เรื่องคือเราทำงานที่บริษัทแห่งนึง เป็นบริษัทเล็กๆ
ที่มีพนักงานแค่ไม่กี่คน และเราจะสนิทกับเพื่อนร่วมงานคนนึง ซึ่งเค้าเป็นผู้ชายและเป็นพี่ที่เรานับถือมาก
เราสนิทกันค่อยข้างมาก กินเที่ยวปรึกษาชีวิตด้วยกันตลอด จนบางครั้งมันมีความเผลอใจ ด้วยความที่เราอยู่ด้วยกันตลอด เราใช้ชีวิตที่ทำงานมากกว่าที่บ้าน
มันเลยเกิดความใกล้ชิด ทั้งๆที่เรา 2 คนมีครอบครัวแล้วทั้งคู่ อันนี้พอรู้อยู่ว่ามันไม่ควรและไม่ควรอย่างยิ่ง เค้าจะชอบพูดตลอดว่าเงินเดือนไม่พอใช้ เงินเดือนออกต้องให้ภรรยาเก็บครึ่งนึง เพื่อใช้จ่ายภายในบ้าน ส่วนที่เหลือก็มีจ่ายค่าแชร์ ที่แอบแหนเค้าเล่น เพื่ออยากเก็บเงินของตัวเอง บางเดือนเงินติดลบไม่พอใช้ ด้วยความที่ตัวเราก็พอมี และเราก็หวังดีกับเค้า เวลากินข้าวกลางวันที่ทำงาน เราก็จะจ่ายให้ สั่งกับข้าวมานั่งกินด้วยกัน ด้วยความที่แรกๆก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแต่แค่คนเราทำงานด้วยกัน ถ้าช่วยเหลือได้ก็จะช่วย จนเวลานานเข้า กลายเป็นเราจ่ายเองทุกมื้อ ทุกวัน บางวันเค้าอยากกินกาแฟ กินของเซเว่น เค้าก็เอาเงินจากเรา บางครั้งเราแค่ฝากซื้อของ ซื้อน้ำสักขวด ถ้าให้แบงค์ร้อยไปนี่คือไม่เคยได้เงินทอนกลับมา กลายเป็นซื้อของกินของเค้ามาด้วย มันเลยมีความรู้สึกว่าเริ่มไม่โอเคละ จะมาใช้เงินเราทุกอย่าง เริ่มไม่ใช่ พอเราแกล้งถามว่า พี่จ่ายบ้างสิวันนี้ค่าข้าว เค้าก็จะบอกแต่ว่าไม่มี พี่ไม่มีตังเลย
ด้วยความที่เราสนิทกันมาก และอยู่ด้วยกันมาตลอด
พอมาเจอปัญหาแบบนี้ ก็เลยไม่กล้าพูดออกไป เพราะด้วยความกลัว กลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้วผิดใจกัน แล้วมันจะอยู่กันลำบาก
และอีกประเด็นคือเรื่องชู้สาว ที่มีความเผลอพลั้งไป
อยากออกจากจุดตรงนั้น เพราะเราไม่ได้คิดอะไรมากมายกับเค้าแต่แรกอยู่แล้ว
แต่เป็นเค้าที่คิดกับเราอยู่เสมอ
เลยอยากมาขอคำปรึกษาว่า เราจะออกจากจุดๆนี้ยังไง ที่ไม่ทำทั้ง 2 ฝ่ายเสียความรู้สึก
ลืมบอกว่าพี่เจ้าของบริษัทก็มีบุญคุณกับเรามาก และเราเคารพพี่เค้ามาก
มันเลยไม่กล้าที่จะขอพี่เค้าลาออกเพื่อหนีปัญหา เพราะความเกรงใจ
อีกอย่างถ้าเราออกไป เราก็ห่วงงาน เพราะก็มีแค่เรากับเค้าที่เป็นงานแบบมากๆ
มันเลยสับสนว่าเราควรจะทำยังไงดี
เราจะออกจากชีวิตคนคนนึง (ที่ไม่ใช่แฟน) ได้อย่างไร
ที่มีพนักงานแค่ไม่กี่คน และเราจะสนิทกับเพื่อนร่วมงานคนนึง ซึ่งเค้าเป็นผู้ชายและเป็นพี่ที่เรานับถือมาก
เราสนิทกันค่อยข้างมาก กินเที่ยวปรึกษาชีวิตด้วยกันตลอด จนบางครั้งมันมีความเผลอใจ ด้วยความที่เราอยู่ด้วยกันตลอด เราใช้ชีวิตที่ทำงานมากกว่าที่บ้าน
มันเลยเกิดความใกล้ชิด ทั้งๆที่เรา 2 คนมีครอบครัวแล้วทั้งคู่ อันนี้พอรู้อยู่ว่ามันไม่ควรและไม่ควรอย่างยิ่ง เค้าจะชอบพูดตลอดว่าเงินเดือนไม่พอใช้ เงินเดือนออกต้องให้ภรรยาเก็บครึ่งนึง เพื่อใช้จ่ายภายในบ้าน ส่วนที่เหลือก็มีจ่ายค่าแชร์ ที่แอบแหนเค้าเล่น เพื่ออยากเก็บเงินของตัวเอง บางเดือนเงินติดลบไม่พอใช้ ด้วยความที่ตัวเราก็พอมี และเราก็หวังดีกับเค้า เวลากินข้าวกลางวันที่ทำงาน เราก็จะจ่ายให้ สั่งกับข้าวมานั่งกินด้วยกัน ด้วยความที่แรกๆก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแต่แค่คนเราทำงานด้วยกัน ถ้าช่วยเหลือได้ก็จะช่วย จนเวลานานเข้า กลายเป็นเราจ่ายเองทุกมื้อ ทุกวัน บางวันเค้าอยากกินกาแฟ กินของเซเว่น เค้าก็เอาเงินจากเรา บางครั้งเราแค่ฝากซื้อของ ซื้อน้ำสักขวด ถ้าให้แบงค์ร้อยไปนี่คือไม่เคยได้เงินทอนกลับมา กลายเป็นซื้อของกินของเค้ามาด้วย มันเลยมีความรู้สึกว่าเริ่มไม่โอเคละ จะมาใช้เงินเราทุกอย่าง เริ่มไม่ใช่ พอเราแกล้งถามว่า พี่จ่ายบ้างสิวันนี้ค่าข้าว เค้าก็จะบอกแต่ว่าไม่มี พี่ไม่มีตังเลย
ด้วยความที่เราสนิทกันมาก และอยู่ด้วยกันมาตลอด
พอมาเจอปัญหาแบบนี้ ก็เลยไม่กล้าพูดออกไป เพราะด้วยความกลัว กลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้วผิดใจกัน แล้วมันจะอยู่กันลำบาก
และอีกประเด็นคือเรื่องชู้สาว ที่มีความเผลอพลั้งไป
อยากออกจากจุดตรงนั้น เพราะเราไม่ได้คิดอะไรมากมายกับเค้าแต่แรกอยู่แล้ว
แต่เป็นเค้าที่คิดกับเราอยู่เสมอ
เลยอยากมาขอคำปรึกษาว่า เราจะออกจากจุดๆนี้ยังไง ที่ไม่ทำทั้ง 2 ฝ่ายเสียความรู้สึก
ลืมบอกว่าพี่เจ้าของบริษัทก็มีบุญคุณกับเรามาก และเราเคารพพี่เค้ามาก
มันเลยไม่กล้าที่จะขอพี่เค้าลาออกเพื่อหนีปัญหา เพราะความเกรงใจ
อีกอย่างถ้าเราออกไป เราก็ห่วงงาน เพราะก็มีแค่เรากับเค้าที่เป็นงานแบบมากๆ
มันเลยสับสนว่าเราควรจะทำยังไงดี