ถ้าพูดถึงการโดนล้อ คนที่มีปมด้อยทุกคนอาจจะเคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้ว เราเองก็เป็นอีกคนหนึ่งเช่นกันค่ะ ที่โดนล้อมาตลอดชีวิตเท่าที่จำความได้ นี่เป็นกระทู้ศัลยกรรมครั้งแรกในชีวิตที่เราตั้งใจเขียนขึ้นมามากๆค่ะ เพราะคิดว่าอาจจะมีประโยชน์สำหรับคนที่มีหารีวิวตัดกราม , รีวิวเสริมคางด้วยกระดูกตัวเอง , รีวิวตัดไขมันกระพุ้งแก้ม หรือมีความฝันอยากจะทำหน้าเรียวเพราะเป็นปมด้อยเหมือนเราค่ะ 

 

เราโดนล้อว่าหน้าบานเป็นจานดาวเทียมบ้าง กระดาษ A4 บ้าง เพราะเราผิวขาวแต่หน้าเหลี่ยม ตั้งแต่เรียนจบมัธยม ไม่เคยมัดผม มัดเฉพาะตอนอยู่บ้าน จริงๆชอบมัดผมมากเพราะร้อน แต่มัดทีไรโดนล้อทุกที และรู้สึกว่าหน้าไม่เท่ากันด้วย เหมือนอีกข้างนึงจะใหญ่กว่า 

รูปก่อนผ่าตัดมุมกราม+เสริมคางด้วยกระดูกตัวเอง+ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

 

เมื่อกรามคือปัญหา เราก็ต้องตัดกรามทิ้งค่ะ เราเสิทหาข้อมูลว่าตัดกรามที่ไหนดี และก็พวกราคาผ่าตัดกรามทั่วไปว่าที่ไหนราคาเท่าไหร่บ้าง ซึ่งข้อมูลตัดกรามที่ไหนดีที่เราหานั้น ก็มีอยู่ประมาณ 2-3 ที่ เป็นโรงพยาบาล 2 ที่ และอีกที่คือ Vertex Clinic ค่ะ ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป

2 ที่แรกเป็นโรงพยาบาล ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลค่ะ ต้องใส่สายระบายเลือด เป็นการเอ็กซเรย์ธรรมดา ต่างกับที่ Vertex Clinic ที่มีการสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ หรือที่เรียกว่า Nemotec V ซึ่งเป็นการวางแผนผ่าตัดมุมกรามด้วยระบบคอมพิวเตอร์นำร่อง มีที่เดียวในประเทศไทย ตัวนี้ดีกว่า CT Scan ที่เกาหลีใช้ค่ะ เห็นผลลัพธ์ก่อนทำ-หลังทำทันที แล้วที่สำคัญคือไม่ต้องสายระบายเลือดและนอนโรงพยาบาลด้วยค่ะ คุณหมอของที่นี่ก็เป็นหมอจากรายการ Let Me In Thailand ซึ่งหลายคนก็คงรู้อยู่แล้วว่ารายการนี้เป็นรายการศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิตของจริง เราเลยตัดสินใจว่าต้องเป็นที่ Vertex Clinic เท่านั้นค่ะ

 

ตอนแรกตั้งใจแค่ว่าผ่าตัดมุมกรามก็คงทำหน้าเรียวได้ แต่พอได้มาปรึกษาคุณหมอจริงๆจังๆ ก็เลยรู้ว่า ผ่าตัดมุมกรามไม่ได้ทำหน้าเรียวได้ทั้งหมด ถ้าเรามีปัจจัยอื่นที่ต้องแก้ไขด้วย อย่างเช่น เรามีไขมันที่แก้มเยอะก็ต้องตัดไขมันกระพุ้งแก้มด้วยจะช่วยให้ใบหน้าเล็กและเรียวขึ้นกว่าการผ่าตัดมุมกรามออกเฉยๆ และคุณหมอก็แนะนำว่าถ้าเสริมคางไปด้วยก็จะช่วยทำหน้าเรียวยิ่งขึ้นไปอีก เสริมคางของเราเป็นเสริมคางด้วยกระดูกตัวเองนะคะ จะใช้กระดูกกรามที่ตัดออกไปมาเสริม การเสริมคางด้วยกระดูกตัวเองนี่มีแต่ข้อดี แทบไม่มีข้อเสียเลยค่ะ ปลอดภัยเพราะเป็นกระดูกของตัวเราเอง ไม่กัดกินกระดูกในอนาคตแบบการเสริมคางซิลิโคนแน่นอนค่ะ ทั้งหมดนี้คุณหมอแค่แนะนำนะคะ ไม่ได้มัดมือชกเรา ถ้าเราไม่สนใจ หรือยังไม่พร้อม จะทำแค่อย่างเดียวก่อนก็ได้ แต่เราพร้อมมาก เลยคิดว่าทำทีเดียวไปเลยดีกว่า ได้จบๆ  สวยทีเดียว ทำหน้าเรียวทีเดียวยกกำลังสามไปเลย

หลังผ่าตัดทันที เหมือนจะเจ็บนะคะ แต่ไม่เจ็บค่ะ วันนี้รัดผ้าไว้ก่อน พรุ่งนี้มาถอดค่ะ

 

ตอนเห็นกระดูกกรามกับไขมันกระพุ้งแก้ม คือตกใจมาก เพราะกระดูกกรามที่ตัดออกมาชิ้นใหญ่มาก และตัดไขมันกระพุ้งแก้มก็ไขมันเยอะมาก แต่ต้องบอกเลยว่าขนาดทำ 3 อย่างพร้อมกัน หลังทำคือไม่เจ็บเลย พูดคุยได้ แต่จะตึงๆหน่อย วันแรกไม่ค่อยถนัด คิดว่าเพราะพันผ้าไว้ แต่วันที่ 2 ดีขึ้นค่ะ

วันที่ 2 มาแกะผ้าออกค่ะ ยังมีอาการบวมนิดๆค่ะ ในช่วงแรกเราประคบเย็นช่วยลดอาการบวม

 

เราใช้ชีวิตง่ายๆสบายๆเลยค่ะ แบบปกติ แต่จะหมั่นบ้วนน้ำสะอาดอยู่บ่อยๆ และก็ทานอาหารอ่อนๆ งดพวกของแสลง ของแข็ง ของกรอบ หรืออะไรก็ตามที่รู้สึกว่าต้องใช้แรงเคี้ยวค่ะ ช่วงนี้ก็งดแต่งหน้าก่อนนะคะ

หลังผ่าตัดมุมกราม + เสริมคางด้วยกระดูกตัวเอง + ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม ครบ 10 วันค่ะ

 

หน้าเริ่มยุบไปเยอะแล้วนะคะ แต่ยังบวมอยู่นิดๆ  มุมกรามที่เคยมีไม่มีแล้วค่ะ ดีใจมากๆ เดี๋ยวหน้าจะค่อยๆยุบลงและเข้าที่เรื่อยๆค่ะ

ตอนนี้ครบ 1 เดือนแล้วค่ะ ไวเหมือนโกหก เริ่มเข้าที่มากขึ้นแต่ยังไม่เข้าที่เต็มที่ ต้องรออีกประมาณ 3 เดือน หลังจากนี้เดี๋ยวเราจะอัพเดตให้ดูเรื่อยๆนะคะ 

รู้สึกมีความสุขกับหน้าใหม่ที่คุณหมอเสกให้มามากๆค่ะ เพื่อนๆก็ทักว่าหน้าเรียวขึ้นนะ คุ้มที่ไปทำมากค่ะ ตัวเราเองก็ปลื้มมาก คุณหมอเก่งมากจริงๆค่ะ ตั้งแต่ไปทำหน้าเรียวตอนนี้เรามัดผมไม่หยุดเลยค่ะ 555+ เพราะว่ามันปลดล็อคความรู้สึกความไม่กล้า ความกลัวภายในใจ เพิ่งรู้ว่านอกจากทำศัลยกรรมแล้วสวยขึ้น ก็ยังเพิ่มความมั่นใจและความสุขในการใช้ชีวิตอีกด้วย