนต้องการเสพศิลปะทั้งภาพและเพลง ผู้นิยมงานแนว Sci-Fi ไปจนนิยายรักดี ๆ สักเรื่อง ฯลฯ หนังเรื่องนี้เติมเต็มความรู้สึกนั้นได้ทุกกลุ่ม
โดยเฉพาะเรื่องของภัยพิบัติที่คงโดนใจคนญี่ปุ่น เพราะภายในเรื่องมี Sub-Plot ประเด็นการเสียสละและร่วมแรงใจ จนอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเหตุการณ์ในหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นด้วยฝีมือของ Hollywood คงกลายเป็นเรื่องของการกู้โลกผ่านอาวุธ มากกว่าการเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติเช่นนี้
การผูกเรื่องที่ทำได้เหนือชั้นไปมากกว่าการสลับร่าง ความลึกซึ้งของเนื้อหา การให้ความอิ่มเอมกับผู้ชม งานภาพที่งดงาม เพลงประกอบไพเราะ การกำกับจังหวะเรื่องราว สิ่งเหล่านี้ทำให้งานเรื่องนี้คือ Masterpiece ของวงการอนิเมชั่น และวงการภาพยนตร์ โดยไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบกับงานอนิเมชั่นใดของใคร
ขอบคุณ Makoto Shinkai กับงานสร้างสรรค์ ขอบคุณที่โลกนี้มีภาพยนตร์
10/10