เชื่อว่ามีผู้ชมอนิเมะรุ่นใหม่หลายคนที่ยังไม่เคยรับชมอนิเมะเรื่องนี้ บางคนอาจเคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยดู บางคนอาจไม่รู้จัก แต่ในวันนี้ อนิเมะเรื่องนี้ได้ถูก NETFLIX Thailand นำกลับมาฉายอีกครั้ง วันนี้ผมจึงมาแนะนำอนิเมะเรื่องนี้ให้ทุกท่านได้รู้จักกัน ส่วนใครที่เคยดูเมื่อนานมาแล้ว นี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะหยิบขึ้นมาดูอีกครั้งครับ
Gurren Lagann อภินิหารหุ่นทะลวงสวรรค์ (2007) เป็นเรื่องราวของโลกอนาคต ยุคที่มนุษย์ต้องลงไปใช้ชีวิตอยู่ใต้ดิน “ชิม่อน นักขุด” ได้บังเอิญเจอสว่านอันหนึ่งที่ใช้เดินเครื่องหุ่นยนต์หน้าตาประหลาด “กันเม็ง” เข้าพร้อมๆกับ “คามินะ” แต่จู่ๆก็มีกันเม็งอีกเครื่องลงมาจากพื้นพิภพ พร้อมกับเด็กสาวนามว่า “โยโกะ” ชิม่อน และ คามินะ จึงได้ขับกันเม็ง “ลากันน์” เข้าต่อสู้กับมันและขึ้นมาบนผิวโลกเป็นครั้งแรก และแล้ว เรื่องราวการผจญภัยจากพื้นผิวโลกไปยังอีกฝากของเอกภพก็ได้เริ่มขึ้น!!
Gurren Lagann เป็นออริจินัลอนิเมะจากสตูดิโอ Gainax เจ้าของผลงานขึ้นหิ้งอย่าง Neon Genesis Evangelion ซึ่งด้วยความที่เป็นออริจินัลอนิเมะ ไม่ได้ดัดแปลงมาจากไลท์โนเวลหรือมังงะ จึงทำให้เนื้อเรื่องนั้นคาดเดาไม่ได้ ซึ่งจุดหักมุมนั้นก็เริ่มขึ้นหลังจากที่เริ่ม Time Skip หรือก็คือช่วงหลังของเรื่อง ที่จะมีแนวทางการเล่าเรื่องที่ต่างไปจากช่วงแรก ยกระดับการต่อสู้จากบนโลกไปยังอวกาศ พร้อมกับเป้าหมายในการเดินทางครั้งใหม่ นี่จึงเป็นจุดที่น่าสนใจอย่างแรก
จุดเด่นอย่างที่สองคือ ความเป็น Super Robot ที่ขี้โม้สุดๆ เน้นตะโกนแหกปาก ปล่อยพลังใส่กัน ที่ตอนแรกคุณอาจจะรำคาญมัน แต่พอเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ มันจะยิ่งทวีความโม้ จนกระทั่งคุณต้องเตะเหตุผลทิ้งแล้วปล่อยใจตามชิม่อนไป แล้วคุณจะพบว่าช่วงท้ายของเรื่องนั้นมันส์สุดๆ ซึ่งไอการเป็น Super Robot สุดขี้โม้ที่ไปสุดทางเนี่ย มันทำให้ Gurren Lagann เป็นอนิเมะหุ่นยนต์อีกเรื่องที่โดดเด่นมากๆ ในปี 2007 เพราะถ้าเน้น Real Robot ปีนั้นก็มี Gundam 00 กับ Code Geass ซีซั่นแรก อ๋อ เผื่อใครจำไม่ได้ ปีนั้นปีเดียว มีอนิเมะหุ่นยนต์ฉายพร้อมกัน 6 เรื่องเลยทีเดียวครับ
จุดเด่นอย่างที่สามคือ ดนตรีประกอบ ทั้งเพลง OP , ED และ OST ต่างไพเราะและขึ้นมาได้อย่างถูกจังหวะ เพลง OP อย่าง Sorairo Days ที่ร้องโดยคุณ Shoko Nakagawa นับเป็นเพลงไอคอนนิคของเรื่องนี้ เร้าอารมณ์ได้ดีมากโดยเฉพาะในฉากต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเรื่อง ส่วนเพลง OST อย่าง Happily Ever After ที่ขึ้นมาท้ายตอน 11 ก็ช่วยชูพัฒนาการตัวละครของชิม่อนได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ฉากท้ายตอน 11 เป็นหนึ่งในฉากที่น่าจดจำของเรื่องนี้ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเพลง Libera Me From Hell ที่เป็นการรวมเพลงแร็ปและเพลงสวดศพเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว!! ถ้าใครดูเรื่องนี้จบ น่าจะได้ฮัมท่อน Do the impossible see the invisible ROW ROW Fight the Power กันบ้างแหละ นี่ถ้าเอาไปเปิดในงานศพ พลังสไปรัลอาจจะตื่น ศพอาจจะฟื้นชีพก็ได้ 555
นอกจากเพลงประกอบในเรื่องแล้ว เพลงปิดของเวอร์ชั่นมูฟวี่ก็เพราะและความหายดีเช่นกัน โดยเฉพาะเพลง Namida no Tane, Egao no Hana แนะนำให้ลองอ่านคำแปลเพลงดู มันเศร้าและซึ้งมาก ช่วยยกระดับฉากจบของเรื่องให้อิมแพคขึ้นไปอีกขั้น
พูดถึงฉากจบแล้ว Samurai Jack ต้องได้รับแรงบันดาลใจฉากจบมาจากเรื่องนี้แน่ๆ Same Energy มาก 555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จุดเด่นสุดท้ายคือ Quote หรือคำพูดในเรื่องที่คามินะได้พูดไว้กับชิม่อนอย่าง
“ถ้านายไม่เชื่อในตัวเอง ก็จงเชื่อในตัวฉัน ตัวฉันที่เชื่อในตัวนาย” โครตเท่เลย
มาเจอประโยคนี้อีกครั้งก็จากซีรี่ส์ไทยเรื่อง SOS สเก็ต ซึม ซ่าส์ ซึ่งมาถูกถ่ายทอดมาในบริบทเดียวกัน Same Energy มากๆ
ก็แนะนำอีกครั้งสำหรับคนที่ยังไม่เคยดู ไปดูเถอะครับ มันดีจริงๆ ยุคนี้ยิ่งหาอนิเมะหุ่นยนต์มันส์ๆ แบบนี้ยากมาก โดยสามารถดูได้ทาง NETFLIX
https://www.netflix.com/title/70213196
แล้วถ้าใครดูเวอร์ชั่น TV Series จบแล้ว ก็อย่าลืมไปหาเวอร์ชั่นมูฟวี่มาดูต่อหล่ะ แม้จะเป็นเนื้อเรื่องเดิม แต่มีการเพิ่มฉากเข้ามาด้วย การตัดต่อและการเล่นอารมณ์ในซีนต่างๆก็ทำออกมาดีมาก
สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ว่านี่เป็นเพียงความคิดเห็นของผมเท่านั้น มันจะสนุกหรือไม่ขึ้นอยู่กับคุณ ควรไปดูด้วยตาตัวเองและมาคุยกันว่าดีไม่ดี ชอบไม่ชอบอย่างไร ส่วนถ้าสนใจบทความอื่น สามารถไปอ่านได้ที่
https://facebook.com/AUdItReview.th
สวัสดีครับ
[CR] [รีวิว] Gurren Lagann สุดยอดอนิเมะ Super Robot แห่งยุค 2000!!
เชื่อว่ามีผู้ชมอนิเมะรุ่นใหม่หลายคนที่ยังไม่เคยรับชมอนิเมะเรื่องนี้ บางคนอาจเคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยดู บางคนอาจไม่รู้จัก แต่ในวันนี้ อนิเมะเรื่องนี้ได้ถูก NETFLIX Thailand นำกลับมาฉายอีกครั้ง วันนี้ผมจึงมาแนะนำอนิเมะเรื่องนี้ให้ทุกท่านได้รู้จักกัน ส่วนใครที่เคยดูเมื่อนานมาแล้ว นี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะหยิบขึ้นมาดูอีกครั้งครับ
Gurren Lagann อภินิหารหุ่นทะลวงสวรรค์ (2007) เป็นเรื่องราวของโลกอนาคต ยุคที่มนุษย์ต้องลงไปใช้ชีวิตอยู่ใต้ดิน “ชิม่อน นักขุด” ได้บังเอิญเจอสว่านอันหนึ่งที่ใช้เดินเครื่องหุ่นยนต์หน้าตาประหลาด “กันเม็ง” เข้าพร้อมๆกับ “คามินะ” แต่จู่ๆก็มีกันเม็งอีกเครื่องลงมาจากพื้นพิภพ พร้อมกับเด็กสาวนามว่า “โยโกะ” ชิม่อน และ คามินะ จึงได้ขับกันเม็ง “ลากันน์” เข้าต่อสู้กับมันและขึ้นมาบนผิวโลกเป็นครั้งแรก และแล้ว เรื่องราวการผจญภัยจากพื้นผิวโลกไปยังอีกฝากของเอกภพก็ได้เริ่มขึ้น!!
Gurren Lagann เป็นออริจินัลอนิเมะจากสตูดิโอ Gainax เจ้าของผลงานขึ้นหิ้งอย่าง Neon Genesis Evangelion ซึ่งด้วยความที่เป็นออริจินัลอนิเมะ ไม่ได้ดัดแปลงมาจากไลท์โนเวลหรือมังงะ จึงทำให้เนื้อเรื่องนั้นคาดเดาไม่ได้ ซึ่งจุดหักมุมนั้นก็เริ่มขึ้นหลังจากที่เริ่ม Time Skip หรือก็คือช่วงหลังของเรื่อง ที่จะมีแนวทางการเล่าเรื่องที่ต่างไปจากช่วงแรก ยกระดับการต่อสู้จากบนโลกไปยังอวกาศ พร้อมกับเป้าหมายในการเดินทางครั้งใหม่ นี่จึงเป็นจุดที่น่าสนใจอย่างแรก
จุดเด่นอย่างที่สองคือ ความเป็น Super Robot ที่ขี้โม้สุดๆ เน้นตะโกนแหกปาก ปล่อยพลังใส่กัน ที่ตอนแรกคุณอาจจะรำคาญมัน แต่พอเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ มันจะยิ่งทวีความโม้ จนกระทั่งคุณต้องเตะเหตุผลทิ้งแล้วปล่อยใจตามชิม่อนไป แล้วคุณจะพบว่าช่วงท้ายของเรื่องนั้นมันส์สุดๆ ซึ่งไอการเป็น Super Robot สุดขี้โม้ที่ไปสุดทางเนี่ย มันทำให้ Gurren Lagann เป็นอนิเมะหุ่นยนต์อีกเรื่องที่โดดเด่นมากๆ ในปี 2007 เพราะถ้าเน้น Real Robot ปีนั้นก็มี Gundam 00 กับ Code Geass ซีซั่นแรก อ๋อ เผื่อใครจำไม่ได้ ปีนั้นปีเดียว มีอนิเมะหุ่นยนต์ฉายพร้อมกัน 6 เรื่องเลยทีเดียวครับ
จุดเด่นอย่างที่สามคือ ดนตรีประกอบ ทั้งเพลง OP , ED และ OST ต่างไพเราะและขึ้นมาได้อย่างถูกจังหวะ เพลง OP อย่าง Sorairo Days ที่ร้องโดยคุณ Shoko Nakagawa นับเป็นเพลงไอคอนนิคของเรื่องนี้ เร้าอารมณ์ได้ดีมากโดยเฉพาะในฉากต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเรื่อง ส่วนเพลง OST อย่าง Happily Ever After ที่ขึ้นมาท้ายตอน 11 ก็ช่วยชูพัฒนาการตัวละครของชิม่อนได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ฉากท้ายตอน 11 เป็นหนึ่งในฉากที่น่าจดจำของเรื่องนี้ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเพลง Libera Me From Hell ที่เป็นการรวมเพลงแร็ปและเพลงสวดศพเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว!! ถ้าใครดูเรื่องนี้จบ น่าจะได้ฮัมท่อน Do the impossible see the invisible ROW ROW Fight the Power กันบ้างแหละ นี่ถ้าเอาไปเปิดในงานศพ พลังสไปรัลอาจจะตื่น ศพอาจจะฟื้นชีพก็ได้ 555
นอกจากเพลงประกอบในเรื่องแล้ว เพลงปิดของเวอร์ชั่นมูฟวี่ก็เพราะและความหายดีเช่นกัน โดยเฉพาะเพลง Namida no Tane, Egao no Hana แนะนำให้ลองอ่านคำแปลเพลงดู มันเศร้าและซึ้งมาก ช่วยยกระดับฉากจบของเรื่องให้อิมแพคขึ้นไปอีกขั้น
พูดถึงฉากจบแล้ว Samurai Jack ต้องได้รับแรงบันดาลใจฉากจบมาจากเรื่องนี้แน่ๆ Same Energy มาก 555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จุดเด่นสุดท้ายคือ Quote หรือคำพูดในเรื่องที่คามินะได้พูดไว้กับชิม่อนอย่าง
“ถ้านายไม่เชื่อในตัวเอง ก็จงเชื่อในตัวฉัน ตัวฉันที่เชื่อในตัวนาย” โครตเท่เลย
มาเจอประโยคนี้อีกครั้งก็จากซีรี่ส์ไทยเรื่อง SOS สเก็ต ซึม ซ่าส์ ซึ่งมาถูกถ่ายทอดมาในบริบทเดียวกัน Same Energy มากๆ
ก็แนะนำอีกครั้งสำหรับคนที่ยังไม่เคยดู ไปดูเถอะครับ มันดีจริงๆ ยุคนี้ยิ่งหาอนิเมะหุ่นยนต์มันส์ๆ แบบนี้ยากมาก โดยสามารถดูได้ทาง NETFLIX
https://www.netflix.com/title/70213196
แล้วถ้าใครดูเวอร์ชั่น TV Series จบแล้ว ก็อย่าลืมไปหาเวอร์ชั่นมูฟวี่มาดูต่อหล่ะ แม้จะเป็นเนื้อเรื่องเดิม แต่มีการเพิ่มฉากเข้ามาด้วย การตัดต่อและการเล่นอารมณ์ในซีนต่างๆก็ทำออกมาดีมาก
สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ว่านี่เป็นเพียงความคิดเห็นของผมเท่านั้น มันจะสนุกหรือไม่ขึ้นอยู่กับคุณ ควรไปดูด้วยตาตัวเองและมาคุยกันว่าดีไม่ดี ชอบไม่ชอบอย่างไร ส่วนถ้าสนใจบทความอื่น สามารถไปอ่านได้ที่ https://facebook.com/AUdItReview.th
สวัสดีครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้