นำคำกลอนที่เคยแต่งมาต่อกันในวันพระ
และเป็นวันพฤหัสบดีครับ
แปลกใจอยู่เหมือนกันนะ
ทำไมเวลามองพระจันทร์
มันทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกเดียวดาย
ยังไงก็ไม่รู้
จันทร์ยามนี้ มิฉายแสง ดังแกล้งหมาย
ดาราราย ให้เหว่ว้า หาสดใส
ฟ้าก็หม่น คนก็เศร้า คราเคล้าไป
ดังดวงใจ..ที่รักมั่น พลันพร่าลง
แผ่วเสียงเศร้า เฝ้าบอกฟ้า ข้าใจภักดิ์
ยังคงรัก แม้ห่างไกล ใช่ลืมหลง
รอจันทร์ฉาย ได้เอ่ยความ ตอบตามตรง
ใจยังคง มั่นรักแท้ หรือแปร(เปลี่ยน)ไป
ค่ำคืนนี้ อินทุคล้อย โสมลอยลับ
สิตางศุ์วับ มาสเคลื่อนคลา กลาไหว
แขไขส่อง ศศิแกล้ง จันทร์แสร้งใจ
บริมาส คงวาดให้ ใจตรมตรอม
จะกี่ชื่อ คือจันทร์ใส ในใจนี้
จะกี่วัน คือจันทร์ที่ ใจถนอม
จะกี่เดือน คือจันทร์ให้ ใจไม่ปลอม
จะกี่ปี ที่จันทร์ยอม น้อม(ใจ)ลงมา
ชมดารา รายล้อมจันทร์ ให้พลันคิด
ไยมิ่งมิตร สร้างสนเท่ห์ เสน่หา
เคยผูกพัน ครั้นครั้งก่อน รอนแรมมา
ได้ชมชิด ติดอุรา พาสุขใจ
แต่คราวนี้ ดังเดือนดับ ฟ้าอับแสง
ดั่งใครแกล้ง แบ่งใจเจ้า เอาไปไหน
บอกหมดรัก ทิ้งพี่ยา ให้อาลัย
จำจากไป ใจจากจร นอนน้ำตา
คนเปลี่ยนใจ ใครเปลี่ยนจน วกวนนัก
ปิดใจภักดิ์ ปักใจพิศ ผิดหนักหนา
ค่ำเศร้าสร้อย คอยเศร้าซ้ำ ช้ำน้ำตา
คืนฝนพรำ ค่ำฝนพา แรมลาไกล
ขอลาแล้ว แคล้วลารอ ขอลาลับ
จนเดือนดับ จับเดือนดล พ้นวิสัย
ครวญใจเศร้า เคล้าใจซวน รวนเรไป
ใครลากัน ครั้นลาไกล ไม่หวนคืน
ปล. สองบทสุดท้ายใช้แบบกลบทคำผวน มีควาหมายทั้งไปและกลับครับ
จันทร์ใส ในความรู้สึก