สวัสดีค่ะ เพื่อนพี่น้องชาว pantip

นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของดิฉันค่ะ หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงนะคะ 

ดิฉันมีเรื่องอยากจะรบกวนขอปรึกษา วิธีการหย่าร้าง โดยที่ฝั่งผู้ชายซึ่งเป็นพระสงฆ์ ไม่ยินยอมที่จะไปเซ็นใบหย่าร้างด้วยค่ะ 
เป็นเรื่องระหว่างคุณแม่และคุณพ่อของดิฉันเองค่ะ 
คุณพ่อของดิฉัน ไปบวชเป็นพระสงฆ์ตั้งแต่ดิฉันอายุ 15 ปี (ปัจจุบันดิฉันอายุ 30 ปีแล้วค่ะ) 

ตัวดิฉันไม่มีความรู้ทางกฎหมายเลยค่ะ แต่อ่านดูมูลเหตุในการฟ้องหย่า จะได้ประมาณนี้ค่ะ
- แยกกันอยู่มานานกว่า 3 ปี  
- ทอดทิ้งฝ่ายใดฝ่ายนึงมามากกว่าหนึ่งปี
- ฝั่งสามีคบชู้ 
- การทำร้ายร่างกายคู่สมรส 

ดิฉันยังศึกษาไม่ละเอียดพอ และหลายจุดที่อ่านแล้วยังไม่เข้าใจ เลยต้องมารบกวนชาวพันทิปค่ะ
ขั้นตอนในการฟ้องหย่า ต้องทำอย่างไรบ้างคะ?
คุณแม่ต้องจัดเตรียมเอกสารใดบ้าง และไปยื่นเรื่องกับที่ไหนได้คะ? 
หลังจากการยื่นเรื่อง ต้องติดตามหรือทำอะไรต่อไป มีค่าใช้จ่ายแค่นไหน? ใช้เวลานานไหมกว่าที่จะเรื่องจะจบ?

คุณแม่อาศัยอยู่ที่อ.สัตหีบ จ.ชลบุรีค่ะ ถ้าสามารถจัดการเรื่องในละแวกใกล้ๆ ได้ก็ดีค่ะ แต่จดทะเบียนสมรสกันที่กทม. และวัดที่คุณพ่อพำนักก็อยู่เขตนั้น ถ้าคุณแม่ต้องมาจัดการเรื่องที่กทม. ก็ไม่ได้ติดขัดอะไรค่ะ

สินสมรสที่นึกออก มีเพียงรถกระบะ ซึ่งซื้อในระหว่างที่พวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกัน มีชื่อคุณแม่เป็นเจ้าของ และคุณแม่เป็นคนส่งค่ารถเองทั้งหมดมาโดยตลอดค่ะ ปัจจุบันรถคันนั้น น้องชายเป็นคนใช้ค่ะ 

ขอความรบกวนพี่น้องชาวพันทิปที่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย หรือมีประสบการณ์ความรู้ทางด้านนี้ ช่วยอธิบายให้หน่อยนะคะ
### ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ ###

ในสปอยเป็นส่วนของเรื่องราวที่ผ่านมาของครอบครัวเฉยๆ ค่ะ ถ้าเอาเฉพาะส่วนของสาระกระทู้นี้ ก็ไม่ต้องกดอ่านในสปอยก็ได้ค่ะ    
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขออนุญาตเล่าเรื่องส่วนตัวของครอบครัว เผื่อเป็นข้อมูลในการช่วยเหลือนะคะ
จากนี้ไปจะเรียกคุณพ่อของตัวเองว่า "หลวงพ่อ" ค่ะ

ตั้งแต่เด็ก ที่คุณแม่กับหลวงพ่อยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ ทั้งสองท่านมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ จากพฤติกรรมของฝั่งหลวงพ่อ 
คุณแม่เป็นเพียงคนเดียวที่หาเงินดูแลส่งเสียดิฉันและน้อง และค่าใช้จ่ายในบ้าน

พอจะจำได้ประมาณว่า คุณแม่เคยจะหย่ากับหลวงพ่อหลายครั้ง แต่คุยเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร คุณแม่มักจะถูกทำร้ายร่างกายเสมอ 
แม้เรื่องจะผ่านมา 20 กว่าปีแล้ว ผลจากการถูกทำร้ายยังคงส่งผลในการใช้ชีวิตปัจจุบันนี้ของคุณแม่อยู่ค่ะ (การผ่าตัดเส้นเอ็นที่นิ้วและมือ, ศีรษะถูกกระแทกอย่างรุนแรง) 

ช่วงที่น้องชายดิฉันจบชั้นประถม คุณแม่ย้ายไปอยู่ที่ชลบุรี ไปตั้งต้นงานของตัวเองใหม่ พาน้องชายไปสมัครเรียนชั้นมัธยมที่นั่น 
ช่วงนี้หลวงพ่อจะไปมาหาสู่กับคุณแม่ไม่ค่อยสะดวกใจ เนื่องด้วยค่าเดินทางด้วย และคุณแม่อาศัยอยู่กับครอบครัวของคุณน้าด้วย
ผ่านไปได้สักปีนึง หลวงพ่อก็ไปบวชที่วัดแถวบ้านค่ะ (ในกทม.)

ตั้งแต่ที่หลวงพ่อไปบวช นับว่าชีวิตคุณแม่สงบสุขและสบายใจขึ้นมากค่ะ พื้นฐานคุณแม่เป็นคนแบบ “ช่างเขาเถอะ” ใจบุญ ธรรมมะธรรมโม และไม่พูดเรื่องไม่ดีของหลวงพ่อตั้งแต่นั้นมา และแทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย นอกจากปีนึง คุณแม่มาทำธุระที่กทม. แล้วก็แวะๆ มาหาบ้าง
มีดิฉันที่ยังอยู่ในกทม. ไปมาหาสู่หลวงพ่อที่วัดบ้าง แต่ไม่ได้บ่อยนัก ด้วยอคติส่วนตัวด้วย ด้วยความขี้เกียจไปด้วย 

ปัจจุบันคุณแม่มีคนรักใหม่แล้ว เพิ่งมาอาศัยอยู่ด้วยกันเมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เนื่องจากคุณแม่ยังไม่ได้หย่ากับหลวงพ่อ
ทางฝั่งคนรักของคุณแม่ก็ต้องการให้จดทะเบียนสมรสกับเขา เนื่องด้วยสิทธิสวัสดิการทางการทหารของเขาที่เอื้อให้กับทหารที่มีครอบครัว, การให้คนในครอบครัวตัดสินใจในเรื่องรักษาพยาบาลตัวเขา, ทรัพย์สิน-เรือกสวนของเขา ที่มีคุณแม่คอยช่วยดูแลด้วย  และประเด็นเรื่องหน้าตา ความถูกต้องของการคบหาด้วยค่ะ 

ประเด็นเล็กๆ จุดนี้คือ “ไม่อยากคุย” กับหลวงพ่อเพื่อขอให้เขาไปหย่าค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตัวคุณแม่หรือดิฉัน ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะคุยกับเขา ด้วยอารมณ์ที่โมโหง่ายของหลวงพ่อ และด้วยความเขินอายในการติดต่อเรื่องต่างๆ ของตัวหลวงพ่อเองค่ะ แต่ตัวหลวงพ่อทราบนะคะเรื่องที่คุณแม่มีแฟนใหม่แล้วค่ะ