แก้ชง (เรื่องสุขภาพ) อย่างไรในวัย 40+

แก้ชง (เรื่องสุขภาพ) อย่างไรในวัย 40+
 
     ช่วงปีใหม่แบบนี้ สิ่งหนึ่งที่คนไทยมักจะทำกันเป็นประจำก็คือ เดินสายไหว้พระเพื่อขอพรตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ โดยเฉพาะคนที่เชื่อว่าตัวเองเกิดในปีชง ซึ่งเป็นความเชื่อที่อยู่คู่กับคนไทยเชื้อสายจีนมาอย่างยาวนาน (พี่หมอจำได้ว่าตอนเด็กๆ ก็เคยไปเยาวราชเพื่อทำพิธีแก้ชงเหมือนกัน) 
     ซึ่งคนที่เกิดในปีชงส่วนใหญ่ก็มักจะกังวลว่า เราจะได้รับผลกระทบอะไรจากปีชงหรือเปล่า โดยเฉพาะเรื่องของสุขภาพ ดังนั้น เพื่อความสบายใจ จึงต้องเดินทางไปไหว้เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยะเพื่อฝากดวงชะตาของเราให้ท่านดูแล ปีชงปีนี้มีอยู่ด้วยกัน 4 ปี คือ 🐐 ปีมะแม (100%), 🐉 ปีมะโรง, 🐄 ปีฉลู และ 🐕 ปีจอ
     แต่รู้หรือไม่ครับว่ามีอีกวิธีที่เราสามารถแก้ชงได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองก็คือ การตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อดูว่าร่างกายของเรามีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่ เพราะบางโรคกว่าจะแสดงอาการก็เข้าขั้นวิกฤตแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งก็มีโรคที่จะต้องระมัดระวังกันมากขึ้น แต่จะมีโรคอะไรบ้าง แล้วจะวิธีตรวจหรือป้องกันอย่างไร วันนี้พี่หมอจะมาไล่เรียงให้ฟังครับ
📌มะเร็งต่อมลูกหมาก
     โรคมะเร็งต่อมลูกหมากยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการ ดังนั้น การตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อตรวจหาค่าบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก การตรวจทางทวารหนักเพื่อคลำดูลักษณะของต่อมลูกหมาก หรือการทำอัลตราซาวด์เพื่อหาความผิดปกติในต่อมลูกหมาก และการตรวจหายีนมะเร็งเพิ่มเติมในกรณีที่มีคนในครอบครัวเป็นมะเร็ง เพื่อป้องกันมะเร็งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้
 
📌มะเร็งลำไส้ 
     ในระยะเริ่มแรกแทบจะไม่มีอาการอะไรเลย แต่ถ้ามีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย คลื่นไส้อ่อนเพลีย อุจจาระเป็นเส้นเล็กลงหรือมีเลือดปน ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุทันทีนะครับ ซึ่งการตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่สามารถทำได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ โดยสำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 40-45 ปี วิธีการตรวจก็คือตรวจเลือดเพื่อวัดปริมาณเซลล์มะเร็งลำไส้ที่หลุดออกมาอยู่ในเลือด แต่ถ้ามากกว่า 45 ปี คุณหมอจะแนะนำให้ตรวจด้วยวิธีส่องกล้อง ซึ่งเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด และสำหรับผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ควรได้รับการตรวจหายีนมะเร็งเพิ่มเติม และเข้ารับการตรวจคัดกรองให้เร็วขึ้น 
 
📌มะเร็งท่อน้ำดี
     เป็นก้อนเนื้อร้ายที่เกิดจากเซลล์เยื่อบุผนังท่อน้ำดีที่อยู่ภายในและภายนอกตับ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ส่วนสาเหตุของโรคนั้นยังไม่แน่ชัด โดยอาการของโรคมีความคล้ายคลึงกับโรคอื่นๆ จึงต้องใช้เวลาในการวินิจฉัยและตรวจซ้ำหลายขั้นตอน แต่เราสามารถป้องกันก่อนได้ด้วยการตรวจเลือดเพื่อหาค่าบ่งชี้มะเร็งท่อน้ำดี การทำอัลตราซาวด์ รวมถึงการตรวจหายีนมะเร็งเพิ่มเติม 
 
📌มะเร็งตับ
     กว่า 75% ของมะเร็งตับในคนไทยเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ยิ่งถ้ามีภาวะตับแข็งร่วมด้วย ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งตับมากขึ้น เนื่องจากโรคมะเร็งตับมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจงและมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว แต่เราสามารถลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งตับได้ง่ายๆ ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี รวมถึงตรวจเลือดเพื่อหาค่าบ่งชี้มะเร็งตับ การทำอัลตราซาวด์ และตรวจยีนหามะเร็งเพิ่มเติม สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีบุคคลในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งตับมาก่อน 
 
📌มะเร็งเต้านม
     เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนที่ควบคุมการแบ่งเซลล์เยื่อบุท่อน้ำนม ทำให้ไม่สามารถควบคุมการสร้างเซลล์ให้อยู่ในระดับสมดุลได้ โดยสามารถคลำพบก้อนเนื้อและมีอาการเจ็บเต้านม หรือมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นบริเวณหัวนม ดังนั้น การตรวจคัดกรองหามะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจึงเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยการทำแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์เต้านม รวมถึงการตรวจหายีนมะเร็งเพิ่มเติม เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
 
📌มะเร็งรังไข่
     เป็นโรคที่เกิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดหน่วงที่ท้องน้อย ท้องอืด แน่นท้อง ปัสสาวะบ่อย และประจำเดือนมาผิดปกติ ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจเลือดเพื่อหาค่ามะเร็งที่สัมพันธ์กับมะเร็งรังไข่ การตรวจภายใน และการอัลตราซาวด์ช่องท้อง รวมถึงการตรวจหายีนมะเร็งเพิ่มเติม ดังนั้น ผู้หญิงจึงไม่ควรละเลยเรื่องการตรวจสุขภาพโดยเด็ดขาดนะครับ เพราะโรคนี้ถ้าตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ ก็มีโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้
 
📌มะเร็งปากมดลูก 
     เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า HPV โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้จะติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้เนื้อเยื่อหรือเซลล์ปากมดลูกเกิดการเปลี่ยนแปลงจนอักเสบเรื้อรังและกลายเป็นมะเร็งในที่สุด แต่มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งชนิดเดียวที่ถ้ารู้ก่อนก็สามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น คุณผู้หญิงทุกคนจึงควรใส่ใจดูแลตัวเอง ด้วยการตรวจภายในเพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี โดยการตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear) หรือตรวจหาเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุโดยตรง รวมถึงป้องกันการเกิดโรคด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
 
📌โรคไต
     อาการในระยะแรกเริ่ม คือ ตัวบวม ขาบวม ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน หรือปัสสาวะเป็นฟองและมีสีเหมือนน้ำล้างเนื้อ ตัวซีดเหลือง โดยโรคไตมักจะแสดงอาการหลังจากที่ไตสูญเสียการทำงานไปแล้วกว่า 70% ดังนั้น ถ้าได้รับการตรวจตั้งแต่ระยะที่ยังไม่มีอาการก็ย่อมดีกว่าการตรวจพบเมื่อมีอาการรุนแรงแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งได้แก่ ผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ ส่วนคนทั่วไปก็ควรตรวจเลือดเพื่อดูประสิทธิภาพการทำงานของไต ตรวจปัสสาวะ และตรวจอัลตราซาวด์ดูว่ามีสิ่งผิดปกติในไตหรือไม่ 
 
📌โรคหัวใจ
     เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยปัจจัยเสี่ยงของโรคนี้เกิดจากอายุที่มากขึ้น เพศ กรรมพันธุ์ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเส้นเลือดสูง รวมถึงโรคอ้วน ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บแน่นที่หน้าอก หัวใจเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย ขาบวม โดยวิธีตรวจหาความเสี่ยงของโรคหัวใจสามารถทำได้โดยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะวิ่งบนสายพาน รวมถึงการทำอัลตราซาวด์หัวใจพร้อมวิ่งบนสายพาน หรือการตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้ 
 
📌โรคเบาหวาน
     เป็นโรคที่ถ้าไม่ได้ตรวจสุขภาพก็จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเรากำลังเป็นอยู่ แต่ถ้ามีสัญญาณเตือนเบื้องต้น เช่น ปัสสาวะมากและบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในตอนกลางคืน หรือชาที่บริเวณปลายมือและปลายเท้า ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรตรวจเลือดเพื่อหาค่าน้ำตาลในเลือด ซึ่งเกณฑ์การวินิจฉัยเบาหวานมีหลายวิธี เช่น การวัดระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากที่อดอาหารเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชม. ซึ่งถ้าเป็นเบาหวาน น้ำตาลในเลือดจะมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร 
 
📌ไขมันในเลือดสูง
     คืออาการที่ร่างกายมีระดับคอเลสเตอรอลหรือระดับไตรกลีเซอไรด์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างสูงผิดปกติ ซึ่งอาการนี้จะทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดตามมาได้ โดยไขมันในเลือดสูงเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม โรคบางชนิดและพฤติกรรมส่วนบุคคล ซึ่งวิธีการตรวจหาโรคนี้สามารถทำได้ด้วยการตรวจเลือดเพื่อดูระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งระดับคอเลสเตอรอลปกติคือไม่เกิน 200 มก./เดซิลิตร ส่วนระดับไตรกลีเซอไรด์คือไม่ควรเกิน 150 มก./เดซิลิตร ซึ่งถ้ากินยาลดไขมันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ก็สามารถตรวจยีนเพื่อดูว่าเป็นโรคที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นโรคไขมันในเลือดสูงที่เกิดจากกรรมพันธุ์ ระดับคอเลสเตอรอลจะอยู่ที่ 350-1,000 มก./เดซิลิตร 
 
📌โรคความดันโลหิตสูง
     เป็นโรคที่ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เนื่องจากสามารถก่อให้เกิดโรคอันตรายร้ายแรงอื่นๆ ตามมาได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตวายเรื้อรัง ซึ่งปัจจุบันสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกาได้ประกาศให้เปลี่ยนแปลงค่าความดันโลหิตที่เป็นตัวแปรวินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงค่าใหม่ คือ 130/80 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป ดังนั้น การดูแลตัวเองด้วยการตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงการวัดค่าความดันโลหิตอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดโรค รวมถึงลดโอกาสการเกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตและโรคหัวใจที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่