https://www.bbc.com/news/world-latin-america-55699535
แต่ไม่ใช่เริ่มจากรัฐบาลกลางที่ ปธน ต่อต้านวัคซีนและออกข่าวเสมอว่า โควิด มันก็แค่หวัดน้อยๆ ธรรมดาๆ
ข่าวรายงานว่า เริ่มฉีดจากรัฐ São Paulo ที่เป็นรัฐใหญ่สุดแต่ติดเชื้อมากสุดตายมากสุดเช่นกัน หลังจาก Anvisa (อย. บราซีล) อนุมัติให้วัคซีนจาก Oxford และ Sinovac ผ่านการใช้แบบฉุกเฉินในประเทศได้
บราซิลมีผู้ป่วยและตายมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐ และอินเดีย
อินเดีย ก็เริ่มฉีดวัคซีนให้แก่บุคคลากรทางการแพย์ก่อนในวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งมีราวๆ 16 ล้านคน จากนั้นก็จะฉีดให้คนอายุ 50+ ขึ้นไป + คนที่ต่ำกว่า 50 แต่มีโรคแทรกซ้อน ก่อน คาดว่าภายในปีนี้จะฉีดได้ถึง 300 คนจากประชากรกว่า พันล้านคน
วัคซีนที่ได้รับอนุมัติจาก Oxford มีชื่อในอินเดียว่า Covishield และ Covaxin จากบริษัทยาอินเดีย Bharat Biotech.
https://www.bbc.com/news/world-asia-india-55632782
ทั้งสองประเทศไม่ตาม ตย อินโดนีเซียที่ฉีดให้บุคคลากรทางการแพทย์ ตามมาด้วยคนวัยทำงานก่อน (15-59) ส่วนคนแก่ไว้หลังสุด เด็กไม่มีข่าวว่าจะฉีดให้ เพราะประเทศด้อยพัฒนา หรือกำลังพัฒนา ไม่ต้องการฉีดให้ทุกคน เพราะแค่ 60% ก็ป้องกันได้ทั่วประเทศแล้ว (herd immunity) เป็นการประหยัดงบประมาณ
ทั้งสองประเทศ และทุกประเทศที่ฉีดแล้ว และจะฉีดในปีนี้ ไม่มีการบังคับ ใครอยากฉีดก็มาฉีด ใครไม่อยากก็อยู่เฉยๆ ไม่ว่ากัน
หลังจากอินโดนีเซีย ตุรกี เริ่มฉีดวัคซีนจาก Sinovac วันนี้ก็มีข่าวบราซิลก็เริ่มฉีดวัคซีนจีนและ Oxford ไทยเดือนหน้า?
แต่ไม่ใช่เริ่มจากรัฐบาลกลางที่ ปธน ต่อต้านวัคซีนและออกข่าวเสมอว่า โควิด มันก็แค่หวัดน้อยๆ ธรรมดาๆ
ข่าวรายงานว่า เริ่มฉีดจากรัฐ São Paulo ที่เป็นรัฐใหญ่สุดแต่ติดเชื้อมากสุดตายมากสุดเช่นกัน หลังจาก Anvisa (อย. บราซีล) อนุมัติให้วัคซีนจาก Oxford และ Sinovac ผ่านการใช้แบบฉุกเฉินในประเทศได้
บราซิลมีผู้ป่วยและตายมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐ และอินเดีย
อินเดีย ก็เริ่มฉีดวัคซีนให้แก่บุคคลากรทางการแพย์ก่อนในวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งมีราวๆ 16 ล้านคน จากนั้นก็จะฉีดให้คนอายุ 50+ ขึ้นไป + คนที่ต่ำกว่า 50 แต่มีโรคแทรกซ้อน ก่อน คาดว่าภายในปีนี้จะฉีดได้ถึง 300 คนจากประชากรกว่า พันล้านคน
วัคซีนที่ได้รับอนุมัติจาก Oxford มีชื่อในอินเดียว่า Covishield และ Covaxin จากบริษัทยาอินเดีย Bharat Biotech.
https://www.bbc.com/news/world-asia-india-55632782
ทั้งสองประเทศไม่ตาม ตย อินโดนีเซียที่ฉีดให้บุคคลากรทางการแพทย์ ตามมาด้วยคนวัยทำงานก่อน (15-59) ส่วนคนแก่ไว้หลังสุด เด็กไม่มีข่าวว่าจะฉีดให้ เพราะประเทศด้อยพัฒนา หรือกำลังพัฒนา ไม่ต้องการฉีดให้ทุกคน เพราะแค่ 60% ก็ป้องกันได้ทั่วประเทศแล้ว (herd immunity) เป็นการประหยัดงบประมาณ
ทั้งสองประเทศ และทุกประเทศที่ฉีดแล้ว และจะฉีดในปีนี้ ไม่มีการบังคับ ใครอยากฉีดก็มาฉีด ใครไม่อยากก็อยู่เฉยๆ ไม่ว่ากัน