เพลงใหม่จาก Three Man Down เรื่องจริงของคนค่อนโลก เพราะคน “เดาไม่เก่ง” มีอยู่เต็มไปหมด


เราเป็นแฟนเพลงของ Three Man Down มาสักพักแล้วแหละ อาจไม่ได้ไปตามดูโชว์ที่นู้นที่นี่ แต่เราชอบเพลงพี่เค้ามาก ส่วนนึงที่ชอบเพราะพี่เค้าเอาคำแปลกๆ (สำหรับเรา) มาเขียนเพลงได้อ่ะ อะไรที่มันเหมือนไม่ค่อยใช่ภาษาเพลง แต่เอามาทำเป็นเพลงได้ดี แบบดีมากๆ แล้วเสียงพี่กิตก็ขาดใจมาก ย้ำว่า “ขาดใจ” มากๆ ไม่ค่อยจะไหว ฟังทีไรเส้ามาก โดยเฉพาะ “ถ้าเธอรักฉันจริง” ไม่กล้าดู MV เลยเอาจริง มันเส้า

 
แล้วพอมีข่าวว่าพี่เค้าจะปล่อยเพลงใหม่ ตอนแรกที่เห็นชื่อเพลงก็เดาไม่ออกว่าจะออกมาเป็นประมาณไหน สำหรับเรา พอเป็นเพลงของ Three Man Down เราจะโฟกัสที่เนื้อเพลงก่อนเลย เพราะเราว่าเนื้อเพลงเค้ามีเอกลักษณ์อย่างที่บอกตอนต้นแหละ แล้วดนตรีกับสไตล์อื่นๆ เราก็มองต่อไป

 
พอปล่อยเพลงตอนประมาณเที่ยงคืนปุ๊ป ไม่นาน #เดาไม่เก่ง ก็ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 บนทวิตเตอร์เลยอ่ะ คนนอนดึกเยอะจริงๆ นะ สบายใจละเรามีเพื่อน





“เดาไม่เก่ง” สรุปว่าคือตรงตัวเลย ดนตรี การดีไซน์เสียงร้องมีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับ Three Man Down เหมือนเดิม เพิ่มเติมที่อัพเกรดความเซียน มู้ด ฟีล กลิ่นของเพลงก็ถ้าไม่บอกว่าใครร้องเราว่าก็ทายถูกอยู่ดีนะ แต่จุดนี้ขอโฟกัสที่เนื้อเพลงกับอินเนอร์ของเพลงก่อนดีกว่า เพราะเราว่ามัน “แทงใจดำ” คนหลายคน ซึ่งน่าจะเป็นคนส่วนใหญ่ด้วย เราเลยอยากจะมาแชร์มุมมองและเรื่องราวของการเป็นคน “เดาไม่เก่ง” ในความสัมพันธ์ ที่สุดท้ายก็จบเพราะมันเหนื่อยเกินจะไปต่อ...

 
“อยู่ตรงนี้ มีแต่ตัว รึหัวใจ?...”


ความสัมพันธ์เนี้ยมันเป็นเรื่องซับซ้อนมากเนอะทั้ง “รักมากเกลียดมาก” “รักไม่เผื่อใจ” “รักและแค้น” “รักเขาข้างเดียว” หรืออื่นๆ อีกมากมายที่สุดแล้วแต่จะพบเจอ แต่เรื่องนึงทีเป็นปัญหาเสมอเมื่อมาถึงการเป็นความสัมพันธ์แบบคนรักก็คือ “การอยากฟังและอยากได้ยิน” 

 
เราเป็นคนนึงที่ “เดาเก่ง” เวลาอยู่กับครอบครัว หรือเพื่อน ไม่ต้องพูดก็ได้ เรารู้ว่าคิดอะไรหรืออยากได้อะไรทันที ซึ่งมันก็เป็นโมเม้นท์ดีๆ นะที่รู้ใจกันและกัน มันทำให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของเรามันแข็งแรงแค่ไหน แต่พอมาเป็นความสัมพันธ์ฉันคนรัก ทุกอย่างมันเหมือนเป็นคนละโลก ต่อให้เราเดาหรืออ่านใจคนเก่งแค่ไหน แต่สุดท้ายเราก็อยากให้เค้าพูด อยากให้เค้าบอกว่าเค้าคิดยังไง? อยากได้อะไร? รู้สึกแบบไหน? จากคนที่ไม่เคยต้องการได้ยินคำว่าคิดถึง มอร์นิ่ง กู๊ดไน้ท์ จากเพื่อนหรือใดใดเพราะรู้ว่าเราห่วงกันอยู่แล้ว แต่พอมาเป็นคนที่เราชอบหรือคนที่เรารักมันดันเป็นอีกเรื่องนึง ช่วงแรกที่เริ่มความสัมพันธ์ได้แหละ กลัวจะมากไปแล้วมันจะเตลิด กลัวจะกดดันเค้า กลัวจะก้าวก่ายเกิน แต่พอจุดนึงที่มันสัมผัสได้ว่าต่างคนต่างสเตปไปอีกระดับนึงแล้วมันก็จะเริ่มมีความคาดหวังมากขึ้น อยากแสดงความเป็นเจ้าของมากขึ้น อยากได้ยินมากขึ้น พูดง่ายๆ คือ “อยากเดาน้อยลง” 

 
หลายครั้งความสัมพันธ์มันไปไม่รอดเพราะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งปากแข็งเกินไป หรือหลายครั้งก็ไปไม่รอดเพราะฝ่ายใดฝ่ายนึงแสดงออกมาเกินไป การหา “จุดตรงกลาง” เลยไม่สามารถเป็นไปได้สำหรับทุกคู่
 

“ชั้นจะรู้ได้ไง ว่าเธอนั้นคิดยังไง ในเมื่อที่กว้างใหญ่ ใจเธออยู่ที่ใคร”


แต่ไม่ว่าจะยังไงแล้ว ถ้าความสัมพันธ์มันมาถึงจุดที่เริ่มจริงจัง มันก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการ “แสดงออก” ไม่ใช่แค่การพูดหรือการกรทำ แต่มันต้องเป็น “ทั้งการพูดและการกระทำ” เพราะบางครั้งแค่พูดก็รู้สึกเชื่อไม่ได้ หรือแค่ทำก็ไม่อาจรู้ได้ บนความสัมพันธ์มักมีคนนึงคาดหวังมากกว่าเสมออย่างน้อยในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ดังนั้นการตอบสนองความคาดหวังนั้นก็มีแค่สองอย่างคือ พูด หรือ ทำ แต่หากอีกฝ่ายเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่สนใจเลย สิ่งนั้นจะกลายเป็นความกดดันทั้งในตัวคนที่คาดหวังในทันที และเป็นความกดดันในอนาคตของคนอีกคน 
 

“เพราะชั้นนั้นเดาไม่เก่ง และชั้นคงดูไม่ออก ว่าเธอจะมาหลอก หรือว่าเธอจะรักชั้นได้”


ที่บอกว่าเรื่องจริงของคนค่อนโลก ไม่น่าจะเกินจริง เพราะหลายคนหลายคู่ต้องเคยเจอเหตุการณ์ที่ในใจก็รู้สึกแต่อยากได้ยินว่าเราคิดถูกแล้ว หรือเราได้ยินมาบ่อยแล้วแต่อยากสัมผัสได้ด้วยการกระทำด้วยว่าเค้าคิดแบบนั้นจริงๆ มันจึงเป็นเรื่องการบาลานซ์กันของการแสดงออกเพื่อความสัมพันธ์ เราไม่เชื่อนะว่าสุดท้ายแล้ว แค่ทำแล้วจะพอ หรือแค่พูดก็จะเข้าใจ มันก็ต้องพึ่งพาทั้งสองอย่างอย่างที่พูดมาตลอดความสัมพันธ์มันถึงจะไปรอด 

 
“ชั้นหวังให้เธอรักกัน ไม่อยากให้เป็นแค่ฝัน เพราะว่าชั้นมีแต่เธอ ทั้งหัวใจ”


สุดท้ายมันก็แค่เนี้ยแหละว่าเราอยากรู้สึกว่าเรามีเค้าจริงๆ เค้าที่รักเราเหมือนที่เรารักเค้า และการรู้สึกว่ารักมันไม่ใช่แค่การพูดคำโตหรือเล่นใหญ่ แต่มันคือการใส่ใจตั้งแต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในแบบที่ “ไม่ฝืนกันและกัน” การพูดว่า คิดถึงนะ รักนะ กินข้าวด้วยนะ ตื่นได้แล้วนะ มันควรจะออกมาได้โดยอัตโนมัติ บางคนที่เป็นคนพูดไม่เก่ง ก็อาจจะต้องมีการกระทำที่มากกว่ามาทดแทน เพื่อให้ความสัมพันธ์แข็งแรง

 
แต่โลกใบนี้มีคนอยู่มากมายนัก คงไม่ใชทุกคนที่จะเป็นเหมือนกันได้ แสดงออกเหมือนกันได้ หรือพูดออกมาเหมือนกันได้ เราถึงบอกว่ามันเป็นเรื่องของการบาลานซ์ความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันตามลักษณะของแต่ละคู่อีก เราก็เคยเห็นคู่ที่อีกฝ่ายไม่แสดงออกเท่าไหร่เลย พูดไม่เก่งเลย แต่ก็อยู่กันได้ ซึ่งเราไม่เชื่อหรอกว่าเค้าไม่ทำอะไรเลย มันต้องมีความอบอุ่นใจหรือความเชื่อใจอะไรสักอย่างที่ทำให้อยู่ร่วมกันได้แบบไม่รู้สึกว่าเค้าคือคนแปลกหน้าที่ไม่จำเป็นต้องมารู้สึกอะไรกัน

 
ดังนั้นที่พล่ามมาทั้งหมดเราแค่อยากแชร์มุมมองว่า มันไม่มีอะไรดีไปกว่าการแสดงออกหรอก เพราะมีคนเยอะมากที่ต่อให้เก่งเรื่องอื่นแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ต้องมา “เดาไม่เก่ง” กับความสัมพันธ์แบบนี้ แม้เพลงจะบอกว่าให้พูดออกมาได้มั้ย แต่ถ้าฟังๆ อาจจะรู้สึกได้ว่าจริงๆ แล้วเค้าแค่อยากแน่ใจ คำว่าอยากแน่ใจไม่น่าจะหมายถึงพูดแล้วเชื่อเลย แต่เพราะเค้าคงเห็นบ้างว่าการกระทำที่ผ่านมาแล้วมันก็ใช่ แต่แค่อยากปิดจ๊อบว่า “เค้ารักกันจริงๆ” ดังนั้นก็อยากให้พูดออกมาเพื่อที่จะมูฟออนสู่สเตปที่สูงขึ้นได้

 
โอเคพูดเยอะมาก ส่วนตัวอย่างที่บอกว่าชอบเพลงของพี่ๆ เค้าอยู่แล้ว เพลงนี้ไม่มีอะไรจะติ จะหาว่าอวยก็ได้ แต่ก็ชอบเลยอวย ฟังง่าย สบายหู ไม่ได้มาสายหดหู่แต่มาสายหน่วงเต็มตัว 5555555+ ไปลองฟังกันดูนะ เราว่าฟังรอบเดียวก็ติดปากแล้ว 

 
ตอนนี้เพลงนี้ฟังได้แค่ที่ JOOX ก่อน แถมฟังได้เฉพาะแค่ VIP ด้วย อ่ะ แปะลิ้งค์สักหน่อย  https://www.joox.com/th/album/o4MzIGKF0+kePiLXr1xlpg==
เราคิดว่าถ้าปล่อยแบบ Public ทุกแพลตฟอร์มเมื่อไหร่นี่ว่าดังแน่ๆ เพราะอย่างที่บอก เพลงมันพูดถึง pain point ของคนค่อนโลกเลย ฟังแล้วหน่วงได้ คาดหวังได้ แต่ยังไงก็ต้องหาทางมูฟออนให้ได้ด้วยนะ ยิ้ม

อมยิ้ม04
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่