“ศักดิ์สยาม” ตรวจความพร้อมรถไฟชานเมืองสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน สั่งบอร์ด รฟท.สรุปแผนสร้างรายได้พื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีกลางบางซื่อ ต้องมีรายได้ปีละ 400 ล้าน ห้ามขาดทุน ขณะที่สถานีรถไฟหัวลำโพงปิดให้บริการตั้งแต่เดือน พ.ย.นี้ สั่งการด่วนให้ปลัดคมนาคมศึกษาแผนรองรับคนใช้บริการรถไฟสายสั้น ที่จะได้รับผลกระทบ “วิษณุ” ชี้วันที่ 16 ก.พ.นี้ เคลียร์ปมสายสีเขียวไม่ลงตัวต้องขึ้นราคา 104 บาท
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจความพร้อมและทดสอบระบบสถานีกลางบางซื่อ และรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ของการรถไฟแห่งประเทศ ไทย (รฟท.) ก่อนที่จะเปิดให้บริการในเดือน มี.ค. ว่า ได้กำชับให้ รฟท.ปรับปรุงพื้นที่สถานีทุกแห่ง ให้มีความพร้อม เพื่อเริ่มเดินรถ ทดสอบเสมือนจริงเดือน มี.ค., เริ่มเปิดให้ประชาชนทดลองใช้ฟรี เดือน ก.ค., เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เดือน พ.ย.นี้
สำหรับเรื่องการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ของสถานีกลางบางซื่อที่มีพื้นที่ใช้สอย 298,200 ตารางเมตร จากแผนเดิมที่ รฟท.เสนอมาว่า ก่อนจะมีการประกวดราคาหาเอกชนมาบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 ปี ทำให้
จากนี้ไปจนถึงปี 2567 รฟท.จะเป็นผู้บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ได้กำหนดว่าจากนี้ไปจนถึงปี 2567 จะมีค่าใช้จ่ายในการเดินรถ และบริหารพื้นที่ 1,440 ล้านบาท แต่สามารถหารายได้ได้เพียง 200 ล้านบาท เมื่อแผนเป็นแบบนี้ ถือว่าขาดทุน จึงให้ไปปรับแผนใหม่ที่ต้องไม่ขาดทุนไม่เป็นภาระกับรัฐบาลที่ต้องนำเงินมาอุดหนุน และได้สั่งการให้คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.หารือผู้บริหารจัดทำแผนให้เสร็จใน 1 สัปดาห์ มาเสนอให้ปลัดกระทรวงคมนาคมพิจารณา
“ปี 2564-2567 รฟท.ต้องหารายได้จากสถานีกลางบางซื่อที่ใช้เงินลงทุน 30,000 ล้านบาท ก่อนที่เอกชนจะเข้ามาบริหารพื้นที่แบบ PPP หรือ การร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน คือต้องหารายได้เฉลี่ยปีละ 400 ล้านบาท เพื่อไม่ให้ขาดทุน ที่ผ่านมาหน่วยงานในสังกัดกระทรวง เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ก็มีประสบการณ์ในการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบิน จึงสามารถนำเอาความรู้มาปรับใช้ในการ บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ของสถานีกลางบางซื่อได้”
ขณะที่เมื่อสถานีกลางบางซื่อเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ เดือน พ.ย.นี้ รถไฟทุกขบวนที่เคยวิ่งเข้าไปที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยเฉพาะรถไฟสายไกล 188 ขบวน จะต้องหยุดเดินรถไปที่หัวลำโพง ทุกขบวนจะมาหยุดที่สถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้การเดินระบบรถไฟไม่ก่อปัญหาจราจรจรติดขัดในเมืองชั้นใน หากจะเดินรถเข้าเมืองต้องทำเท่าที่จำเป็น และทำช่วงหลังเวลา 22.00-04.00 น.
“สถานีกลางบางซื่อมีระบบรางที่ให้บริการในสถานที่เดียวกันหลายระบบ ทั้งรถไฟชานเมือง รถไฟสายไกล รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน จึงต้องใช้ประโยชน์สถานีกลางบางซื่อให้คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อให้เป็นศูนย์กลางทางรางของอาเซียน ส่วนสถานีหัวลำโพงได้ให้ไปพิจารณาว่าควรใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไร ผมก็อยากให้เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของประเทศไทย”
สำหรับกรณีที่มีหลายฝ่ายกังวลว่าหากงดการเดินรถทุกขบวนเข้าไปที่หัวลำโพง จะกระทบกับรถไฟฟ้าสายชานเมืองที่เป็นสายสั้นๆใช้บริการหรือไม่ เนื่องจากมีผู้โดยสารใช้บริการนั่งเข้ามาทำงานในเมืองชั้นในช่วงเช้าและเย็น ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงคมนาคมศึกษาหาระบบการเดินทางเชื่อมต่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารกลุ่มนี้ โดยให้ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สอบถาม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ถึงกรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่าจะขึ้นราคาเป็นตลอดสาย 104 บาทหรือไม่ ซึ่ง พล.ต.อ.อัศวินไม่ได้ยืนยัน แต่อธิบายว่าทำไมต้องขึ้น ส่วนข้อเรียกร้องให้ชะลอการขึ้นราคาถึง 104 บาท ในวันที่ 16 ก.พ.นี้ เป็นเรื่องของกระทรวงมหาดไทย,กรุงเทพมหานคร และเอกชนต้องไปหารือกัน เรื่องนี้จะยังไม่นำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะยังมี 3-4 ข้อที่ติดปัญหาอยู่ แต่ยังไม่ตอบและไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร แต่ไม่ควรพูด
“ทั้ง 3-4 ข้อเป็นข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะหากมีการอภิปรายแล้ว แต่ 3-4 ข้อนี้ยังไม่เคลียร์ก็ยังยากที่จะนำเข้า ครม. แต่ถ้านำเข้า ครม.ช้า ก็ยุ่งเกี่ยวกับการขึ้นราคา 104 บาท หากยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันที่ 16 ก.พ.นี้ ต้องขึ้นราคา”
เมื่อถามว่าหากนำเข้า ครม.ไม่ทัน และส่งผลให้ต้องขึ้นค่าโดยสาร 104 บาท รัฐบาลกลายเป็นแพะรับบาปใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า รัฐบาลทุกชุดของทุกประเทศแปลว่าแพะ แต่บาปหรือไม่ ไม่รู้
ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/2021421
เตรียมปิดตำนาน “หัวลำโพง” “ศักดิ์สยาม” สั่งหาแผนรองรับผู้โดยสารด่วน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจความพร้อมและทดสอบระบบสถานีกลางบางซื่อ และรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ของการรถไฟแห่งประเทศ ไทย (รฟท.) ก่อนที่จะเปิดให้บริการในเดือน มี.ค. ว่า ได้กำชับให้ รฟท.ปรับปรุงพื้นที่สถานีทุกแห่ง ให้มีความพร้อม เพื่อเริ่มเดินรถ ทดสอบเสมือนจริงเดือน มี.ค., เริ่มเปิดให้ประชาชนทดลองใช้ฟรี เดือน ก.ค., เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เดือน พ.ย.นี้
สำหรับเรื่องการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ของสถานีกลางบางซื่อที่มีพื้นที่ใช้สอย 298,200 ตารางเมตร จากแผนเดิมที่ รฟท.เสนอมาว่า ก่อนจะมีการประกวดราคาหาเอกชนมาบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 ปี ทำให้
จากนี้ไปจนถึงปี 2567 รฟท.จะเป็นผู้บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ได้กำหนดว่าจากนี้ไปจนถึงปี 2567 จะมีค่าใช้จ่ายในการเดินรถ และบริหารพื้นที่ 1,440 ล้านบาท แต่สามารถหารายได้ได้เพียง 200 ล้านบาท เมื่อแผนเป็นแบบนี้ ถือว่าขาดทุน จึงให้ไปปรับแผนใหม่ที่ต้องไม่ขาดทุนไม่เป็นภาระกับรัฐบาลที่ต้องนำเงินมาอุดหนุน และได้สั่งการให้คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.หารือผู้บริหารจัดทำแผนให้เสร็จใน 1 สัปดาห์ มาเสนอให้ปลัดกระทรวงคมนาคมพิจารณา
“ปี 2564-2567 รฟท.ต้องหารายได้จากสถานีกลางบางซื่อที่ใช้เงินลงทุน 30,000 ล้านบาท ก่อนที่เอกชนจะเข้ามาบริหารพื้นที่แบบ PPP หรือ การร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน คือต้องหารายได้เฉลี่ยปีละ 400 ล้านบาท เพื่อไม่ให้ขาดทุน ที่ผ่านมาหน่วยงานในสังกัดกระทรวง เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ก็มีประสบการณ์ในการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบิน จึงสามารถนำเอาความรู้มาปรับใช้ในการ บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ของสถานีกลางบางซื่อได้”
ขณะที่เมื่อสถานีกลางบางซื่อเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ เดือน พ.ย.นี้ รถไฟทุกขบวนที่เคยวิ่งเข้าไปที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยเฉพาะรถไฟสายไกล 188 ขบวน จะต้องหยุดเดินรถไปที่หัวลำโพง ทุกขบวนจะมาหยุดที่สถานีกลางบางซื่อ เพื่อให้การเดินระบบรถไฟไม่ก่อปัญหาจราจรจรติดขัดในเมืองชั้นใน หากจะเดินรถเข้าเมืองต้องทำเท่าที่จำเป็น และทำช่วงหลังเวลา 22.00-04.00 น.
“สถานีกลางบางซื่อมีระบบรางที่ให้บริการในสถานที่เดียวกันหลายระบบ ทั้งรถไฟชานเมือง รถไฟสายไกล รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน จึงต้องใช้ประโยชน์สถานีกลางบางซื่อให้คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อให้เป็นศูนย์กลางทางรางของอาเซียน ส่วนสถานีหัวลำโพงได้ให้ไปพิจารณาว่าควรใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไร ผมก็อยากให้เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของประเทศไทย”
สำหรับกรณีที่มีหลายฝ่ายกังวลว่าหากงดการเดินรถทุกขบวนเข้าไปที่หัวลำโพง จะกระทบกับรถไฟฟ้าสายชานเมืองที่เป็นสายสั้นๆใช้บริการหรือไม่ เนื่องจากมีผู้โดยสารใช้บริการนั่งเข้ามาทำงานในเมืองชั้นในช่วงเช้าและเย็น ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงคมนาคมศึกษาหาระบบการเดินทางเชื่อมต่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารกลุ่มนี้ โดยให้ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สอบถาม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ถึงกรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่าจะขึ้นราคาเป็นตลอดสาย 104 บาทหรือไม่ ซึ่ง พล.ต.อ.อัศวินไม่ได้ยืนยัน แต่อธิบายว่าทำไมต้องขึ้น ส่วนข้อเรียกร้องให้ชะลอการขึ้นราคาถึง 104 บาท ในวันที่ 16 ก.พ.นี้ เป็นเรื่องของกระทรวงมหาดไทย,กรุงเทพมหานคร และเอกชนต้องไปหารือกัน เรื่องนี้จะยังไม่นำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะยังมี 3-4 ข้อที่ติดปัญหาอยู่ แต่ยังไม่ตอบและไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร แต่ไม่ควรพูด
“ทั้ง 3-4 ข้อเป็นข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะหากมีการอภิปรายแล้ว แต่ 3-4 ข้อนี้ยังไม่เคลียร์ก็ยังยากที่จะนำเข้า ครม. แต่ถ้านำเข้า ครม.ช้า ก็ยุ่งเกี่ยวกับการขึ้นราคา 104 บาท หากยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันที่ 16 ก.พ.นี้ ต้องขึ้นราคา”
เมื่อถามว่าหากนำเข้า ครม.ไม่ทัน และส่งผลให้ต้องขึ้นค่าโดยสาร 104 บาท รัฐบาลกลายเป็นแพะรับบาปใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า รัฐบาลทุกชุดของทุกประเทศแปลว่าแพะ แต่บาปหรือไม่ ไม่รู้
ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/2021421