วิชาชีพสถาปนิกในทรรศนะคติของข้าพเจ้า
'' ย้อนวันวาน '' ย้อนไปตอนสมัยมัธยมต้น รวมๆประมาณ ม.3 เห็นจะได้ครับ ผมเป็นเด็กแข่งทักษะศิลปะ (ดรออิ่งดินสอ ภาพเหมือนทุกวัต
กเว้นคน,เขียนภาพลาดไทยเอกรงณ์เทคนิคสีน้ำตัดเส้นปลายพู่กัน,ศิลปะสร้างสรรค์ ) มาตั้งแต่ ม.1 ต้องฝึกวาดรูปหลังเลิกเรียนทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่วันเสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปฝึกวาดรูปที่โรงเรียน ผมตั้งใจแน่วแน่ว่า นี้แหละคือทางของผมในอนาคต ผมจะต้องเป็นศิลปินวาดรูป แต่ช่วงนั้นเหมือนจะมีข่าวไม่ค่อยจะดีเกี่ยวกับอาชีพศิลปิน น่าจะเป็นเรื่อง
‘’ศิลปะไส้แห้ง’’ ครับ ผมก็เลยคิดทบทวนอีกทีว่า
‘’โตขึ้นฉันจะเป็นอะไร’’ ด้วยความชอบศิลปะมาก และชอบในด้านวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็กแล้ว ขอย้อยกลับไปตอนเด็กหน่อยนะครับ ผมชอบวิทยาศาสตร์มาก คิดอยากเป็นนักประดิษฐ์เลยเล่นไปเอามอเตอร์ไฟฟ้าและแผงวงจรไฟฟ้าไม้ช็อตยุงของยายมาต่อกับปลั๊ก3ตาที่บ้าน เท่านั้นแหละครับไฟดับทั้งบ้าน โดนพ่อกับแม่ด่ายับเลยครับและที่สำคัญบ้านผมเป็นบ้านไม้เกือบไฟไหม้ ตั้งแต่นั้นมาผมก็แผ่วความฝันนี้ลงแต่ก็ยังชอบเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อยู่มาก ๆ ครับ กลับมาที่ความชอบศิลปะและวิทยาศาสตร์ ตอน ม.ต้นนะครับ ณ ขณะนั้นผมก็เลยไปศึกษา Search Online ว่าอาชีพอะไรที่มี 2 อย่างนี้ ก็เลยไปเจอกับอาชีพสถาปนิกครับ แล้วหลังจากนั้นผมก็ศึกษาต่อว่า อาชีพ
‘’สถาปนิกคืออะไร’’ ต้องเรียนต่อสายไหน เตรียมตัวสอบอย่างไร มหาลัยที่ไหนสอนบ้าง และมหาลัยที่ดังๆเรื่องนี้มีที่ไหนบ้าง และหลังจากขึ้น ม.4 ผมก็เริ่มติวเตรียมสอบเข้าคณะสถาปัตย์ และขณะนั้นผมก็เป็นเด็กแข่งทักษะศิลปะไปด้วยผมก็ยังไม่ทิ้ง (ม.1-ม.3 เรียนในอำเภอ จ.มหาสารคาม,ม.4-ม.6 เรียนใน ตัวเมืองจังหวัดขอนแก่น )
รุ่น ดาหลา 45 สถาปัตย์ ลาดกระบัง
'' คณะสถาปัตกรรมศาสตร์ ลาดกระบัง '' จนในที่สุดผมก็ได้เข้ามาเรียน
‘’คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ลาดกระบัง’’ จริง ๆผมไปสอบ ม.ขอนแก่นไว้ด้วยแต่ไม่ติดครับ (ผมไม่อยากเรียนใกล้บ้านด้วย)และตั้งเป้าไว้ว่าจะเข้า จุฬา และลาดกระบัง และตอนนั้นติดลาดกระบังก่อนเลยเอาที่นี่เลย โดยที่ยังไม่รู้จักลาดกระบังดีด้วยซ้ำมาลาดกระบังครั้งแรกก็ตอนมาสอบสัมภาษณ์แต่พอได้เข้ามาเรียนแล้วรู้สึกไม่ผิดหวังเลยที่เลือกที่นี่ ทั้งบรรยากาศคณะที่ร่มรื่นสบาย สังคมเพื่อน รุ่นพี่ อาจารย์ รวมถึงวัฒนธรรมต่าง ๆ ทำให้ผมรู้สึกว่า
‘’ผมเป็นคนที่โชคดีที่สุด’’ คนหนึ่งเลย ต่อไปมาพูดในเรื่องเรียนกันครับ พอเข้ามาแรกๆ ตอนปี1 ชอบมาก ๆ ครับ เป็นคณะที่เน้นปฏิบัติ ได้เที่ยวด้วย ทั้งวิชาที่เรียนก็มีความสนุก Design Visual Construction drawing ที่ให้นักศึกษาได้ ปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา ฝึกคิด ดูงานต่าง ๆ แต่ถ้าบอกว่า ทุกช่วงเวลาของปีหนึ่งสนุกไปหมด ก็อาจจะดูโลกสวยไปหน่อย จริง ๆก็มีช่วงเวลาที่เครียดบ้าง เศร้าบ้าง เพราะเกรดน้อยบ้าง ไม่ได้ตามที่หวัง แต่พอหลัง ๆ ตัวผมเริ่มคิดได้ว่า
‘’อย่าเอาเกรดมาเป็นตัวฉุดรั้งไม่ให้คุณสนุกกับการเรียนสิ ‘’ หลังจากนั้นผมก็ปลดปล่อยเต็มที่ครับ สนุกกับมัน และกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา จากนั้นผมก็ยึดหลักนี้ตลอดครับ และอีกอย่างผมชอบเก็บคำดูถูกหรือความอิจฉามาเป็นพลังบวกครับ ผมชอบขยี้ทำให้ตัวเองพัฒนาขึ้น ว่าผมต้องทำให้ได้ ไม่มีสิ่งใดจะหยุดผมได้ (โรคจิตนิด ๆ) แล้วยึดหลักความคิดนี้มาใช้กับการเรียนตั้งแต่ปี 1 จนถึงปัจจุบัน พอขึ้นปี 2-3 ก็เริ่มได้ Design โปรเจคต่าง ๆ มีผิดมีถูกบ้าง ผมก็ค่อย ๆเรียนรู้และศึกษาไป โปรเจคเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตัวผมยังเล็กอยู่ ผมจึงเร่งพัฒนาตัวเอง โดยใช้ความพยายามและความอยากไฝ่รู้ของผม
พอขึ้นมาปี 4 ต่างจากหลาย ๆ ปีอย่างสิ้นเชิงครับ ทุกอย่างเริ่มเข้าสู่โหมดจริงจัง งานหนักขึ้นเท่าตัว โดยเฉพาะงานกลุ่ม งานกลุ่มเริ่มเยอะขึ้น อาจารย์ก็เข้าสู่โหมดจริงจัง ฝึกฝนเหล่านักศึกษาให้เป็นผู้เป็นคนมากขึ้น เพราะอีกแค่ปีเดียวก็จะจบไปประกอบอาชีพสถาปนิกแล้ว เริ่มได้เข้าใกล้อาชีพสถาปนิกมากขึ้น ได้รู้ว่าจริงแล้วอาชีพสถาปนิกต้องมีความรับผิดชอบที่สูงมาก ๆ ต้องค่อยดูตั้งแต่การออกแบบ จนงานเสร็จคือก่อสร้างเสร็จ(รายละเอียดมีเยอะกว่านี้มากครับ) แต่ในการเรียนสถาปัตย์นั้นทำให้ผมรู้ว่าตลอดระยะเวลาที่เรียนมานั้น ความรู้ที่ได้รับมา การฝึกฝนต่าง ๆ เราสามารถนำไปประกอบวิชาชีพอื่นได้อีกเยอะมาก ๆ เพราะหลักสูตรสอนให้เราสามารถนำความรู้ไปพัฒนาต่อยอดได้อีกเยอะเลยครับ ทำให้ผู้รู้สึกคุ้มค่ามาก ๆที่ได้มาเรียนคณะนี้ มาเล่าชีวิตในปี 4 กันต่อครับ ตัวผมเองในปีนี้ ก็มีเหนื่อยอยู่บ้างเหมือนกัน ท้อบ้าง บางทีก็อยากถอดใจบ้าง ผมไม่รู้ว่าที่อื่นเรียนกันแบบไหนแต่ที่ลาดกระบังนี้ เราเรียนกันหนักมาก ๆ ครับ มากจริง ๆ แต่ถึงจะมีเหนื่อยแต่ความฝันที่จะเป็นสถาปนิกมันทำให้ผมต้องสู้ ด้วยความที่ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ยอมรับว่าผ่านชีวิตที่ยากลำบากมาเยอะครับ (เป็นความลำบากสำหรับผม) ผมเลยมี Passion ที่สูงมาก ๆ เพราะผมคิดว่าผมมาไกลมาก ๆ จะยอมถอยไม่ได้ จะไม่มีอะไรมาทำให้ผมหยุดไม่ได้
‘’ใครก็ฆ่าผมไม่ได้’’ และในปี 4 นี้ ทำให้ผมยิ่งชอบอาชีพสถาปนิกขึ้นมาอีกเพราะผมได้เปิดโลกมาก ๆ ครับ
ตั้งแต่วิชา Construction ,design ,Programing ต่าง ๆมันหลากหลายและทำให้ผมรู้ว่า เราออกแบบได้เยอะมาก ๆ งานแปลก ๆ และผมชอบวิชา construction มาก ๆ เป็นคอนที่ต่างจาก ปีอื่น ๆ เพราะเป็นเป็นการออกแบบโครงสร้างพิเศษ และตั้งแต่เรียนมาจนถึงปัจจุบัน ผมชอบและอยากศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง Construction , Design sustainable ครับ แล้วในอนาคตที่ผมจะขึ้นชั้นปีที่ 5 นั้นธีสิสที่สนใจอยากจะทำ ผมตอบได้แค่ว่าผมสนใจในเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นครับแต่ผมยังไม่ได้หัวข้อและกำลังศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ด้วยครับผม
นักศึกษาชั้นปีที่1
'' ความฝัน '' ถ้าถามว่าจบไปอยากประกอบอาชีพอะไรผมก็จะตอบไปว่า
‘’ผมจะประกอบวิชาชีพสถาปนิก’’ ครับผม สถาปนิกที่ผมชอบและใช้เป็นแบบอย่างในการศึกษางาน และศึกษาแนวความคิดต่าง ๆ คือ Zaha hadid สถาปนิกชาว อิรัก-อังกฤษ (1950-2016) แนวงาน Deconstruction หลาย ๆ งานผมได้นำมาเป็นต้นแบบในการศึกษาไม่ว่าจะเป็น เส้นสาย ความงาม เทคโนโลยีทางอาคารประหยัดพลังงานการไหลเวียนพลังงานในอาคาร โดยเฉพาะงานโครงสร้างที่มีความน่าสนใจและมีความแปลกใหม่เน้นนวัตกรรมและสร้างงานสถาปัตยกรรมแห่งอนาคต
ในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ ผมได้ส่งผลงานเข้าพิจารณาในการฝึกงานคือ บริษัท POAR ARCHITECT รอประกาศผล และอีกบริษัทที่ผมให้ความสนใจที่จะส่งผลงานคือ บริษัท PLAN ARCHITECT ยังไม่เปิดรับสมัคร
เนื่องด้วยสถานการณ์โควิท 19 เลยทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างมาก รวมไปถึงการเรียน ที่ต้องทำการเรียนการสอนออนไลน์เต็มรูปแบบ 100 เปอร์เซ็น มันค่อยข้างที่จะยากต่อการศึกษาในคณะนี้ เพราะโดยปกติแล้วคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่ลาดกระบังนั้น เน้นการศึกษาที่ปฏิบัติจริง คุยปรึกษาตัวต่อตัวกับอาจารย์ และมีงานกลุ่มที่ต้องมาเจอกัน แต่กระผมคิดว่า เรื่องนี้ก็ไม่ใช้เรื่อง สุดวิสัยแต่อย่างใด ตัวผมสามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ตามยุค ตามสมัย และต้องการไฝ่เรียนรู้ เพราะผมต้องเดินหน้าต่อไป
'' อาชีพสถาปนิก '' เมื่อผมเรียนจบแน่นอนผมก็ต้องทำงานสถาปนิก ตามสายงานที่ได้เรียนมา ผมตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ว่าวันหนึ่งผมอยากจะเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง สร้างงานที่ช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ในสังคม แล้วทำให้สถาปัตยกรรมเข้าถึงผู้คน สิ่งแวดล้อม และโอบกอดค่อยปกป้อง และสร้างความ Sustainable ในอนาคต และความจริงอีกประการที่ผมตั้งเป้าหมายไว้ในชีวิตอีกอย่างหนึ่งคือ ผมจะต้องรวยก่อนอายุ 30 ครับ (100 ล้าน) อาจจะดูเพ้อฝัน แต่ผมคิดว่ามันไม่ยากไปสำหรับผมเลยครับ และอีกอย่างถ้ามีโอกาสผมอยากจะเรียนต่อด้าน วิศวกรรมโครงสร้างครับ และ ด้าน Sustainable of Architecture และสุดท้าย อีกหนึ่งเป้าหมายของผม ความคิดนี้ผุดขึ้นตอนผมอยู่ ปี2 กำลังนั่งมองสนามหญ้าหน้า สน. จากอาคารเรียนรวมชั้น 2 แดดตอนเย็นส่องสไว ไร้ผู้คน ลมพัดใบไม้แห้งปลิวมา และเสียง เบา ๆของธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ของคณะ ตอนนั้นเวลาประมาณ 17.50 น. ผมนั่งมองและซึมซับบรรยากาศแล้วยิ้ม
‘’อยากกลับมาเป็นอาจารย์ที่นี่จัง’’ สักวันหนึ่งถ้าความทรงจำนี้ยังอยู่ ผมจะทำตามความคิดที่อยู่ดี ๆก็ผุดขึ้นมาในวันนั้นครับ ขอบคุณครับ
ทางเดินหน้าอาคารเรียนรวม
นามปากกา
Joyce ^^
วิชาชีพสถาปนิกในทรรศนะคติของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 สถาปัตย์ ลาดกระบัง
พอขึ้นมาปี 4 ต่างจากหลาย ๆ ปีอย่างสิ้นเชิงครับ ทุกอย่างเริ่มเข้าสู่โหมดจริงจัง งานหนักขึ้นเท่าตัว โดยเฉพาะงานกลุ่ม งานกลุ่มเริ่มเยอะขึ้น อาจารย์ก็เข้าสู่โหมดจริงจัง ฝึกฝนเหล่านักศึกษาให้เป็นผู้เป็นคนมากขึ้น เพราะอีกแค่ปีเดียวก็จะจบไปประกอบอาชีพสถาปนิกแล้ว เริ่มได้เข้าใกล้อาชีพสถาปนิกมากขึ้น ได้รู้ว่าจริงแล้วอาชีพสถาปนิกต้องมีความรับผิดชอบที่สูงมาก ๆ ต้องค่อยดูตั้งแต่การออกแบบ จนงานเสร็จคือก่อสร้างเสร็จ(รายละเอียดมีเยอะกว่านี้มากครับ) แต่ในการเรียนสถาปัตย์นั้นทำให้ผมรู้ว่าตลอดระยะเวลาที่เรียนมานั้น ความรู้ที่ได้รับมา การฝึกฝนต่าง ๆ เราสามารถนำไปประกอบวิชาชีพอื่นได้อีกเยอะมาก ๆ เพราะหลักสูตรสอนให้เราสามารถนำความรู้ไปพัฒนาต่อยอดได้อีกเยอะเลยครับ ทำให้ผู้รู้สึกคุ้มค่ามาก ๆที่ได้มาเรียนคณะนี้ มาเล่าชีวิตในปี 4 กันต่อครับ ตัวผมเองในปีนี้ ก็มีเหนื่อยอยู่บ้างเหมือนกัน ท้อบ้าง บางทีก็อยากถอดใจบ้าง ผมไม่รู้ว่าที่อื่นเรียนกันแบบไหนแต่ที่ลาดกระบังนี้ เราเรียนกันหนักมาก ๆ ครับ มากจริง ๆ แต่ถึงจะมีเหนื่อยแต่ความฝันที่จะเป็นสถาปนิกมันทำให้ผมต้องสู้ ด้วยความที่ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด ยอมรับว่าผ่านชีวิตที่ยากลำบากมาเยอะครับ (เป็นความลำบากสำหรับผม) ผมเลยมี Passion ที่สูงมาก ๆ เพราะผมคิดว่าผมมาไกลมาก ๆ จะยอมถอยไม่ได้ จะไม่มีอะไรมาทำให้ผมหยุดไม่ได้ ‘’ใครก็ฆ่าผมไม่ได้’’ และในปี 4 นี้ ทำให้ผมยิ่งชอบอาชีพสถาปนิกขึ้นมาอีกเพราะผมได้เปิดโลกมาก ๆ ครับ
ตั้งแต่วิชา Construction ,design ,Programing ต่าง ๆมันหลากหลายและทำให้ผมรู้ว่า เราออกแบบได้เยอะมาก ๆ งานแปลก ๆ และผมชอบวิชา construction มาก ๆ เป็นคอนที่ต่างจาก ปีอื่น ๆ เพราะเป็นเป็นการออกแบบโครงสร้างพิเศษ และตั้งแต่เรียนมาจนถึงปัจจุบัน ผมชอบและอยากศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง Construction , Design sustainable ครับ แล้วในอนาคตที่ผมจะขึ้นชั้นปีที่ 5 นั้นธีสิสที่สนใจอยากจะทำ ผมตอบได้แค่ว่าผมสนใจในเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นครับแต่ผมยังไม่ได้หัวข้อและกำลังศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ด้วยครับผม
ในช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้ ผมได้ส่งผลงานเข้าพิจารณาในการฝึกงานคือ บริษัท POAR ARCHITECT รอประกาศผล และอีกบริษัทที่ผมให้ความสนใจที่จะส่งผลงานคือ บริษัท PLAN ARCHITECT ยังไม่เปิดรับสมัคร
เนื่องด้วยสถานการณ์โควิท 19 เลยทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างมาก รวมไปถึงการเรียน ที่ต้องทำการเรียนการสอนออนไลน์เต็มรูปแบบ 100 เปอร์เซ็น มันค่อยข้างที่จะยากต่อการศึกษาในคณะนี้ เพราะโดยปกติแล้วคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่ลาดกระบังนั้น เน้นการศึกษาที่ปฏิบัติจริง คุยปรึกษาตัวต่อตัวกับอาจารย์ และมีงานกลุ่มที่ต้องมาเจอกัน แต่กระผมคิดว่า เรื่องนี้ก็ไม่ใช้เรื่อง สุดวิสัยแต่อย่างใด ตัวผมสามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ตามยุค ตามสมัย และต้องการไฝ่เรียนรู้ เพราะผมต้องเดินหน้าต่อไป
นามปากกา
Joyce ^^