เรื่องราวของ 'Seven Sisters' ดวงที่เจ็ดที่หายไป




ภาพถ่ายกลุ่มดาวลูกไก่ (AKA The Seven Sisters หรือ M45) กระจุกดาวเปิดในราศีพฤษภ ของนักถ่ายภาพดาราศาสตร์ Jeff Johnson
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2014 โดย Johnson ถ่ายได้เป็นครั้งแรกทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา 
(รูปภาพ: © Jeff Johnson ( http://jeffjastro.com ))


ดาวลูกไก่ ตั้งอยู่ประมาณ 410 ปีแสงจากโลกในกลุ่มดาวราศีพฤษภ หรือที่เรียกว่า "Seven Sisters" และ Messier 45 วัตถุนี้มีชื่อภาษาอังกฤษมาจากตำนานกรีก โดยเรื่องเล่าว่า กลุ่มดาวลูกไก่เป็นธิดาทั้งเจ็ดของ Atlas เทพเจ้าไททัน และ Pleione เทพธิดามหาสมุทร ซึ่งในช่วงสงครามสมัยโบราณ Atlas ได้ก่อกบฏต่อ Zeus ราชาแห่งเทพเจ้า ซึ่งต่อมาถูกตัดสินให้แบกสวรรค์ไว้บนบ่าตลอดไป 

กลุ่มดาวลูกไก่ เป็นตัวอย่างของสิ่งที่นักดาราศาสตร์เรียกว่า "กระจุกดาวเปิด" ซึ่งเป็นกลุ่มดาวที่เกิดในช่วงเวลาเดียวกันจากเมฆ ก๊าซและฝุ่นขนาดมหึมา กลุ่มดาวที่สว่างเหล่านี้อยู่ในรูปแบบเรืองแสงสีฟ้าที่ร้อนที่มีอุณหภูมิประมาณ20,000˚C ซึ่งก่อตัวขึ้นในช่วง 100 ล้านปีที่ผ่านมา 

แม้พวกมันจะส่องสว่างอย่างมาก แต่จะมอดไหม้อย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยมีช่วงชีวิตเพียงไม่กี่ร้อยล้านปี ซึ่งสั้นกว่าหลายพันล้านปีของดวงอาทิตย์ของเรา โดยดาวพี่น้องเหล่านี้จะล่องลอยไปในอวกาศพร้อมกันด้วยความเร็วประมาณ 25 ไมล์ต่อวินาที (40 กม. / วินาที) 

กลุ่มดาวลูกไก่อยู่ในตำแหน่งใกล้กับไหล่ของราศีพฤษภ (The Bull) ซึ่งเป็นกลุ่มดาวที่ใหญ่กว่าทางด้านขวาของเข็มขัดนายพราน โดยดวงดาวแต่ละดวงสว่างกว่าดวงอาทิตย์ของเรามากกว่า 100 เท่า แต่สายตาของมนุษย์จากประเทศใด ๆ ในโลกจะสามารถมองเห็นได้อย่างน้อยแค่หกดวงเท่านั้น
โดยดวงที่ 7 ซึ่งมีความสว่างที่ไม่สม่ำเสมอกันจนบางครั้งก็มองไม่เห็น ซึ่งสาเหตุของความผันผวนนี้ยังหาสาเหตุไม่ได้ 

กลุ่มดาวลูกไก่เป็นกลุ่มดาวเล็ก ๆ ในกลุ่มดาวราศีพฤษภ (Cr.ภาพ Buyenlarge / Getty Images)
กล้องโทรทรรศน์ได้ระบุกลุ่มดาวนี้ที่มีมากกว่า 800 ดวง แม้ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่สามารถมองเห็นได้เพียงประมาณหกดวงในคืนที่มืดสนิท แต่วัฒนธรรมทั่วโลกมักเรียกกลุ่มดาวนี้ด้วยหมายเลขเจ็ดเช่น  "Seven Sisters", "Seven Maidens" หรือ "Seven Little Girls" ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายคนรู้สึกสงสัย โดยเฉพาะ Ray Norris นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย Western Sydney และ องค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (CSIRO) ดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์อวกาศในออสเตรเลีย

Norris ได้ทำงานร่วมกับชาวออสเตรเลียพื้นเมืองและเรียนรู้เรื่องราวบนท้องฟ้าของพวกเขามากมาย รวมถึงกลุ่มชนต่างๆที่ระบุว่า กลุ่มดาวลูกไก่เป็นเด็กผู้หญิง 7 คนที่ถูกไล่ล่าโดยกลุ่มดาวนายพราน ซึ่งโครงเรื่องในนิทานเหล่านี้คล้ายกับในตำนานกรีกโบราณอย่างมาก

กรณีเรื่องเล่าการไล่ล่านี้ อาจเนื่องมาจาก ทั้งกลุ่มดาวนายพรานและกลุ่มดาวลูกไก่ต่างก็มีลักษณะเด่นบนท้องฟ้าที่สดใส และการหมุนของโลกทำให้ดูเหมือนว่ากลุ่มดาวทั้งสองกำลังไล่ล่ากันในท้องฟ้ายามค่ำคืน 

เรื่องดาวลูกไก่ที่หายไปนั้น Norris ให้ความเห็นว่า อาจเป็นไปได้ว่าเมื่อ 100,000 ปีก่อน เมื่อมนุษย์เกิดขึ้นครั้งแรกจากทวีปแอฟริกาและกระจายไปอยู่ทั่วโลก ดาวทั้งสองดวงนี้อยู่ห่างกันมากในท้องฟ้ายามค่ำคืน ทำให้มองเห็นเป็นหกดวงเท่านั้น  แต่ Norris ก็ยังตั้งข้อสังเกตอีกอย่าง คือ หนึ่งใน Seven Sisters ซึ่งเป็นดาวที่รู้จักกันในชื่อ Pleione อาจจะถูกบดบังจากแสงจ้าของดาวที่อยู่ใกล้ ๆ ที่เรียกว่า Atlas ทำให้ตาของมนุษย์ส่วนใหญ่มองไม่เห็น 

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวเกี่ยวกับดาวลูกไก่ดวงที่ 7 ที่หายไปยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยนักดาราศาสตร์ Robert Burnham Jr. ได้พบตำนานของดาวที่หายไปนี้ แพร่หลายอยู่ในตำนานดาราของประชากรทั้งในยุโรป แอฟริกัน เอเชีย อินโดนีเซีย ชนพื้นเมืองอเมริกัน และอะบอริจินออสเตรเลีย

ซึ่งในท้ายที่สุด Burnham แนะนำว่าสำหรับ “ ดาวลูกไก่ที่หายไป ” นั้น มีนักดาราศาสตร์สมัยใหม่พบว่า ดาวลูกไก่ที่สว่างที่สุดเป็นอันดับ 7 ก็คือ Pleione เป็น “shell star”  ที่ซับซ้อนและเข้าใจยาก ซึ่งต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงจากการเรียงลำดับจำนวนมาก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ทำให้ดาวดวงนี้มีความสว่างที่ไม่สม่ำเสมอตลอดมา 
  

ภาพจำลองที่แสดงให้เห็นว่าดาว Atlas และ Pleione จะปรากฏต่อสายตามนุษย์ปกติอย่างไรในปัจจุบัน และใน 100,000 ปีก่อนคริสตกาล
Cr. Ray Norris
 
 
นอกจากนี้ สำหรับคนที่มีสายตาดีเป็นพิเศษ ยังสามารถเห็นดาวอีกมากมายในกระจุกดาวลูกไก่ ไม่ใช่แค่ 7 แต่เห็นได้มากถึง 20 ดวง
โดย Agnes Clerke นักดาราศาสตร์และนักเขียนในช่วงปลายทศวรรษ 1800 บันทึกในรายงานว่า Michael Maestlin ที่ปรึกษาของ Johannes Kepler
ได้ทำแผนที่ดาวลูกไก่ 11 ดวงไว้ ก่อนการประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์

ทั้งนี้ ดาวลูกไก่ ถือเป็นปฏิทินในประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ซึ่งในอดีตดาวลูกไก่ทำหน้าที่เป็นปฏิทินสำหรับหลายอารยธรรม สำหรับชื่อภาษากรีก “ Pleiades” อาจมาจากคำที่มีความหมายว่า “to sail” ในโลกเมดิเตอร์เรเนียนโบราณ โดยในวันที่กระจุกดาวลูกไก่ปรากฏตัวครั้งแรกบนท้องฟ้ายามเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ถือเป็นการประกาศเปิดฤดูกาลเดินเรือ ส่วนชนเผ่า Zuni แห่งนิวเม็กซิโกจะเรียกดาวลูกไก่ว่า "Seed Stars" เนื่องจาก กระจุกดาวนี้จะหายไปในท้องฟ้ายามเย็นทุกฤดูใบไม้ผลิ เป็นส่งสัญญาณว่าถึงฤดูเพาะปลูกแล้ว

สำหรับตำนานเรื่องราวของ “ ดาวลูกไก่ที่หายไป ” หลังจากศึกษาการเคลื่อนที่ของดวงดาวอย่างใกล้ชิดแล้ว นักดาราศาสตร์เชื่อว่าเรื่องราวเหล่านี้อาจย้อนหลังไปถึง 100,000 ปีจนถึงช่วงเวลาที่แตกต่างกันของกลุ่มดาวในปัจจุบัน





The sisters and the hunter
ตำนานนี้ในเทพเจ้ากรีก-โรมัน ดาวลูกไก่เป็นบุตรสาวเจ็ดคนของเทพเจ้าไททัน Atlas ซึ่งถูกบังคับให้ขึ้นไปแบกฟ้าชั่วนิรันดร์ ดังนั้นจึงไม่สามารถอยู่ปกป้องลูกสาวของเขาได้ และเพื่อช่วยสาวๆจากการถูกไล่ล่าโดยนายพราน Orion,  Zeus จึงเปลี่ยนทุกคนให้เป็นดวงดาว แต่ในเรื่องราวถูกเล่าว่า มีสาวคนหนึ่งได้ตกหลุมรักมนุษย์และหนีไปหลบซ่อน เป็นสาเหตุที่เราเห็นเพียงหกดวง

เรื่องราวที่คล้ายกันนี้พบได้ในกลุ่มชาวอะบอริจินทั่วออสเตรเลีย โดยในหลายวัฒนธรรมอะบอริจินของออสเตรเลีย กลุ่มดาวลูกไก่เป็นกลุ่มเด็กสาวและมักเกี่ยวข้องกับพิธีและเรื่องราวอันศักดิ์สิทธิ์ของสตรี ซึ่งกลุ่มดาวลูกไก่มีความสำคัญในฐานะที่เป็นองค์ประกอบของปฏิทินและดาราศาสตร์ของชาวอะบอริจินและสำหรับหลาย ๆ กลุ่มชน การเห็นกลุ่มดาวลูกไก่ครั้งแรกในตอนเช้าถือเป็นการเริ่มต้นของฤดูหนาว


The lost sister
เรื่องราว "ดาวลูกไก่ที่หายไป" ในตำนานที่สองนี้ก็คล้ายๆกันกับของกรีก-โรมันอย่างมาก  โดยหลายๆวัฒนธรรมถือว่ามันถูกประกอบด้วยดาวเจ็ดดวง แต่ยอมรับว่ามีเพียงหกดวงเท่านั้นที่มองเห็นได้ตามปกติ จากนั้นจึงมีเรื่องราวที่อธิบายว่าเหตุใดกลุ่มที่ 7 จึงมองไม่เห็น

ซึ่งนักมานุษยวิทยาเคยคิดว่าชาวยุโรปอาจนำเรื่องราวของกรีกมาสู่ออสเตรเลียและดัดแปลงไปโดยชาวอะบอริจินเพื่อวัตถุประสงค์ของตนเอง แต่เรื่องราวของชาวอะบอริจินดูเหมือนจะเก่าแก่กว่าในยุโรปมาก และการติดต่อระหว่างวัฒนธรรมอะบอริจินส่วนใหญ่ของออสเตรเลีย กับส่วนที่เหลือของโลกมีมาเป็นเวลาอย่างน้อย 50,000 ปีมาแล้ว นักดาราศาสตร์จึงสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเรื่องราวเดียวกันได้


Moving stars
การวัดค่าอย่างระมัดระวังด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Gaia และกล้องอื่น ๆ แสดงให้เห็นว่ากลุ่มดาวลูกไก่กำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆบนท้องฟ้า โดยดาวดวงหนึ่งที่ชื่อ Pleione อยู่ใกล้กับดาว Atlas มากจนดูเหมือนดาวดวงเดียวด้วยตาเปล่า

แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 100,000 ปี การเคลื่อนที่ของดวงดาว Pleione อาจอยู่ไกลจาก Atlas และจะมองเห็นได้ง่ายด้วยตาเปล่า ซึ่งเมื่อ 100,000 ปีก่อนคนส่วนใหญ่น่าจะเคยเห็นดาวเจ็ดดวงในกระจุกดาวนี้ โดยนักดาราศาสตร์เชื่อว่า การเคลื่อนที่ของดวงดาวนี้สามารถช่วยอธิบายปริศนาสองข้อแรกนั้นได้ 


Cr.ภาพ cnyo.org/


นอกจากนี้ ดาวลูกไก่ยังปรากฏในแผนที่ดาวย้อนหลังไปถึง 15,000 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งในปี 1940 ในถ้ำ Lascaux ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส
ค้นพบแผนที่สวรรค์จากยุคพาลีโอลิธิกตอนบนที่แม่นยำอย่างน่าอัศจรรย์ และภาพวาดที่เก็บรักษาไว้อย่างดีที่สุดบางส่วนพบใน 'Hall of Bulls' ที่แสดงกลุ่มดาวลูกไก่ในกลุ่มดาวราศีพฤษภและไฮเดสอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นกลุ่มดาวเปิดอีกดวงที่อยู่ใกล้ 'ดวงตาของราศีพฤษภ'

และในวัฒนธรรม Aztec กลุ่มดาวลูกไก่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ 'Tianquitzli' ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาเวลาและการหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ โดยพวกเขาเชื่อว่าหากกลุ่มดาวลูกไก่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆบนท้องฟ้าจุดจบของโลกจะตามมา ดังนั้น ในตอนเที่ยงคืนของทุกรอบ 52 ปีชาว Aztec ได้ทำการบูชายัญมนุษย์เพื่อทำให้เทพเจ้าของพวกเขาพอใจและเพื่อให้แน่ใจว่าสวรรค์จะยังคงเคลื่อนไหวต่อไป 



The Nebra sky disk
ประมาณ 1,600 ปีก่อนคริสตกาล เชื่อกันว่ากลุ่มของจุดในส่วนขวาบนของดิสก์คือกลุ่มดาวลูกไก่



เหรียญที่ระลึก 1 ดอลลาร์ที่ออกในปี 2020 โดยโรงกษาปณ์ออสเตรเลีย
สิ่งที่อยู่ด้านบนคือ Seven Sisters (Pleiades) เป็นตัวแทนตามเรื่องราวโบราณของประเพณีพื้นเมืองออสเตรเลีย



ภาพวาดของกระจุกดาวลูกไก่ของกาลิเลโอจากบันทึกดาราศาสตร์ Sidereus Nuncius 





(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่