ชู้ 2515
พุทธศักราช 2513 เปี๊ยก โปสเตอร์ ได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการภาพยนตร์ไทย ตั้งแต่การใช้ฟิล์ม 35 มม. แทนการใช้ฟิล์ม 16 มม. รวมไปถึงการให้นางเอกของเรื่องถูกผู้ร้ายข่มขืนสำเร็จเป็นครั้งแรก บัดนี้ถึงเวลาอีกครั้งที่เขาจะกลับมาสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้วงการภาพยนตร์ไทยต้องจารึก
ชู้ เป็นภาพยนตร์ในปี 2515 กำกับโดย เปี๊ยก โปสเตอร์ สร้างบทภาพยนตร์โดย วิษณุศิษย์ นำแสดงโดย มานพ อัศวเทพ, วันดี ศรีตรัง, กรุง ศรีวิไล และ ด.ญ.ไขนภา เจียรบุตร
ชู้ กล่าวถึงเรื่องราวของ "เชิง" (มานพ อัศวเทพ) ชายหนุ่มที่หนีสังคมเมืองมาใช้ชีวิตอยู่ตามเกาะเพียงลำพัง วันหนึ่งพายุได้พัด "เรียม" (วันดี ศรีตรัง) หญิงสาวหน้าตาสะสวยมาติดบนเกาะ เชิงไม่อาจต้านความต้องการของตนได้จึงขืนใจเรียมจนท้อง ทั้ง 2 ใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกัน จน "แดง" (ไขนภา เจียรบุตร) ลูกของทั้งคู่โตรู้ความ เชิงวางแผนจะกลับไปใช้ชีวิตในเมือง ชีวิตครอบครัวกำลังดำเนินไปอย่างมีความสุข กระทั่งโชคชะตาได้นำพาให้เรียมพบกับ "เทพ" (กรุง ศรีวิไล) อดีตคนรักเก่าอีกครั้ง...
แม้ดูผิวเผินจะเหมือนหนังชิงรักสไตล์ไทย แต่แท้จริงแล้วนี่คือหนังไทยที่สุดยอดล้ำสมัย เสมือนหนังฝรั่งเชียวล่ะ อะไรที่หนังไทยยุคนั้นทำ ชู้ไม่ทำ
ชู้ มีบทหนังที่แสนลึกล้ำ ผิดแผกจากหนังตลาดทั่วไปในยุคเดียวกันที่เน้นขายความจัดจ้าน แต่ขาดศิลปะ ความแยบคาย ทว่าหนังเรื่องชู้กลับตรงกันข้าม ชู้ใส่ความเป็นศิลปะ ความเป็นเหตุเป็นผล และความแยบคายลงมาเป็นจุดขายแทนการใช้ความจัดจ้านของเนื้อเรื่อง
หนังเรื่องชู้ ไม่มีดาวยั่ว ไม่มีนางร้าย ไม่มีพระรอง มีเพียงนักแสดงชายหญิง 3 คน เป็นตัวหลักคอยดำเนินเรื่อง ร่วมด้วยนักแสดงเด็กอีก 1 คน รวมไปถึงการใช้นักแสดงหน้าใหม่ และนักแสดงที่ชื่อเสียงยังไม่มากนักเป็นนักแสดงนำ แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นที่พยายามใช้นักแสดงชื่อดังเพื่อเรียกคนดู และสายหนัง
นอกจากนี้ชู้ยังมีงานภาพที่ยอดเยี่ยม หลายฉากมีมุมกล้องที่สวยงามล้ำยุค บางฉากใช้ภาพและมุมกล้องในการซ่อนนัยยะแฝงให้คนดูนำมาขบคิดตีความ สมแล้วกับที่อาเปี๊ยกเป็นช่างวาดเก่า ต้องขอชื่นชมอาเปี๊ยก และคุณวิษณุศิษย์คนเขียนบทคู่ใจ
ชู้ประสบความสำเร็จทั้งเงิน ทั้งกล่องได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และรางวัลตุ๊กตาทองพระราชทาน ประกอบชายยอดเยี่ยม ดูจากคุณภาพผลงาน รางวัลที่ได้มาช่างไร้ข้อกังขาจริง ๆ
นับตั้งแต่ชู้เข้าฉาย แม้ล่วงเลยมา 49 ปีแล้ว ทว่าหนังเรื่องนี้กลับดูไม่เชยไปตามกาลเวลา มิหนำซ้ำกลับกลายเป็นแม่แบบที่เหล่าคนทำหนังไทยรุ่นหลังควรหามาศึกษา
สุดท้ายนี้ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำว่า
ขอคารวะอาเปี๊ยก โปสเตอร์ด้วยใจจริงค่ะ.
"ชู้" ยอดหนังเหนือกาลเวลา ผิวเผินเหมือนหนังชิงรักหักสวาท แต่แท้จริงกลับลึกล้ำแยบคาย