วันอาทิตย์ที่ 24 ม.ค.64
- ปกติเราเป็นคนสายตาสั้นมาตั้งนานแล้ว แต่เนื่องจากช่วงนี้เรารู้สึกว่าตาเราเบลอ ขนาดที่ใส่แว่นแล้วยังรู้สึกว่าภาพที่เห็นมันไม่คมสักเท่าไหร่ เลยอยากที่จะวัดสายตาเพราะคิดว่าค่าสายตาเราอาจจะเพิ่มมากขึ้น เราจะได้ตัดแว่นใหม่ให้ตรงกับค่าสายตาของเรา
- เราได้คุยเรื่องนี้กับคนที่บ้านว่า "อยากวัดสายตา แต่ร้านที่เราไปประจำมันอยู่ไกล" พี่สาวเลยแนะนำว่าลองไปวัดที่ห้างแว่นชื่อดังนี่สิ่ เค้าวัดให้ฟรี มีหลายสาขาด้วยนะ อ่ะ...เราก็เลยหาเลยว่าใกล้ที่เราอยู่ตรงนั้นมีสาขาไหนบ้าง ตอนนั้นเราอยู่แถวๆแจ้งวัฒนะเลยเลือกไปที่ BeeHive ในเมืองทองแล้วกัน
- พอเดินเข้าไปเราก็เข้าไปถามพนักงานก่อนเลยว่า “ขอโทษนะคะ...ไม่ทราบว่ายังมีบริการวัดสายตาฟรีอยู่มั๊ยคะ ?” ทางพนักงานแจ้งกลับมาว่า “วัดสายตาให้ฟรี แต่จะแจ้งค่าสายตากับให้ใบค่าสายตาแค่เฉพาะลูกค้าที่ตัดแว่นหรือซื้อคอนแทคเลนส์กับทางร้านเท่านั้นค่ะ” เราก็โอเค...ยอมซื้อคอนแทคเลนส์เพราะอยากรู้ค่าสายตาของตัวเอง
- พนักงานขอแว่นเราเพื่อไปส่องดูที่เครื่อง เราเลยแจ้งเค้าไปว่า “เท่าที่จำได้สายตาน่าจะสั้นอยู่ที่ ซ้าย -3.75 ขวา -4.00 แต่ไม่แน่ใจว่ามีเอียงรึเปล่า” พนักงานก็ไม่ได้ตอบอะไร แล้วให้เราไปนั่งที่เครื่องวัดสายตา ก็วัดไปวัดมา พอกระดาษออกมาจากเครื่อง พนักงานก็เก็บใส่กระเป๋าเสื้อนอก แล้วเอาแว่นนกฮูกมาให้ใส่ แล้วให้อ่านตัวเลข (ซึ่งมีให้เราอ่านน้อยมาก และไม่มีการเปลี่ยนเลนส์เพิ่มหรือลดค่าสายตาให้เราเปรียบเทียบความชัดเลย) แล้วเราอ่านได้ถูกเพราะตัวเลขมันไม่ได้เล็กมากมายขนาดนั้น พอเสร็จพนักงานก็เดินมาบอกว่า “ลูกค้าก็เข้าใจถูกแล้วนี่คะ...ลูกค้าต้องใช้คอนแทคเลนส์ทั้งหมด 2 คู่นะคะ” พนักงานเดินไปหยิบคอนแทคเลนส์ เราเลยบอกว่า “ถ้างั้นเอาคู่เดียวค่ะ -3.75 เพราะว่าค่าสายตาไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ ใส่คู่เดียวได้อยู่ค่ะ” พนักงานก็หยิบมาให้คิดเงิน พอจะจ่ายเงินสด (แบงค์พัน) พนักงานก็ไม่มีเงินทอนให้รูดบัตรเครดิต พอรูดบัตรจ่ายเงินเรียบร้อยเราเลยบอกเค้าว่า “รบกวนขอใบค่าสายตาด้วยได้มั๊ยคะ?” พนักงานตอบกลับมาว่า “ไม่ได้ค่ะ...ต้องเอาให้ที่บริษัทค่ะ” เราเลยบอกไปอีกว่า “ถ้างั้นขอถ่ายรูปไว้ก็ได้ค่ะ” พนักงานก็ตอบเราอีกว่า “ไม่ได้ค่ะ” ไม่ได้อธิบายเหตุผลใดๆทั้งสิ้น พร้อมกับให้เรากรอกรายละเอียดชื่อ-นามสกุล-เบอร์โทรศัพท์ลงใบแบบฟอร์มสำหรับผู้มารับบริการตรวจวัดสายตาฟรี (ทั้งที่เราต้องเสียเงิน 190.- ค่าคอนแทคเลนส์โดยที่ไม่ได้รู้ค่าสายตาตัวเอง กับค่าสายตาที่เลนส์แว่นเลย) ก่อนออกมาเรายังไปถามราคาเลนส์แว่นบลูล็อคกับพนักงานอยู่เลยว่าเท่าไหร่ คิดว่าถ้าได้กรอบแว่นถูกใจอาจจะตัดที่ห้างแว่นนี้
- หลังจากที่ออกมาจากร้าน เรารู้สึกไม่โอเค เลยขับรถไปร้านแว่นตาที่เคยตัดที่ตลาดบางใหญ่เลย ปรากฎว่าร้านนี้ยังดูแลดีเหมือนเดิมทั้งที่มาครั้งสุดท้ายคือปี 62 เข้าเครื่องวัดสายตาเสร็จ ก็วัดสายตาเอียงให้ต่อ พร้อมหาค่าสายตาด้วย Red-Green Test ให้ด้วย มีตัวเลขหลายขนาดให้อ่าน และมีการเพิ่มหรือลดค่าสายตาของเลนส์ให้เราเปรียบเทียบว่า "อันไหนชัดที่สุด...ดีที่สุดสำหรับตาเราแต่ละข้าง"
- สรุปว่าที่เราไปแจ้งห้างแว่นนั้นว่า “สายตาเรา ซ้าย -3.75 ขวา -4.00” นั้นคือเราจำผิด จริงๆแล้วมันสลับกันคือ “ขวา -3.75 ซ้าย -4.00” สายตาเราไม่เอียง และค่าสายตาของแว่นเราที่แจ้งกับทางห้างแว่นไปว่าเท่ากับค่าสายตาของเรา (ที่เราจำไปผิด) คือ “ซ้าย -3.75 ขวา -4.00” แต่จริงๆแล้วมันอยู่ที่ “ขวา -3.25 ซ้าย -3.50” ซึ่งตอนนี้ตาเราชินกับเลนส์นี้แล้วเลยทำให้ภาพที่เราเห็นมันไม่คม เราต้องเพิ่มค่าเลนส์ให้เท่ากับค่าสายตาปัจจุบันเพื่อให้ได้ภาพที่คมชัด เราเลยบอกกับทางร้านแว่นที่บางใหญ่ไปว่า "เราหาซื้อกรอบแว่นได้เมื่อไหร่กลับไปตัดแว่นกับที่นี่แน่นอน" บริการดี อธิบายให้ทุกอย่างให้ฟังแบบละเอียดโดยที่เราไม่ต้องเอ่ยปากถามเลยสักนิดเดียว ประทับใจสุดๆ (ใครอยากได้พิกัดร้านที่ตลาดบางใหญ่ถามมาได้เลยนะคะ)
วัดสายตาที่ห้างแว่นโลโก้ฟ้าขาวชื่อดังฟรี...ไม่มีอยู่จริง!
- ปกติเราเป็นคนสายตาสั้นมาตั้งนานแล้ว แต่เนื่องจากช่วงนี้เรารู้สึกว่าตาเราเบลอ ขนาดที่ใส่แว่นแล้วยังรู้สึกว่าภาพที่เห็นมันไม่คมสักเท่าไหร่ เลยอยากที่จะวัดสายตาเพราะคิดว่าค่าสายตาเราอาจจะเพิ่มมากขึ้น เราจะได้ตัดแว่นใหม่ให้ตรงกับค่าสายตาของเรา
- เราได้คุยเรื่องนี้กับคนที่บ้านว่า "อยากวัดสายตา แต่ร้านที่เราไปประจำมันอยู่ไกล" พี่สาวเลยแนะนำว่าลองไปวัดที่ห้างแว่นชื่อดังนี่สิ่ เค้าวัดให้ฟรี มีหลายสาขาด้วยนะ อ่ะ...เราก็เลยหาเลยว่าใกล้ที่เราอยู่ตรงนั้นมีสาขาไหนบ้าง ตอนนั้นเราอยู่แถวๆแจ้งวัฒนะเลยเลือกไปที่ BeeHive ในเมืองทองแล้วกัน
- พอเดินเข้าไปเราก็เข้าไปถามพนักงานก่อนเลยว่า “ขอโทษนะคะ...ไม่ทราบว่ายังมีบริการวัดสายตาฟรีอยู่มั๊ยคะ ?” ทางพนักงานแจ้งกลับมาว่า “วัดสายตาให้ฟรี แต่จะแจ้งค่าสายตากับให้ใบค่าสายตาแค่เฉพาะลูกค้าที่ตัดแว่นหรือซื้อคอนแทคเลนส์กับทางร้านเท่านั้นค่ะ” เราก็โอเค...ยอมซื้อคอนแทคเลนส์เพราะอยากรู้ค่าสายตาของตัวเอง
- พนักงานขอแว่นเราเพื่อไปส่องดูที่เครื่อง เราเลยแจ้งเค้าไปว่า “เท่าที่จำได้สายตาน่าจะสั้นอยู่ที่ ซ้าย -3.75 ขวา -4.00 แต่ไม่แน่ใจว่ามีเอียงรึเปล่า” พนักงานก็ไม่ได้ตอบอะไร แล้วให้เราไปนั่งที่เครื่องวัดสายตา ก็วัดไปวัดมา พอกระดาษออกมาจากเครื่อง พนักงานก็เก็บใส่กระเป๋าเสื้อนอก แล้วเอาแว่นนกฮูกมาให้ใส่ แล้วให้อ่านตัวเลข (ซึ่งมีให้เราอ่านน้อยมาก และไม่มีการเปลี่ยนเลนส์เพิ่มหรือลดค่าสายตาให้เราเปรียบเทียบความชัดเลย) แล้วเราอ่านได้ถูกเพราะตัวเลขมันไม่ได้เล็กมากมายขนาดนั้น พอเสร็จพนักงานก็เดินมาบอกว่า “ลูกค้าก็เข้าใจถูกแล้วนี่คะ...ลูกค้าต้องใช้คอนแทคเลนส์ทั้งหมด 2 คู่นะคะ” พนักงานเดินไปหยิบคอนแทคเลนส์ เราเลยบอกว่า “ถ้างั้นเอาคู่เดียวค่ะ -3.75 เพราะว่าค่าสายตาไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ ใส่คู่เดียวได้อยู่ค่ะ” พนักงานก็หยิบมาให้คิดเงิน พอจะจ่ายเงินสด (แบงค์พัน) พนักงานก็ไม่มีเงินทอนให้รูดบัตรเครดิต พอรูดบัตรจ่ายเงินเรียบร้อยเราเลยบอกเค้าว่า “รบกวนขอใบค่าสายตาด้วยได้มั๊ยคะ?” พนักงานตอบกลับมาว่า “ไม่ได้ค่ะ...ต้องเอาให้ที่บริษัทค่ะ” เราเลยบอกไปอีกว่า “ถ้างั้นขอถ่ายรูปไว้ก็ได้ค่ะ” พนักงานก็ตอบเราอีกว่า “ไม่ได้ค่ะ” ไม่ได้อธิบายเหตุผลใดๆทั้งสิ้น พร้อมกับให้เรากรอกรายละเอียดชื่อ-นามสกุล-เบอร์โทรศัพท์ลงใบแบบฟอร์มสำหรับผู้มารับบริการตรวจวัดสายตาฟรี (ทั้งที่เราต้องเสียเงิน 190.- ค่าคอนแทคเลนส์โดยที่ไม่ได้รู้ค่าสายตาตัวเอง กับค่าสายตาที่เลนส์แว่นเลย) ก่อนออกมาเรายังไปถามราคาเลนส์แว่นบลูล็อคกับพนักงานอยู่เลยว่าเท่าไหร่ คิดว่าถ้าได้กรอบแว่นถูกใจอาจจะตัดที่ห้างแว่นนี้
- หลังจากที่ออกมาจากร้าน เรารู้สึกไม่โอเค เลยขับรถไปร้านแว่นตาที่เคยตัดที่ตลาดบางใหญ่เลย ปรากฎว่าร้านนี้ยังดูแลดีเหมือนเดิมทั้งที่มาครั้งสุดท้ายคือปี 62 เข้าเครื่องวัดสายตาเสร็จ ก็วัดสายตาเอียงให้ต่อ พร้อมหาค่าสายตาด้วย Red-Green Test ให้ด้วย มีตัวเลขหลายขนาดให้อ่าน และมีการเพิ่มหรือลดค่าสายตาของเลนส์ให้เราเปรียบเทียบว่า "อันไหนชัดที่สุด...ดีที่สุดสำหรับตาเราแต่ละข้าง"
- สรุปว่าที่เราไปแจ้งห้างแว่นนั้นว่า “สายตาเรา ซ้าย -3.75 ขวา -4.00” นั้นคือเราจำผิด จริงๆแล้วมันสลับกันคือ “ขวา -3.75 ซ้าย -4.00” สายตาเราไม่เอียง และค่าสายตาของแว่นเราที่แจ้งกับทางห้างแว่นไปว่าเท่ากับค่าสายตาของเรา (ที่เราจำไปผิด) คือ “ซ้าย -3.75 ขวา -4.00” แต่จริงๆแล้วมันอยู่ที่ “ขวา -3.25 ซ้าย -3.50” ซึ่งตอนนี้ตาเราชินกับเลนส์นี้แล้วเลยทำให้ภาพที่เราเห็นมันไม่คม เราต้องเพิ่มค่าเลนส์ให้เท่ากับค่าสายตาปัจจุบันเพื่อให้ได้ภาพที่คมชัด เราเลยบอกกับทางร้านแว่นที่บางใหญ่ไปว่า "เราหาซื้อกรอบแว่นได้เมื่อไหร่กลับไปตัดแว่นกับที่นี่แน่นอน" บริการดี อธิบายให้ทุกอย่างให้ฟังแบบละเอียดโดยที่เราไม่ต้องเอ่ยปากถามเลยสักนิดเดียว ประทับใจสุดๆ (ใครอยากได้พิกัดร้านที่ตลาดบางใหญ่ถามมาได้เลยนะคะ)