[CR] รีวิว+เม้าท์ภารกิจเปลี่ยนหน้าบานเป็นหน้าเรียวเป๊ะ จากโบท็อกจนมาจบที่ร้อยไหมอิตาลี

สวัสดีค่า นี่เป็นกระทู้แรกที่อยากมาแชร์ประสบการณ์ในการทำหน้าของตัวเอง เรียกได้ว่าผ่านการฉีดการจิ้มนั่นนี่บ่อยๆจนเป็นนิสัยไปเลยก็ว่าได้ 555 ต้องเริ่มเล่าก่อนว่าตัวเราอ่ะเป็นคนหน้าบานมากๆค่ะ ตั้งแต่จำความได้ก็หน้ากลมๆบานๆ มาตั้งแต่เด็กแล้ว ซึ่งตอนเด็กๆก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกกับหน้าตัวเอง แถมผู้ใหญ่ก็ชมตลอดว่าหน้ากลมๆเนี่ยน่ารัก ก็เลยมีความมั่นว่าตัวเองน่ารักมาตลอด   เพี้ยนลาเวนเดอร์

ความมั่นหมดไปก็ตอนที่เริ่มโตเป็นสาว เริ่มรักสวยรักงามแล้วนี่แหละ ถึงตรงนี้เราก็เริ่มสังเกตเห็นจุดเด่นบนใบหน้าตัวเอง นั่นก็คือความบานของหน้าเรานี่แหละที่เด่นจนเห็นชัดมากกกก เวลาถ่ายรูปทีไรรู้สึกขัดใจบวกกับไม่มั่นใจตลอดเพราะความหน้าบานของตัวเอง

นี่แหละคะ หน้าช่วงแรกๆของเรา จากเด็กหมวยหน้ากลมๆน่ารักเหมือนซาลาเปาที่ผู้ใหญ่เอ็นดู กลายเป็นสาวหน้าใหญ่เฉยเลย ด้วยความรักสวยรักงามอ่ะเนอะ เราอยากหน้าเรียวๆสวยๆบ้าง ถึงขนาดเคยลองลดน้ำหนักแล้ว แต่สิ่งที่ได้ก็คือน้ำหนักลดแต่หน้าไม่ลดตามไปด้วยค่ะ เพี้ยนสะอื้น


คือในรูปนี่น้ำหนักลดแล้วนะคะ แต่ว่าหน้าบานเหมือนเดิม เลยทำให้ดูเหมือนอ้วนทั้งที่เราก็ไม่ได้อ้วนอะไรขนาดนั้น หลายคนก็ทักว่านี่ผอมลงแล้วเหรอ พูดเลยว่าอยากจะร้องกริ๊ด เฟลกว่าเดิมอีกค่ะ 

ถึงจุดนี้ก็คิดว่าไม่ได้การแล้ว ชั้นต้องทำอะไรมากกกว่านี้แล้ว ไม่งั้นก็คงเฟลอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ นี่ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเข้าสู่วงการทำหน้าของเราค่ะ ด้วยจุดประสงค์เดียวก็คือต้องการให้หน้าเรียวสวยไม่บานนี่แหละ

สิ่งแรกที่เราทำกับหน้าตัวเองคือทำตา+ฉีดโบท็อกค่ะ เพราะเราเป็นคนหมวยๆตาเล็กด้วย จะทำทั้งที่ก็อยากทำให้ตาโตและหน้าเรียวกว่านี้ ว่าแล้วก็จัดไปเลยค่ะ เห็นคลินิกใกล้บ้านมีโปรโบท็อกอันลิมิตสามพันกว่าบาท ซึ่งถือว่าถูกมากกกกก ชอบของถูกค่ะ 555 ไอ้ตรงทำตาเนี่ยไม่เจ็บเท่าไรเพราะมียาชา แต่ตอนฉีดโบท็อกเนี่ยเจ็บเด้อ เพราะจิ้มกันสดๆเลย หมอจิ้มทีก็สะดุ้งดี พึ่งจะรู้ว่าต้องใช้ความอดทนมากๆเพื่อแลกกับความสวย ดีนะที่เราไม่กลัวเข็ม ถ้ากลัวขึ้นมาคงช็อคคาเตียงเพราะหมอใช้เข็มจิ้มรัวๆเลย 


หลังจากฉีดโบท็อกไปครั้งแรก ถ้าดูจากรูปก็จะเห็นว่ามันยังไม่บานน้อยลงเท่าไร ซึ่งหมอเคยบอกว่าถ้ายังไม่พอใจกับผลลัพธ์ก็สามารถมาย้ำได้ เราก็เลยคิดว่าจะไปซ้ำอีกรอบตามที่หมอนัด และไปหาหมอครั้งนี้เราก็ได้ไปบ่นกับหมอด้วยว่าทำไมหน้าไม่เห็นจะเรียวลงเลยทั้งที่ก็ฉีดโบไปแล้ว หมอก็นั่งพิจารณาหน้าเราใหญ่เลยค่ะ ก่อนที่จะบอกว่า ….

“สงสัยโบท็อกอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องเพิ่มลิฟกรอบหน้า+เมโสแฟตด้วย”

ถามว่าเครียดไหมก็มีบ้างนิดหนึ่ง เพราะจู่ๆจากที่จะทำอย่างเดียวมันงอกเพิ่มขึ้นมาสองเฉยเลย ไม่รู้ว่าเพราะหมอเขาอยากขายของด้วยหรือเปล่า แต่เราก็ตกลงทำอยู่ดีนะ เพราะรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว มาถึงขั้นนี้ก็ทำๆไปเถอะ จ่ายเพิ่มขึ้นมานิดหน่อยเพื่อหน้าที่เรียวขึ้นก็พอแลกได้อยู่นะ

และผลจากการเพิ่มลิฟกรอบหน้ากับเมโสแฟต ก็ได้ออกมาตามนี้เลยค่ะ


อยากให้คนอ่านกระทู้ลองพิจารณาดูนะคะว่าหน้าเราดูเล็กลงไหม แต่ถ้าถามเราในตอนนั้น เรารู้สึกว่ามันลดลงนะ แต่ลดไปไม่เยอะเท่าที่อยากได้อ่ะ ก็คือหน้ายังบานอยู่แค่บานน้อยกว่าเดิมนิดหนึ่ง แอบขัดใจ 555  ยังไงก็ต้องอาศัยแอพบีบหน้าอยู่ หลังจากนี้ก็เหมือนเราเริ่มเสพติดการจิ้มหน้าไปแล้ว ต้องแวะคลินิกไปฉีดโบท็อกทุกสองเดือนตลอด เพราะคิดว่าถ้าฉีดบ่อยๆเดี๋ยวหน้ามันก็เรียวเอง เดือนไหนถ้าไม่ได้ฉีดจะรู้สึกไม่มั่นใจเลยค่ะ เรียกว่าเป็นอาการทางจิตได้แล้วล่ะ  อมยิ้ม08

ยอมรับเลยว่าตัวเองหมกหมุ่นมาก หมกหมุ่นแบบไม่รู้ตัว และก็เสียเงินไปเยอะมากกับการฉีดหน้า จนคนรอบตัวเริ่มสังเกตเห็น เพราะช่วงนั้นคือหน้าตึงมาก แทบยิ้มไม่ได้เลย เรียกได้ว่าสวยหยิ่ง 555 

แล้วก็ได้เพื่อนคนหนึ่งนี่แหละคะมาช่วยสะกิดเตือนสติเรา ว่าเราฉีดเยอะไปหรือเปล่า มันจะไม่ดีกับร่างกายนะ ก็เลยเริ่มคิดได้ แต่ก็แบบยังอยากฉีดต่ออยู่อ่ะเพราะรู้สึกไม่มั่นใจจริงถ้าไม่ฉีดโบ คราวนี้เพื่อนเลยแนะนำว่าทำไมไม่ร้อยไหมไปเลยล่ะ อยู่ได้นานกว่า ไม่ต้องมาฉีดหน้าบ่อยๆด้วย เราก็เลยนึกได้ว่าเออไม่เคยลองร้อยไหมเลย น่าสนใจอยู่นะ 

แต่แอบมีติดใจอยู่นิดหนึ่งเพราะว่าเราอายุ28เองอ่ะ แล้วส่วนใหญ่ที่เห็นร้อยไหมกันก็เป็นคนแก่ๆหน่อย ก็คิดว่าวัยเรามันร้อยไหมได้ป่ะวะ ยังไงก็เถอะ ไม่ลองไม่รู้อ่ะเนอะ ก็เสิร์ทหารีวิวคลินิกต่างๆ อ่านบทความเกี่ยวกับการร้อยไหม เอาแบบละเอียดเลยเพราะกลัวหน้าจะพังแทนที่หน้าจะเรียว

แล้วจากการเสิร์ทหาข้อมูลต่างๆเนี่ยแหละ เลยทำให้รู้ได้ว่าเส้นไหมที่คลินิกใช้กันในปัจจุบันเนี่ย ไม่ผ่านอย.เลย! แล้วไหมยังมีชื่อเรียกแต่ละคลินิกไม่เหมือนกันสักชื่อ และแต่ละชื่อคือว้าวซ่ามาก ซึ่งทำให้สับสนมากว่าอันไหนเป็นอันไหน แล้วอันไหนมันเหมาะกับหน้าเรา อีกอย่างคือการร้อยไหมให้ได้ผลเนี่ยไม่ใช่แค่เส้นสองเส้น แต่ร้อยทีเป็น20-30เส้นเลย แล้วแต่ว่าสภาพหน้าเป็นยังไง คือแค่ฟังก็ขนลุกแล้วพอนึกถึงไหมเป็นสิบๆเส้นที่ตึงอยู่ใต้หน้าเราเนี่ย จิเป็นลม

เจอข้อมูลไปแบบนี้สิ่งแรกที่คิดคือ ไม่ ชั้นจะไม่ทำแน่ๆ เพราะแค่จิ้มโบท็อกทุกวันนี้ก็เจ็บแล้ว และร้อยไหมมันดูเจ็บกว่ามัน และเสี่ยงกว่าด้วย แต่ก็มีเหตุให้เปลี่ยนใจนได้ เพราะอ่านไปอ่านมาไปสะดุดกับข้อมูลของเว็บหนึ่งเข้า ที่พูดถึงไหมอิตาลี ซึ่งเป็นไหมเกรดดีจากยุโรปเจ้าเดียวตอนนี้ที่ผ่านอย. และน่าสนใจตรงที่ว่าใช้ไหมแค่เส้นเดียวเท่านั้นในการร้อยแต่ละข้าง แล้วก็เห็นผลทันทีหลังทำเลย เจอแบบนี้ก็ว้าวเลยค่ะ คิดว่าถ้าร้อยไหมก็จะร้อยไหมอิตาลีนี่แหละ ดูเซฟกับหน้าเราที่สุดแล้ว

แต่ประเด็นคือไม่ใช่ทุกคลินิกที่ใช้ไหมอิตาลีร้อยหน้า ซึ่งก็ต้องเสียเวลามานั่งหาคลินิกอีกแล้ว(อยากขอบพระคุณกูเกิ้ล ถ้าไม่มีกูเกิ้ลชั้นไม่น่ารอด 555) ก็อ่านรีวิวเป็นบ้าเป็นหลังเลยช่วงนั้น จนสุดท้ายก็ตัดสินใจเลือก anjali clinic ไป เพราะเจอรีวิวที่วงในมาแล้วคนบอกว่าหมอที่นี่ใจดี บริการดี คลินิกสะอาดด้วย เออมันดีขนาดนี้ต้องลองแล้วล่ะว่าจะสมคำรีวิวไหม


ถ่ายหน้าร้านมานิดหน่อย แอนจาลีคลินิกเค้ามีสาขาเดียว อยากทำก็ตรงมาที่นี่ที่เดียวได้เลย พอเข้าไปข้างในคลินิกก็สมคำรีวิวนะ เพราะข้างในสะอาดดีจริงๆ พนักงานก็คุยดีด้วย นี่มาถึงก็ยืนยันเจตนารมย์ตัวเองเลยค่ะว่ามาเพื่อร้อยไหมอิตาลี ก็เลยได้เข้าไปพบคุณหมอเจี๊ยบเลย ให้คุณหมอมาวิเคราะห์หน้าเรา คุณหมอวิเคราะห์ละเอียดเลยค่ะ เอามาปากกามาวาดหน้าเราใหญ่เลย  (จักจี๋นิดหนึ่งนะ) แล้วหมอก็บอกว่าหน้าแบบเราเนี่ยไม่ได้หย่อนคล้อยอะไรมาก แต่ถ้าอยากให้หน้าดูเรียวก็ทำได้ เราก็ถามเขาว่าทำแล้วเห็นผลทันทีหลังทำเลยไหม หมอเขาก็บอกว่าเห็นผลทันทีเลยนะว่าหน้าดูเรียวกว่าเดิม แต่จะเข้าที่ที่สุดก็หลังจากผ่านไป 1-6 เดือนแล้ว นี่ก็เลยตกลงทำวันนั้นเลยจ้า

จริงๆคิดว่าการร้อยไหมมันจะต้องเจ็บมากกว่านี้แต่ปรากฏว่า เจ็บแค่ตอนฉีดยาชาเท่านั้นเอง เป็นเจ็บที่ทนได้ด้วยนะ และที่สำคัญคือใช้เวลาไม่ถึง30นาทีเลย คือไวมาก เหมือนหมอร้อยปุ๊บเสร็จเลย ลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างงงๆว่าอ้าวเสร็จแล้วเหรอ 5555 แถมคุณหมอยังบอกว่าคนที่มีแก้มเยอะๆแบบเราเนี่ย ยิ่งทำยิ่งเห็นผลดี

และนี่คือใบหน้าของเราด้านขวาคือด้านที่ยังไม่ทำ ส่วนด้านซ้ายเป็นด้านที่ทำแล้ว ลองสังเกตุข้างที่มีไหมคาอยู่ได้เลยนะคะ จะเห็นได้เลยว่าเรียวขึ้นกว่าอีกด้านเลยทันที แถมร่องแก้มดูยกขึ้นตามไปด้วย


อันนี้ให้พนักงานถ่ายให้หลังจากพึ่งร้อยไหมเสร็จเลย หน้าแบบกำลังมึนๆยาชาอยู่เลยเนี่ย 555 ว้าวมากที่มันไม่ช้ำไม่บวมเลย แล้วก็เห็นผลจริงๆหลังทำด้วย คือหน้าดูเรียวกว่าเดิมแบบสังเกตเห็นได้ ในรูปคือหน้าจริงๆของเราหลังทำเสร็จที่ไม่ผ่านแอพใดๆทั้งสิ้น มันเรียวขึ้นทันทีจริงๆ หมอเจี๊ยบบอกว่ามันจะเข้าที่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 6 เดือนคือจะเข้าที่ที่สุด แล้วก็จะสวยอยู่แบบนั้น 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลค่ะ หมดจากนี้ถ้ายังอยากร้อยไหมอีกก็สามารถมาร้อยใหม่ได้ด้วย อยากขอบคุณหมออีกอย่างคือหมอมือเบามาก รู้สึกแค่ตอนฉีดยาชานิดเดียว หลังจากนั้นคือแทบไม่รู้สึกเลยค่ะ

ส่วนข้อห้ามหลังการร้อยไหมอิตาลีแล้วก็มีตามนี้ค่ะ
      •    งดแต่งหน้าเป็นเวลาสั้นๆ
      •    เลี่ยงการนวดหน้าและกิจกรรมบางอย่างที่เกี่ยวกับหน้า
      •    สัมผัสผิวหน้าอย่างเบามือ
      •    ระวังการขยับใบหน้าและลำคอ

ทั้งหมดนี้เป็นข้อห้ามแบบเบสิคเลย อยากหน้าเรียวต้องห้ามทำนะคะ ไม่งั้นมันจะกระเทือนไปถึงไหมที่ร้อยมา นี่ปกติไม่ได้ยุ่งอะไรกับหน้ามากด้วยนอกจากทาครีมกับแต่งหน้า เลยไม่ค่อยยากเท่าไรสำหรับเรา ชิลล์ๆค่ะ


ขอโชว์หน้าหลังทำไป1อาทิตย์ค่ะ เราใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยไม่ต้องพักฟื้น เอาจริงช่วงแรกแทบไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำว่าเราพึ่งไปร้อยไหมมาเพราะว่ามันไม่มีร่องรอยอะไรบนหน้าเลย ไม่มีช้ำไม่มีบวม ดูปกติมากๆ แต่รู้สึกได้นะว่าหน้ากระชับขึ้น ที่ไม่โอเคอย่างหนึ่งก็คือการไม่แต่งหน้าออกไปข้างนอกเนี่ยแหละ แอบเขินเพราะปกติไม่เคยหน้าสดไปข้างนอกเลย


รูปนี้คือครบ1เดือนหลังไปทำมาแล้วค่ะ สามารถแต่งหน้าได้แล้ว เย้! จริงๆอย่างที่บอกไปว่าร้อยไหมอิตาลีจะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกอยู่แล้ว และ 6 เดือนจะเข้าที่ที่สุด แต่เรายังไม่ถึง 6 เดือน  เลยมาอัพเดตเดือนแรกก่อน 555 จะเห็นว่าหน้ากระชับขึ้นมาก เก็บกรอบหน้าหมด บรรดาเหนียง แก้ม และความกลมของใบหน้าคือหายไปเลย อีกอย่างคือดูเด็กลงด้วยเพราะไหมตัวนี้เขาช่วยกระตุ้นเรื่องคอลลาเจน สรุปก็คือเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือมาก จนตอนนี้เริ่มมีคนสังเกตเห็นและทักขึ้นมาแล้วว่าไปทำอะไรมาเนี่ยทำไมหน้าเรียวขึ้นอย่างนี้ ก็อยากจะตอบแบบดาราไปว่า… บ้าาาา ลดน้ำหนักเฉยๆ แต่ก็จะดูโกหกประชาชนไป เลยตอบตรงๆว่าร้อยไหมมาจ้า 555 เราปลื้มกับหน้าใหม่มากๆเพราะถ่ายรูปออกมาสวยทุกรูปเลย ไม่มีรูปไหนหน้าบาน ไม่ต้องเอียงมือถือใช้แอปบีบหน้าอีกต่อไปแล้ว
ชื่อสินค้า:   Anjali Clinic
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่