นานมาแล้ว..ที่คำว่า “อมตะ” มันชวนให้เรานึกถึงแต่เรื่องของการมีชีวิตที่ยืนยาว ไม่มีวันดับสลาย ไม่มีวันลาจากโลกนี้ไป และถ้าคุณหรือใครที่ยังคิดเช่นนี้ ก็เป็นไปได้ที่พวกเราจะคิดถึงความหมายของคำ ๆ นี้ แคบเกินไปสักหน่อย หรือเราอาจนึกถึงแค่ความหมายเก่า ๆ ของคำ ๆ นี้จากประสบการณ์ที่เคยได้ยินได้ฟังมา
เคยมีบางเวลาที่ลองกลับมาย้อนคิดเหมือนกันว่า ถ้ามนุษย์เรามีชีวิตที่เป็นอมตะขึ้นมาจริง ๆ พวกมนุษย์อย่างเรา ๆ จะเป็นอย่างไร? การที่เราสามารถมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวกว่าเดิม โดยไม่ต้องกังวลกับการจากลาโลกนี้ไปก่อนเวลาอันควรของตัวเองนั้น มันจะดีอย่างที่เราคิดหรือเปล่า?
ปัจจุบันคนในยุคนี้สมัยนี้ต่างก็มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นมากกว่าคนสมัยก่อนอยู่หลายช่วงปี อาจเป็นเพราะเทคโนโลยีการแพทย์ที่พัฒนาไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง มันสามารถหาวิธีป้องกันโรคบางโรคได้ตั้งแต่เริ่มต้น และสามารถทำการรักษาให้หายขาดจากโรคนั้นได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เทคโนโลยีสมัยก่อนยังไม่สามารถทำได้
แต่จะว่าไปแล้ว การเข้าถึงการแพทย์ดี ๆ ที่มีมาตรฐานได้นั้น ก็ต้องมาพร้อมกับกำลังทรัพย์ที่มากพอควรด้วยเช่นเดียวกัน จึงไม่ต้องแปลกใจที่เราจะได้เห็นคนที่มีฐานะค่อนข้างดี สามารถต่อชีวิตตัวเองให้ยืนยาวกว่าปกติได้มากกว่าคนส่วนใหญ่ที่มีฐานะปานกลางถึงล่าง อันนี้เป็นข้อเท็จจริงที่พวกเราคงต้องยอมรับ
กลับมาที่คำถามข้างต้นที่ว่า “ถ้ามนุษย์เรามีชีวิตที่เป็นอมตะ พวกเราจะเป็นอย่างไร?”
คำตอบมันคงต้องขึ้นอยู่กับว่า ความเป็นอมตะนั้นมันเกิดขึ้นกับคนทุกคนรอบ ๆ ตัวเราหรือเปล่า? คำถามนี้ค่อนข้างสำคัญ เพราะถ้าไม่แล้ว..ความเป็นอมตะที่เราอยากได้มาครอบครองนี้ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการก็เป็นได้
เพราะการเห็นคนรอบ ๆ ตัว และเป็นคนที่เรารัก ต่างทะยอยจากเราไปทีละคน ๆ นั้น มันคงไม่ได้เป็นสิ่งที่เราพึ่งปรารถนาที่เราจะได้พบอย่างแน่นอน จริงไหม? ความรู้สึกโดดเดี่ยวจะเข้าครอบครองพื้นที่ภายในจิตใจของเราจนเต็มพื้นที่ และมันอาจจะนำให้เราได้พบคำตอบ ที่เราสงสัยมานานว่า ความอมตะที่แท้จริงมันคืออะไร?
หากเราลองย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเราเป็นเด็ก คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายต่างก็ทะยอยจากเราไปทีละคน ๆ พอชีวิตของเราเติบโตขึ้นเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เพื่อนสมัยเด็กที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันมา ต่างก็ห่างหายจากเราไปทีละคน ๆ เหมือนกัน
ครั้นเมื่อเวลาพาตัวเราเองเดินทางจากวัยผู้ใหญ่เข้าสู่วัยหลังเกษียณ ระหว่างการเดินทางนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่เรารัก พวกท่านต่างก็พากันจากเราไป เพื่อกลับคืนสู่อ้อมกอดของธรรมชาติอย่างสงบเช่นเดียวกัน และแน่นอนว่าลูกหลานของพวกเรา ต่างก็คงต้องพบเจอกับลาจากของคนที่พวกเขารักในที่สุดไม่แตกต่างกัน
มาถึงตรงนี้ เราอาจกำลังมึนงงอยู่ว่า สรุปแล้วความเป็นอมตะมันมีอยู่จริงหรือเปล่า และมันหมายถึงอะไรกันแน่?
ธรรมชาติอาจตอบคำถามนี้ได้ เพราะสุดท้ายแล้วเราก็จะค้นพบว่าความเป็นอมตะนั้น แท้จริงแล้วมันไม่ได้หมายถึง การมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างที่เราเคยคิด แต่มันอาจหมายถึง การดับสูญ หรือการจากลาของชีวิตมนุษย์เราต่างหาก ที่จะคงอยู่กับโลกใบนี้ไปอีกนานแสนนาน ไม่ว่ามนุษย์อย่างเรา ๆ จะเกิดมาอีกสักกี่ครั้งกี่หนก็ตาม
เพราะธรรมชาติไม่เคยสะกดคำว่า “อมตะ” ให้อยู่คู่กับมนุษย์ เพียงแต่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเรา อาจจะเข้าใจผิดไปเองว่า ความเป็นอมตะนั้น เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสรรสร้างมาให้
คุณล่ะ..อยากมีชีวิตที่เป็นอมตะไหม?
Cr. เปลือกชีวิต The Series (Series ที่จะทำให้คุณเข้าใจชีวิตมากขึ้น) By ดช.จุ่น
ติดตามบทความอื่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เปลือกชีวิต The Series - 38 (รักแรก..มิอาจลืม!) https://ppantip.com/topic/40406675
เปลือกชีวิต The Series 39 (ต้นธารแห่งปัญญา..มาจากไหน?) https://ppantip.com/topic/40425045
เปลือกชีวิต The Series 40 (ไม่มี..คำตอบ..) https://ppantip.com/topic/40436144
เปลือกชีวิต The Series 41 (เวลาของความสุข ที่ไม่เท่ากัน!!) https://ppantip.com/topic/40446066
เปลือกชีวิต The Series 42 (ทุกข์...จ่ายแพงกว่า?) https://ppantip.com/topic/40459537
เปลือกชีวิต The Series 43 (อมตะ..ที่ดับสูญ!)
เคยมีบางเวลาที่ลองกลับมาย้อนคิดเหมือนกันว่า ถ้ามนุษย์เรามีชีวิตที่เป็นอมตะขึ้นมาจริง ๆ พวกมนุษย์อย่างเรา ๆ จะเป็นอย่างไร? การที่เราสามารถมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวกว่าเดิม โดยไม่ต้องกังวลกับการจากลาโลกนี้ไปก่อนเวลาอันควรของตัวเองนั้น มันจะดีอย่างที่เราคิดหรือเปล่า?
ปัจจุบันคนในยุคนี้สมัยนี้ต่างก็มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นมากกว่าคนสมัยก่อนอยู่หลายช่วงปี อาจเป็นเพราะเทคโนโลยีการแพทย์ที่พัฒนาไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง มันสามารถหาวิธีป้องกันโรคบางโรคได้ตั้งแต่เริ่มต้น และสามารถทำการรักษาให้หายขาดจากโรคนั้นได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เทคโนโลยีสมัยก่อนยังไม่สามารถทำได้
แต่จะว่าไปแล้ว การเข้าถึงการแพทย์ดี ๆ ที่มีมาตรฐานได้นั้น ก็ต้องมาพร้อมกับกำลังทรัพย์ที่มากพอควรด้วยเช่นเดียวกัน จึงไม่ต้องแปลกใจที่เราจะได้เห็นคนที่มีฐานะค่อนข้างดี สามารถต่อชีวิตตัวเองให้ยืนยาวกว่าปกติได้มากกว่าคนส่วนใหญ่ที่มีฐานะปานกลางถึงล่าง อันนี้เป็นข้อเท็จจริงที่พวกเราคงต้องยอมรับ
กลับมาที่คำถามข้างต้นที่ว่า “ถ้ามนุษย์เรามีชีวิตที่เป็นอมตะ พวกเราจะเป็นอย่างไร?”
คำตอบมันคงต้องขึ้นอยู่กับว่า ความเป็นอมตะนั้นมันเกิดขึ้นกับคนทุกคนรอบ ๆ ตัวเราหรือเปล่า? คำถามนี้ค่อนข้างสำคัญ เพราะถ้าไม่แล้ว..ความเป็นอมตะที่เราอยากได้มาครอบครองนี้ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการก็เป็นได้
เพราะการเห็นคนรอบ ๆ ตัว และเป็นคนที่เรารัก ต่างทะยอยจากเราไปทีละคน ๆ นั้น มันคงไม่ได้เป็นสิ่งที่เราพึ่งปรารถนาที่เราจะได้พบอย่างแน่นอน จริงไหม? ความรู้สึกโดดเดี่ยวจะเข้าครอบครองพื้นที่ภายในจิตใจของเราจนเต็มพื้นที่ และมันอาจจะนำให้เราได้พบคำตอบ ที่เราสงสัยมานานว่า ความอมตะที่แท้จริงมันคืออะไร?
หากเราลองย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเราเป็นเด็ก คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายต่างก็ทะยอยจากเราไปทีละคน ๆ พอชีวิตของเราเติบโตขึ้นเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เพื่อนสมัยเด็กที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันมา ต่างก็ห่างหายจากเราไปทีละคน ๆ เหมือนกัน
ครั้นเมื่อเวลาพาตัวเราเองเดินทางจากวัยผู้ใหญ่เข้าสู่วัยหลังเกษียณ ระหว่างการเดินทางนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่เรารัก พวกท่านต่างก็พากันจากเราไป เพื่อกลับคืนสู่อ้อมกอดของธรรมชาติอย่างสงบเช่นเดียวกัน และแน่นอนว่าลูกหลานของพวกเรา ต่างก็คงต้องพบเจอกับลาจากของคนที่พวกเขารักในที่สุดไม่แตกต่างกัน
มาถึงตรงนี้ เราอาจกำลังมึนงงอยู่ว่า สรุปแล้วความเป็นอมตะมันมีอยู่จริงหรือเปล่า และมันหมายถึงอะไรกันแน่?
ธรรมชาติอาจตอบคำถามนี้ได้ เพราะสุดท้ายแล้วเราก็จะค้นพบว่าความเป็นอมตะนั้น แท้จริงแล้วมันไม่ได้หมายถึง การมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างที่เราเคยคิด แต่มันอาจหมายถึง การดับสูญ หรือการจากลาของชีวิตมนุษย์เราต่างหาก ที่จะคงอยู่กับโลกใบนี้ไปอีกนานแสนนาน ไม่ว่ามนุษย์อย่างเรา ๆ จะเกิดมาอีกสักกี่ครั้งกี่หนก็ตาม
เพราะธรรมชาติไม่เคยสะกดคำว่า “อมตะ” ให้อยู่คู่กับมนุษย์ เพียงแต่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเรา อาจจะเข้าใจผิดไปเองว่า ความเป็นอมตะนั้น เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสรรสร้างมาให้
คุณล่ะ..อยากมีชีวิตที่เป็นอมตะไหม?
Cr. เปลือกชีวิต The Series (Series ที่จะทำให้คุณเข้าใจชีวิตมากขึ้น) By ดช.จุ่น
ติดตามบทความอื่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้