ทางการ!ดาร์บี้ตั้งรูนี่ย์เป็นกุนซือถาวร
ดาร์บี้ เคาน์ตี้ สโมสรในศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ประกาศแต่งตั้งให้ เวย์น รูนี่ย์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ทำหน้าที่ผู้จัดการทีมแบบถาวรอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา โดยเซ็นสัญญาคุมทัพเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง
รูนี่ย์ วัย 35 ปี ทำหน้าที่เป็นกุนซือชั่วคราวให้กับ "แกะเขาเหล็ก" ตั้งแต่สโมสรสั่งปลด ฟิลลิป โคคู เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา เนื่องจากทำผลงานย่ำแย่ชนะแค่เกมเดียวจาก 13 นัดแรกของฤดูกาล 2020/21 จนทีมหล่นไปอยู่อันดับสุดท้ายของตารางคะแนน
หลังจาก อดีตดาวยิง แมนฯ ยูไนเต็ด รับบทบาทกุนซือขัดตาทัพก็ช่วยให้ ดาร์บี้ มีผลงานกระเตื้องขึ้นโดยแพ้ไปแค่ 2 เกมจาก 9 นัด ขึ้นมาอยู่อันดับ 22 ของตาราง และมีโอกาสหนีโซนตกชั้นหากชนะ ร็อตเธอร์แฮม วันเสาร์ที่ 16 ม.ค. นี้
สำหรับทีมงานของ รูนี่ย์ ทั้ง เลียม โรซีเนียร์, เชย์ กิฟเว่น และ จัสติน วอล์คเกอร์ จะได้ร่วมกันทำหน้าที่ต่อไป
cr : www.siamsport.co.th
รูนี่ย์ประกาศแขวนสตั๊ดเดินหน้าคุมดาร์บี้เต็มตัว
ขอให้โชคดีกับบทบาทใหม่ เวย์น รูนี่ย์ แขวนสตั๊ดแล้ว หลังโลดแล่นอยู่ในสนามมาอย่างยาวนานเกือบ 20 ปี
เวย์น รูนี่ย์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศอำลาสนามในฐานะนักฟุตบอลอาชีพแล้ว หลังได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ผู้จัดการทีม ดาร์บี้ เคาน์ตี้ แบบถาวร เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา โดยเซ็นสัญญาคุมทัพเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง
รูนี่ย์ วัย 35 ปี ทำหน้าที่เป็นนักเตะควบกุนซือชั่วคราวให้กับ "แกะเขาเหล็ก" ตั้งแต่สโมสรสั่งปลด ฟิลลิป โคคู เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เนื่องจากทำผลงานย่ำแย่ชนะแค่เกมเดียวจาก 13 นัดแรกของฤดูกาล 2020/21 จนทีมหล่นไปอยู่อันดับสุดท้ายของตารางคะแนน
หลังจาก รูนี่ย์ รับบทบาทกุนซือขัดตาทัพก็ช่วยให้ ดาร์บี้ มีผลงานกระเตื้องขึ้นโดยแพ้ไปแค่ 2 เกมจาก 9 นัด ขึ้นมาอยู่อันดับ 22 ของตาราง และมีโอกาสหนีโซนตกชั้นหากชนะ ร็อตเธอร์แฮม วันเสาร์ที่ 16 ม.ค. นี้
ผลงานของ รูนี่ย์ สมัยค้าแข้ง
แชมป์ พรีเมียร์ลีก: 5 สมัย
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : 1 สมัย
เอฟเอ คัพ: 1 สมัย
ลีก คัพ : 3 สมัย
ยูโรปา ลีก : 1 สมัย
สโมสรโลก : 1 สมัย
ทีมชาติอังกฤษ 120 นัด 53 ประตู
cr : www.siamsport.co.th
เราเพื่อนรักกัน! "รูนี่ย์" เผยปรึกษาเจอร์ราร์ดก่อนตัดสินใจคุมดาร์บี้ถาวร
เวย์น รูนี่ย์ ผู้จัดการทีมดาร์บี้ เคาน์ตี้ เผยตนมีโอกาสได้ปรึกษาหารือกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีมลิเวอร์พูล ซึ่งปัจจุบันคุม เรนเจอร์ส ก่อนที่จะตัดสินใจกระโดดเข้ารับงานกุมบังเหียน "แกะเขาเหล็ก" ถาวร
"รูน" ทำหน้าที่เป็นนักเตะควบกุนซือชั่วคราวให้กับ "แกะเขาเหล็ก" ตั้งแต่สโมสรสั่งปลด ฟิลลิป โคคู เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เนื่องจากทำผลงานย่ำแย่ชนะแค่เกมเดียวจาก 13 นัดแรกของฤดูกาล 2020/21 จนทีมหล่นไปอยู่อันดับสุดท้ายของตารางคะแนน
หลังจาก รูนี่ย์ รับบทบาทกุนซือขัดตาทัพก็ช่วยให้ ดาร์บี้ มีผลงานกระเตื้องขึ้นโดยแพ้ไปแค่ 2 เกมจาก 9 นัด ขึ้นมาอยู่อันดับ 22 ของตาราง และมีโอกาสหนีโซนตกชั้นหากชนะ ร็อตเธอร์แฮม วันเสาร์ที่ 16 ม.ค. นี้
ตำนานดาวยิง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่าตนได้พูดคุยกับกุนซือหลายๆ คนก่อนหน้านี้รวมทั้ง เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีมลิเวอร์พูล ที่มีประสบการณ์ในการคุมทีมเรนเจอร์ส ตั้งแต่ปี 2018 ก่อนที่จะรับงานผู้จัดการทีมถาวร
"ช่วงเวลาที่ผมต้องหยุดเล่นมาถึงแล้ว ผมทำใจกับเรื่องนี้มาตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ผมก็ได้พบกับเรื่องที่น่าตื่นเต้นครั้งใหม่ การได้เติมเต็มศักยภาพของผมในฐานะผู้จัดการทีม เป็นเรื่องที่ผมตื่นเต้นมากๆ ผมได้พูดคุยกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เมื่อวานนี้ แน่นอนว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของผม ผมได้พูดคุยกับเขาและเป็นเรื่องดีมากๆ ที่เราได้คุยกัน"
"แน่นอนว่าผมได้คุยกับนักเตะบางคนที่อายุมากกว่าผม ผมเพิ่งเข้ามาสู่เส้นทางการเป็นผู้จัดการทีมในช่วงอายุยังน้อย เราอาจจะมีแนวคิดแตกต่างกัน สไตล์ไม่เหมือนกัน เราพยายามที่จะทำให้ทุกอย่างเข้ากัน ไม่มีเรื่องแย่ๆ ในการพูดคุยกับพวกเขา และยังได้เรียนรู้ประสบการณ์จากพวกเขา รวมทั้งสิ่งที่พวกเขาได้เจอในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา" รูนี่ย์ ระบุ
cr ; www.siamsport.co.th
รวม 10 สุดยอดโมเมนต์ "เวย์น รูนี่ย์" ในฐานะนักฟุตบอล
เวย์น รูนี่ย์ อดีตยอดกองหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เอฟเวอร์ตัน, ดีซี ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ ตอนนี้ได้กลายเป็น "อดีต" นักฟุตบอลอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่เจ้าตัวประกาศรีไทร์เรียบร้อย เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา พร้อมกับได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีม ดาร์บี้ เค้าน์ตี้ สโมสรดังในศึก แชมเปี้ยนชิพ แบบเต็มตัวทันที หลังจากที่ "รูน" ทำหน้าที่เป็นนักเตะควบกุนซือ "แกะเขาเหล็ก" ชั่วคราว นับตั้งแต่สโมสรปลด ฟิลลิป โคคู เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รูนี่ย์ ถือเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในวงการลูกหนังเมืองผู้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ "ปีศาจแดง" ที่เขาครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร (253 ประตู) รวมถึงกับทีมชาติอังกฤษ (53 ประตู) ด้วย และนี่คือ 10 เหตุการณ์สำคัญที่มีทั้งดีและแย่ของเจ้าตัวตลอดระยะเวลาร่วม 19 ปี ในอาชีพพ่อค้าแข้ง (อ้างอิงจากเว็บไซต์ mirror.co.uk)
- ประตูแจ้งเกิด... จำชื่อเขาไว้ให้ดี เวย์น รูนี่ย์!
เชื่อว่าเป็นโมเมนต์ที่แฟนบอลหลายคนคงจำได้ดี รวมถึง เดวิด ซีแมน ตำนานนายทวาร อาร์เซน่อล ด้วย!!! เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้โลกฟุตบอลได้รู้จักกับแข้งดาวรุ่งพุ่งแรงของ เอฟเวอร์ตัน ที่ชื่อว่า เวย์น รูนี่ย์ กับการที่เจ้าตัวทำประตูชัยในนาทีที่ 90 ด้วยลูกยิงไกลอันสุดสวยในเกมลีกนัดที่ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เปิดรัง กูดิสัน พาร์ค พิชิต "ไอ้ปืนใหญ่" 2-1 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2002 ซึ่งนอกจากเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในลีกแล้ว ยังทำให้ "รูน" กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ (ณ เวลานั้น) ที่ทำประตูในศึก พรีเมียร์ลีก ได้อีกด้วย ด้วยวัย 16 ปี กับ 360 วัน พร้อมกับเป็นการหยุดสถิติไร้พ่ายในลีกติตต่อกันของ อาร์เซน่อล ไว้ที่ 30 นัด
- เสื้อยืดพร้อมข้อความในตำนาน
"Once a Blue, always a Blue" (แปลง่ายๆ ก็คือ เมื่อเกิดเป็นสีน้ำเงินแล้ว ก็จะเป็นสีน้ำเงินตลอดไป) นี่คือข้อความบนเสื้อยืดที่ รูนี่ย์ เปิดโชว์ให้เห็น หลังทำประตูใส่ แอสตัน วิลล่า ในศึก เอฟเอ ยูธ คัพ เมื่อปี 2002 ซึ่งถึงแม้ข้อความนี้จะย้อนกลับมาทำลายเจ้าตัวในภายหลัง กับการที่ตัดสินใจย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ รูนี่ย์ ยังคงเป็นที่รักของแฟนบอล "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เสมอ
- เปิดยิงกับ "ปีศาจแดง" ด้วยแฮตทริก
รูนี่ย์ อำลาถิ่น กูดิสัน พาร์ค ย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2004 และเกมแรกของเจ้าตัวในสีเสื้อ "ปีศาจแดง" เบอร์ 8 นั้น เกิดขึ้นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ดวลกับ เฟเนร์บาห์เช่ ยอดทีมจากตุรกี เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2004 ซึ่งถือเป็นการเดบิวต์ที่สุดอลังการมากๆ สำหรับเจ้าตัว เพราะนอกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าชัยสวยหรูด้วยสกอร์ 6-2 แล้ว รูนี่ย์ ยังทำแฮตทริกได้ด้วย ซึ่งแต่ละประตูที่ทำได้ก็สวยๆ ทั้งนั้น
- ยิงสนั่นพังตาข่าย นิวคาสเซิ่ล
ถือเป็นอีกหนึ่งประตูแห่งความทรงจำของ รูนี่ย์ เลยก็ว่าได้ ซึ่งเกิดขึ้นในเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเชือด นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-1 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2005 โดยเป็นลูกยิงตีเสมอ 1-1 ที่เจ้าตัวหวดวอลเลย์เต็มเท้าขวา ส่งบอลเช็ดใต้คานเข้าไปอย่างสุดสวย หมดสิทธ์ที่ เชย์ กิฟเว่น นายทวาร "สาลิกาดง" จะป้องกันได้
- โอเวอร์เฮดคิกปลิดชีพ "เรือใบสีฟ้า"
เมื่อพูดถึง เวย์น รูนี่ย์ ย่อมคิดถึงประตูนี้ สำหรับลูกยิงจักรยานอากาศอันทรงพลังที่เจ้าตัวกดใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมคู่ปรับร่วมเมือง ในศึก พรีเมียร์ลีก ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2011 ซึ่งถือเป็นประตูที่ช่วยให้ "ปีศาจแดง" คว้าชัยด้วยสกอร์ 2-1 ด้วย
- ยิง เวสต์แฮม จากครึ่งสนาม!!!
ไม่ใช่เรื่องเกินเลยที่จะบอกว่า รูนี่ย์ เป็นดาวยิงที่ทำประตูได้ทุกรูปแบบ และทำได้จากทุกระยะ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่เจ้าตัวสบโอกาสยิงประตูจากบริเวณครึ่งสนามในเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกสอย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-0 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2014 และหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ทำประตูจากระยะแบบนี้ใส่ "ขุนค้อน" ได้อีกครั้ง ตอนกลับมาเล่นให้ เอฟเวอร์ตัน ในเกมลีกนัดที่เปิดบ้านถล่ม เวสต์แฮม 4-0 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2017 ซึ่งเกมนี้เจ้าตัวทำแฮตทริกได้ด้วย
- สร้างชื่อในศึก ยูโร 2004
ศึก ยูโร 2004 ที่ประเทศโปรตุเกส ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับทีมชาติรายการแรกสำหรับ รูนี่ย์ ที่ตอนนั้นเพิ่งอายุแค่ 18 ปีกว่าๆ แต่เจ้าตัวกลับสามารถแจ้งเกิดได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการทำไปถึง 4 ประตู คว้าตำแหน่งรองดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ ร่วมกับ รุด ฟาน นิสเตลรอย ดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์ (มิลาน บารอส ของทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก ครองอันดับหนึ่งที่ 5 ประตู) แถมมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ด้วย ถึงแม้ อังกฤษ จอดป้ายแค่รอบก่อนรองชนะเลิศ (แพ้ดวลจุดโทษ โปรตุเกส) ก็ตาม
- ย่ำโหดใส่คาร์วัลโญ่
หลังจากที่แจ้งเกิดในศึก ยูโร 2004 จนกลายเป็นที่จับตามองในเวทีระดับนานาชาติเรียบร้อย ทว่าทัวร์นาเมนต์ใหญ่รายการต่อมาอย่างศึก เวิลด์ คัพ 2006 ที่ประเทศเยอรมนี รูนี่ย์ กลับมีความทรงจำที่ไม่ดีนัก เพราะนอกจากทำประตูไม่ได้ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์แล้ว เจ้าตัวยังได้รับใบแดงจากจังหวะย่ำโหดใส่กล่องดวงใจของ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ปราการหลังทีมชาติโปรตุเกส ระหว่างเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ (อังกฤษ แพ้ดวลจุดโทษอีกแล้ว) แถมเหตุการณ์นี้เกือบมีเรื่องกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพื่อนร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เล่นให้ทางฝั่งทัพ "ฝอยทอง" อีกด้วย
(มีต่อ)
ทางการ! ดาร์บี้ตั้งรูนี่ย์เป็นกุนซือถาวร & รวม 10 สุดยอดโมเมนต์ "เวย์น รูนีย์" ในฐานะนักฟุตบอล (มี clip)
ดาร์บี้ เคาน์ตี้ สโมสรในศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ประกาศแต่งตั้งให้ เวย์น รูนี่ย์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ทำหน้าที่ผู้จัดการทีมแบบถาวรอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา โดยเซ็นสัญญาคุมทัพเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง
รูนี่ย์ วัย 35 ปี ทำหน้าที่เป็นกุนซือชั่วคราวให้กับ "แกะเขาเหล็ก" ตั้งแต่สโมสรสั่งปลด ฟิลลิป โคคู เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา เนื่องจากทำผลงานย่ำแย่ชนะแค่เกมเดียวจาก 13 นัดแรกของฤดูกาล 2020/21 จนทีมหล่นไปอยู่อันดับสุดท้ายของตารางคะแนน
หลังจาก อดีตดาวยิง แมนฯ ยูไนเต็ด รับบทบาทกุนซือขัดตาทัพก็ช่วยให้ ดาร์บี้ มีผลงานกระเตื้องขึ้นโดยแพ้ไปแค่ 2 เกมจาก 9 นัด ขึ้นมาอยู่อันดับ 22 ของตาราง และมีโอกาสหนีโซนตกชั้นหากชนะ ร็อตเธอร์แฮม วันเสาร์ที่ 16 ม.ค. นี้
สำหรับทีมงานของ รูนี่ย์ ทั้ง เลียม โรซีเนียร์, เชย์ กิฟเว่น และ จัสติน วอล์คเกอร์ จะได้ร่วมกันทำหน้าที่ต่อไป
cr : www.siamsport.co.th
รูนี่ย์ประกาศแขวนสตั๊ดเดินหน้าคุมดาร์บี้เต็มตัว
ขอให้โชคดีกับบทบาทใหม่ เวย์น รูนี่ย์ แขวนสตั๊ดแล้ว หลังโลดแล่นอยู่ในสนามมาอย่างยาวนานเกือบ 20 ปี
เวย์น รูนี่ย์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศอำลาสนามในฐานะนักฟุตบอลอาชีพแล้ว หลังได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ผู้จัดการทีม ดาร์บี้ เคาน์ตี้ แบบถาวร เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา โดยเซ็นสัญญาคุมทัพเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง
รูนี่ย์ วัย 35 ปี ทำหน้าที่เป็นนักเตะควบกุนซือชั่วคราวให้กับ "แกะเขาเหล็ก" ตั้งแต่สโมสรสั่งปลด ฟิลลิป โคคู เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เนื่องจากทำผลงานย่ำแย่ชนะแค่เกมเดียวจาก 13 นัดแรกของฤดูกาล 2020/21 จนทีมหล่นไปอยู่อันดับสุดท้ายของตารางคะแนน
หลังจาก รูนี่ย์ รับบทบาทกุนซือขัดตาทัพก็ช่วยให้ ดาร์บี้ มีผลงานกระเตื้องขึ้นโดยแพ้ไปแค่ 2 เกมจาก 9 นัด ขึ้นมาอยู่อันดับ 22 ของตาราง และมีโอกาสหนีโซนตกชั้นหากชนะ ร็อตเธอร์แฮม วันเสาร์ที่ 16 ม.ค. นี้
ผลงานของ รูนี่ย์ สมัยค้าแข้ง
แชมป์ พรีเมียร์ลีก: 5 สมัย
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : 1 สมัย
เอฟเอ คัพ: 1 สมัย
ลีก คัพ : 3 สมัย
ยูโรปา ลีก : 1 สมัย
สโมสรโลก : 1 สมัย
ทีมชาติอังกฤษ 120 นัด 53 ประตู
cr : www.siamsport.co.th
เราเพื่อนรักกัน! "รูนี่ย์" เผยปรึกษาเจอร์ราร์ดก่อนตัดสินใจคุมดาร์บี้ถาวร
เวย์น รูนี่ย์ ผู้จัดการทีมดาร์บี้ เคาน์ตี้ เผยตนมีโอกาสได้ปรึกษาหารือกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีมลิเวอร์พูล ซึ่งปัจจุบันคุม เรนเจอร์ส ก่อนที่จะตัดสินใจกระโดดเข้ารับงานกุมบังเหียน "แกะเขาเหล็ก" ถาวร
"รูน" ทำหน้าที่เป็นนักเตะควบกุนซือชั่วคราวให้กับ "แกะเขาเหล็ก" ตั้งแต่สโมสรสั่งปลด ฟิลลิป โคคู เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เนื่องจากทำผลงานย่ำแย่ชนะแค่เกมเดียวจาก 13 นัดแรกของฤดูกาล 2020/21 จนทีมหล่นไปอยู่อันดับสุดท้ายของตารางคะแนน
หลังจาก รูนี่ย์ รับบทบาทกุนซือขัดตาทัพก็ช่วยให้ ดาร์บี้ มีผลงานกระเตื้องขึ้นโดยแพ้ไปแค่ 2 เกมจาก 9 นัด ขึ้นมาอยู่อันดับ 22 ของตาราง และมีโอกาสหนีโซนตกชั้นหากชนะ ร็อตเธอร์แฮม วันเสาร์ที่ 16 ม.ค. นี้
ตำนานดาวยิง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่าตนได้พูดคุยกับกุนซือหลายๆ คนก่อนหน้านี้รวมทั้ง เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีมลิเวอร์พูล ที่มีประสบการณ์ในการคุมทีมเรนเจอร์ส ตั้งแต่ปี 2018 ก่อนที่จะรับงานผู้จัดการทีมถาวร
"ช่วงเวลาที่ผมต้องหยุดเล่นมาถึงแล้ว ผมทำใจกับเรื่องนี้มาตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ผมก็ได้พบกับเรื่องที่น่าตื่นเต้นครั้งใหม่ การได้เติมเต็มศักยภาพของผมในฐานะผู้จัดการทีม เป็นเรื่องที่ผมตื่นเต้นมากๆ ผมได้พูดคุยกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เมื่อวานนี้ แน่นอนว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของผม ผมได้พูดคุยกับเขาและเป็นเรื่องดีมากๆ ที่เราได้คุยกัน"
"แน่นอนว่าผมได้คุยกับนักเตะบางคนที่อายุมากกว่าผม ผมเพิ่งเข้ามาสู่เส้นทางการเป็นผู้จัดการทีมในช่วงอายุยังน้อย เราอาจจะมีแนวคิดแตกต่างกัน สไตล์ไม่เหมือนกัน เราพยายามที่จะทำให้ทุกอย่างเข้ากัน ไม่มีเรื่องแย่ๆ ในการพูดคุยกับพวกเขา และยังได้เรียนรู้ประสบการณ์จากพวกเขา รวมทั้งสิ่งที่พวกเขาได้เจอในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา" รูนี่ย์ ระบุ
cr ; www.siamsport.co.th
รวม 10 สุดยอดโมเมนต์ "เวย์น รูนี่ย์" ในฐานะนักฟุตบอล
เวย์น รูนี่ย์ อดีตยอดกองหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เอฟเวอร์ตัน, ดีซี ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ ตอนนี้ได้กลายเป็น "อดีต" นักฟุตบอลอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่เจ้าตัวประกาศรีไทร์เรียบร้อย เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา พร้อมกับได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีม ดาร์บี้ เค้าน์ตี้ สโมสรดังในศึก แชมเปี้ยนชิพ แบบเต็มตัวทันที หลังจากที่ "รูน" ทำหน้าที่เป็นนักเตะควบกุนซือ "แกะเขาเหล็ก" ชั่วคราว นับตั้งแต่สโมสรปลด ฟิลลิป โคคู เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รูนี่ย์ ถือเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในวงการลูกหนังเมืองผู้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ "ปีศาจแดง" ที่เขาครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร (253 ประตู) รวมถึงกับทีมชาติอังกฤษ (53 ประตู) ด้วย และนี่คือ 10 เหตุการณ์สำคัญที่มีทั้งดีและแย่ของเจ้าตัวตลอดระยะเวลาร่วม 19 ปี ในอาชีพพ่อค้าแข้ง (อ้างอิงจากเว็บไซต์ mirror.co.uk)
- ประตูแจ้งเกิด... จำชื่อเขาไว้ให้ดี เวย์น รูนี่ย์!
เชื่อว่าเป็นโมเมนต์ที่แฟนบอลหลายคนคงจำได้ดี รวมถึง เดวิด ซีแมน ตำนานนายทวาร อาร์เซน่อล ด้วย!!! เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้โลกฟุตบอลได้รู้จักกับแข้งดาวรุ่งพุ่งแรงของ เอฟเวอร์ตัน ที่ชื่อว่า เวย์น รูนี่ย์ กับการที่เจ้าตัวทำประตูชัยในนาทีที่ 90 ด้วยลูกยิงไกลอันสุดสวยในเกมลีกนัดที่ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เปิดรัง กูดิสัน พาร์ค พิชิต "ไอ้ปืนใหญ่" 2-1 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2002 ซึ่งนอกจากเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในลีกแล้ว ยังทำให้ "รูน" กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ (ณ เวลานั้น) ที่ทำประตูในศึก พรีเมียร์ลีก ได้อีกด้วย ด้วยวัย 16 ปี กับ 360 วัน พร้อมกับเป็นการหยุดสถิติไร้พ่ายในลีกติตต่อกันของ อาร์เซน่อล ไว้ที่ 30 นัด
- เสื้อยืดพร้อมข้อความในตำนาน
"Once a Blue, always a Blue" (แปลง่ายๆ ก็คือ เมื่อเกิดเป็นสีน้ำเงินแล้ว ก็จะเป็นสีน้ำเงินตลอดไป) นี่คือข้อความบนเสื้อยืดที่ รูนี่ย์ เปิดโชว์ให้เห็น หลังทำประตูใส่ แอสตัน วิลล่า ในศึก เอฟเอ ยูธ คัพ เมื่อปี 2002 ซึ่งถึงแม้ข้อความนี้จะย้อนกลับมาทำลายเจ้าตัวในภายหลัง กับการที่ตัดสินใจย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ รูนี่ย์ ยังคงเป็นที่รักของแฟนบอล "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เสมอ
- เปิดยิงกับ "ปีศาจแดง" ด้วยแฮตทริก
รูนี่ย์ อำลาถิ่น กูดิสัน พาร์ค ย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2004 และเกมแรกของเจ้าตัวในสีเสื้อ "ปีศาจแดง" เบอร์ 8 นั้น เกิดขึ้นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ดวลกับ เฟเนร์บาห์เช่ ยอดทีมจากตุรกี เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2004 ซึ่งถือเป็นการเดบิวต์ที่สุดอลังการมากๆ สำหรับเจ้าตัว เพราะนอกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าชัยสวยหรูด้วยสกอร์ 6-2 แล้ว รูนี่ย์ ยังทำแฮตทริกได้ด้วย ซึ่งแต่ละประตูที่ทำได้ก็สวยๆ ทั้งนั้น
- ยิงสนั่นพังตาข่าย นิวคาสเซิ่ล
ถือเป็นอีกหนึ่งประตูแห่งความทรงจำของ รูนี่ย์ เลยก็ว่าได้ ซึ่งเกิดขึ้นในเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเชือด นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-1 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2005 โดยเป็นลูกยิงตีเสมอ 1-1 ที่เจ้าตัวหวดวอลเลย์เต็มเท้าขวา ส่งบอลเช็ดใต้คานเข้าไปอย่างสุดสวย หมดสิทธ์ที่ เชย์ กิฟเว่น นายทวาร "สาลิกาดง" จะป้องกันได้
- โอเวอร์เฮดคิกปลิดชีพ "เรือใบสีฟ้า"
เมื่อพูดถึง เวย์น รูนี่ย์ ย่อมคิดถึงประตูนี้ สำหรับลูกยิงจักรยานอากาศอันทรงพลังที่เจ้าตัวกดใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมคู่ปรับร่วมเมือง ในศึก พรีเมียร์ลีก ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2011 ซึ่งถือเป็นประตูที่ช่วยให้ "ปีศาจแดง" คว้าชัยด้วยสกอร์ 2-1 ด้วย
- ยิง เวสต์แฮม จากครึ่งสนาม!!!
ไม่ใช่เรื่องเกินเลยที่จะบอกว่า รูนี่ย์ เป็นดาวยิงที่ทำประตูได้ทุกรูปแบบ และทำได้จากทุกระยะ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่เจ้าตัวสบโอกาสยิงประตูจากบริเวณครึ่งสนามในเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกสอย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-0 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2014 และหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ทำประตูจากระยะแบบนี้ใส่ "ขุนค้อน" ได้อีกครั้ง ตอนกลับมาเล่นให้ เอฟเวอร์ตัน ในเกมลีกนัดที่เปิดบ้านถล่ม เวสต์แฮม 4-0 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2017 ซึ่งเกมนี้เจ้าตัวทำแฮตทริกได้ด้วย
- สร้างชื่อในศึก ยูโร 2004
ศึก ยูโร 2004 ที่ประเทศโปรตุเกส ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับทีมชาติรายการแรกสำหรับ รูนี่ย์ ที่ตอนนั้นเพิ่งอายุแค่ 18 ปีกว่าๆ แต่เจ้าตัวกลับสามารถแจ้งเกิดได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการทำไปถึง 4 ประตู คว้าตำแหน่งรองดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ ร่วมกับ รุด ฟาน นิสเตลรอย ดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์ (มิลาน บารอส ของทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก ครองอันดับหนึ่งที่ 5 ประตู) แถมมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ด้วย ถึงแม้ อังกฤษ จอดป้ายแค่รอบก่อนรองชนะเลิศ (แพ้ดวลจุดโทษ โปรตุเกส) ก็ตาม
- ย่ำโหดใส่คาร์วัลโญ่
หลังจากที่แจ้งเกิดในศึก ยูโร 2004 จนกลายเป็นที่จับตามองในเวทีระดับนานาชาติเรียบร้อย ทว่าทัวร์นาเมนต์ใหญ่รายการต่อมาอย่างศึก เวิลด์ คัพ 2006 ที่ประเทศเยอรมนี รูนี่ย์ กลับมีความทรงจำที่ไม่ดีนัก เพราะนอกจากทำประตูไม่ได้ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์แล้ว เจ้าตัวยังได้รับใบแดงจากจังหวะย่ำโหดใส่กล่องดวงใจของ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ปราการหลังทีมชาติโปรตุเกส ระหว่างเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ (อังกฤษ แพ้ดวลจุดโทษอีกแล้ว) แถมเหตุการณ์นี้เกือบมีเรื่องกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพื่อนร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เล่นให้ทางฝั่งทัพ "ฝอยทอง" อีกด้วย
(มีต่อ)