ผมเพิ่งไปดูในโรงมาในฐานะที่เป็นอดีตโอตะ Sailor Moon (ที่มี Sailor Venus เป็นคามิโอชิ) ครับ
ขอเขียนความรู้สึกที่มีต่อหนังโดยคร่าวๆดังนี้
จุดเด่น
- เนื้อเรื่องดัดแปลงมาจากเนื้อหาครึ่งแรกของ Dream Arc ฉบับมังงะ (เทียบเท่า Sailor Moon ฉบับ Toei ภาค SS) โดยจะจบลงที่บท Venus Dream (แต่จะไม่มีเนื้อหาตอน 3 ตอนพิเศษอย่าง Makoto's Melancholy, Ami's First Love, Rei and Minako's Girls School Battle) แฟนมังงะจะถูกใจตรงที่ได้ดูเนื้อเรื่องตามมังงะ ส่วนแฟนที่เป็นสายอนิเมะที่ไม่ได้อ่านมังงะมาก่อน ก็น่าจะถูกใจตรงที่ได้ดูเนื้อเรื่องใหม่
- ในขณะเดียวกัน ตัวหนังก็เอาใจแฟนคลับสายอนิเมะฉบับ Toei ด้วย เพราะลายเส้นจะกลับไปใช้รูปแบบเดียวกับ Sailor Moon ฉบับ Toei ปี 90 อีกครั้งท่าแปลงร่างและท่าโจมตีก็จะยึดตามที่ Animation 2D ที่ปรากฏใน Sailor Moon SS ของ Toei แต่จะมีการดัดแปลงรายละเอียดนิดหน่อย และมีการเพิ่มคุณภาพ animation ตามยุคสมัย ให้ความรู้สึกที่สวยงามกว่าเดิม
- มีทั้งเพลงใหม่ของ Momo Clover Z และเพลงเก่าจากภาค SS อย่าง Baby Baby Love มา Cover ใหม่
- แฟนคลับของมินาโกะจังน่าจะดีใจ เพราะเนื้อเรื่องในส่วนของเธอถือว่าเด่นกว่าของคนอื่นอยู่พอสมควร แถมยังเป็นคนเดียวในกลุ่มที่มีฉากโชว์เซ็กซี่ (เบาๆ) อีกด้วย
จุดด้อย
- การเดินเรื่องรีบเกินไป เพราะหนังมีความยาวเพียงชั่วโมงครึ่ง ปมต่างๆของตัวละครจึงไม่ได้รับการลงรายละเอียดให้คนดูอินตามได้เท่าไรนัก
(ในความเห็นส่วนตัวของผม แม้อนิเมฉบับ Toei จะมี Filler เยอะก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหลัก แต่มันก็ช่วยให้คนดูได้รู้จักนิสัยใจคอของ Sailor แต่ละคนมากขึ้น แล้วรู้สึกผูกพันไปด้วย)
- คนเขียนบทเดินเรื่องตามมังงะเกินไป พอหมดเนื้อหาของตัวละครตัวหนึ่งแล้ว ก็กระโดดไปยังเนื้อเรื่องของอีกตัวละครเลยโดยไม่มีการเชื่อมให้ลื่นไหลเท่าไร เวลาดูเลยให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าผมกำลังดูอนิเมทีวีติดต่อกัน 5 ตอนแบบตัดเพลงเปิดเพลงปิด แทนที่จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังดูหนัง 1 เรื่อง
- องค์ประกอบบางอย่างไม่ได้ปรับให้เข้ากับยุคสมัย เลยให้อาจทำให้คนดูที่เป็นคนรุ่นใหม่รู้สึกว่าเชยได้
- ฉากบู๊มีไม่มากนัก แทนที่ตัวละครจะสู้กันแบบเห็นการเคลื่อนไหวชัดเจนตามที่เห็นใน Sailor Moon Crystal ตัวหนังก็เลือกกลับไปเลือกใช้แนวทางของ Sailor Moon ฉบับ Toei แทน(ใช้ Stock Footage / ตัวละครฝ่ายนางเอกไม่รู้จักหลบ/ ถ้าเป็นตัวร้ายที่ถึงคิวตายก็จะยิงโดน ถ้ายังไม่ถึงคิวตายก็จะกันหรือหลบได้)
- ถึงจะมีเพลงที่เพราะ แต่ก็เอาเพลงไปเปิดตอนขึ้นเครดิตเสียหมด ถ้าเอามาใช้เป็น Insert song ระหว่างเรื่องจะให้อารมณ์ร่วมมากกว่านี้
ภาพรวม
- ถึงจะไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีจนถึงขนาดไม่ควรพลาด ถือว่าอยู่ในระดับดูเพลินๆแก้คิดถึงกันได้ แต่ถึงอย่างไรผมก็จะตามไปดู Part 2 ครับ (ถ้าทางโรงหนังที่ญี่ปุ่นไม่เลื่อนวันฉายเสียก่อนจากการประกาศภาวะฉุกเฉิน)
- ถ้าเอาเนื้อเรื่อง Sailor Moon Eternal ทั้ง 2 partไปทำเป็นอนิเมเป็นทีวีซีรี่ย์เหมือน 3 Season ก่อน โดยที่ให้อัศวิน Sailor แต่ละคนมีตอนเฉพาะของตัว
เองไปเลยแบบลงรายละเอียด และมีเนื้อเรื่องจากตอนพิเศษในมังงะเพิ่มเข้ามาเป็น Filler ด้วยจะดีมาก
- ในความเห็นของผม หากค่ายอนิเมจะนำ Sailor Moon ไปทำเป็นหนังฉายโรงในโอกาสหน้า (หลัง Sailor Moon Eternal Part 2) แนะนำว่าควรทำเป็น Original Story ไปเลย (เหมือนตอนที่ทำ Sailor Moon R และ S ภาค Movie) จะ work กว่าครับ
Sailor Moon: Eternal (Part 1) - ภาพสวยในลายเส้นที่คุ้นเคย เนื้อเรื่องตามมังงะ แต่ยังแปลงบทได้ไม่กลมกล่อม
ขอเขียนความรู้สึกที่มีต่อหนังโดยคร่าวๆดังนี้
จุดเด่น
- เนื้อเรื่องดัดแปลงมาจากเนื้อหาครึ่งแรกของ Dream Arc ฉบับมังงะ (เทียบเท่า Sailor Moon ฉบับ Toei ภาค SS) โดยจะจบลงที่บท Venus Dream (แต่จะไม่มีเนื้อหาตอน 3 ตอนพิเศษอย่าง Makoto's Melancholy, Ami's First Love, Rei and Minako's Girls School Battle) แฟนมังงะจะถูกใจตรงที่ได้ดูเนื้อเรื่องตามมังงะ ส่วนแฟนที่เป็นสายอนิเมะที่ไม่ได้อ่านมังงะมาก่อน ก็น่าจะถูกใจตรงที่ได้ดูเนื้อเรื่องใหม่
- ในขณะเดียวกัน ตัวหนังก็เอาใจแฟนคลับสายอนิเมะฉบับ Toei ด้วย เพราะลายเส้นจะกลับไปใช้รูปแบบเดียวกับ Sailor Moon ฉบับ Toei ปี 90 อีกครั้งท่าแปลงร่างและท่าโจมตีก็จะยึดตามที่ Animation 2D ที่ปรากฏใน Sailor Moon SS ของ Toei แต่จะมีการดัดแปลงรายละเอียดนิดหน่อย และมีการเพิ่มคุณภาพ animation ตามยุคสมัย ให้ความรู้สึกที่สวยงามกว่าเดิม
- มีทั้งเพลงใหม่ของ Momo Clover Z และเพลงเก่าจากภาค SS อย่าง Baby Baby Love มา Cover ใหม่
- แฟนคลับของมินาโกะจังน่าจะดีใจ เพราะเนื้อเรื่องในส่วนของเธอถือว่าเด่นกว่าของคนอื่นอยู่พอสมควร แถมยังเป็นคนเดียวในกลุ่มที่มีฉากโชว์เซ็กซี่ (เบาๆ) อีกด้วย
จุดด้อย
- การเดินเรื่องรีบเกินไป เพราะหนังมีความยาวเพียงชั่วโมงครึ่ง ปมต่างๆของตัวละครจึงไม่ได้รับการลงรายละเอียดให้คนดูอินตามได้เท่าไรนัก
(ในความเห็นส่วนตัวของผม แม้อนิเมฉบับ Toei จะมี Filler เยอะก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหลัก แต่มันก็ช่วยให้คนดูได้รู้จักนิสัยใจคอของ Sailor แต่ละคนมากขึ้น แล้วรู้สึกผูกพันไปด้วย)
- คนเขียนบทเดินเรื่องตามมังงะเกินไป พอหมดเนื้อหาของตัวละครตัวหนึ่งแล้ว ก็กระโดดไปยังเนื้อเรื่องของอีกตัวละครเลยโดยไม่มีการเชื่อมให้ลื่นไหลเท่าไร เวลาดูเลยให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าผมกำลังดูอนิเมทีวีติดต่อกัน 5 ตอนแบบตัดเพลงเปิดเพลงปิด แทนที่จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังดูหนัง 1 เรื่อง
- องค์ประกอบบางอย่างไม่ได้ปรับให้เข้ากับยุคสมัย เลยให้อาจทำให้คนดูที่เป็นคนรุ่นใหม่รู้สึกว่าเชยได้
- ฉากบู๊มีไม่มากนัก แทนที่ตัวละครจะสู้กันแบบเห็นการเคลื่อนไหวชัดเจนตามที่เห็นใน Sailor Moon Crystal ตัวหนังก็เลือกกลับไปเลือกใช้แนวทางของ Sailor Moon ฉบับ Toei แทน(ใช้ Stock Footage / ตัวละครฝ่ายนางเอกไม่รู้จักหลบ/ ถ้าเป็นตัวร้ายที่ถึงคิวตายก็จะยิงโดน ถ้ายังไม่ถึงคิวตายก็จะกันหรือหลบได้)
- ถึงจะมีเพลงที่เพราะ แต่ก็เอาเพลงไปเปิดตอนขึ้นเครดิตเสียหมด ถ้าเอามาใช้เป็น Insert song ระหว่างเรื่องจะให้อารมณ์ร่วมมากกว่านี้
ภาพรวม
- ถึงจะไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีจนถึงขนาดไม่ควรพลาด ถือว่าอยู่ในระดับดูเพลินๆแก้คิดถึงกันได้ แต่ถึงอย่างไรผมก็จะตามไปดู Part 2 ครับ (ถ้าทางโรงหนังที่ญี่ปุ่นไม่เลื่อนวันฉายเสียก่อนจากการประกาศภาวะฉุกเฉิน)
- ถ้าเอาเนื้อเรื่อง Sailor Moon Eternal ทั้ง 2 partไปทำเป็นอนิเมเป็นทีวีซีรี่ย์เหมือน 3 Season ก่อน โดยที่ให้อัศวิน Sailor แต่ละคนมีตอนเฉพาะของตัว
เองไปเลยแบบลงรายละเอียด และมีเนื้อเรื่องจากตอนพิเศษในมังงะเพิ่มเข้ามาเป็น Filler ด้วยจะดีมาก
- ในความเห็นของผม หากค่ายอนิเมจะนำ Sailor Moon ไปทำเป็นหนังฉายโรงในโอกาสหน้า (หลัง Sailor Moon Eternal Part 2) แนะนำว่าควรทำเป็น Original Story ไปเลย (เหมือนตอนที่ทำ Sailor Moon R และ S ภาค Movie) จะ work กว่าครับ