ผมกับเมียมีปัญหากันเเต่ผมมีลูกด้วยทำไงดีครับ

กระทู้คำถาม
คือผมคบกับเมียมาได้ 4 ปีก่อนที่ทางบ้านเมียจะบังคับให้เเต่งงานเเล้วให้มาใช้ชีวิตที่บ้านเมียต่างจังหวัด ด้วยความที่รักเมียมากกก เเล้วตัวผมเองใช้ชีวิตตั้งเเต่เกิดส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใน กทม. จนอายุ 36 ปี มีอยู่วันนึงเเฟนผมโทรมาหาเเล้วบอกว่าเเม่ให้กลับไปอยู่บ้าน เราต้องเเต่งงานกันไม่งั้นอายชาวบ้านเค้า
พอได้ยินก็ตกใจ ส่วนตัวคิดว่ามันเรื่องใหญ่นะการเเต่งงาน เเต่ก็ด้วยความรักเเฟนจึงตอบตกลงไป

ไม่ถึง 1 เดือนก็เก็บข้าวของย้ายจากถิ่นฐานที่คุ้นเคยจาก กทม. มาอยู่บ้านเเฟนที่ ตจว. สภาพไม่คุ้นเคยอย่างมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
น้ำที่กินคือน้ำฝน น้ำที่อาบคือน้ำบาดาล สภาพเเวดล้อมมีเเต่ทุ่งนาเเละสวนส้มโอ ห่างไกลจากตัวเมือง 35 กิโลโดยประมาณ ถนนยังเป็นลูกลังทุกอย่างแปลกตาไปหมด

เเต่ก็คิดว่าเราโชคดีเเล้วได้มาอยู่ ตจว. อากาศดีๆ ผู้คนไม่แออัด หลังจากเเต่งงานพ่อตาเเม่ยายก็คะยั้นคะยอให้รีบมีลูก พูดทุกครั้งที่กินข้าวเย็นร่วมกันบอกว่า
ถ้าไม่มีตอนนี้เด่วเเก่ไปไม่มีคนดูเเลบ้างหละ เเกจะเเก่เกินไปอุ้มหลานไม่ไหวบ้างหละตลอด เเฟนผมก็ยังไม่อยากจะมีลูก ส่วนผมก็ไม่ได้อยากจะมีเพราะความไม่พร้อม เเต่สุดท้ายทนเเรงเสียดทานไม่ไหวตกลงกับเเฟนว่าจะมีหลานให้เเกกัน

หลังจากหลานคลอดทุกๆอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป เเฟนผมก็เริ่มตีตัวออกห่างความสัมพันธ์ผัว-เมียก็น้อยลงเรื่อยๆ บางครั้งบอกเป็นเมนส์ถึงครึ่งเดือนก็มี ผมก็โอเคถ้าไม่อยากมีอะไรก็ไม่มี ก็ไม่ติดอะไร จากที่เคยทำงานออฟฟิตก็มาช่วยทำสวน ตัดหญ้า ใส่ปุ๋ย ช่วยทำนู้นทำนี้ทุกอย่างทั้งที่ไม่เคยทำเเต่ก็พยายามคิดเเค่ว่าไม่หัดก็คงไม่เป็น จนเวลาผ่านมาได้ 1 ปีนิดๆ ร่างกายมันไม่ไหวกระดูกสันหลังเคลื่อนมาทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดหลังมากๆ เเละมีอาการชาลงขาข้างซ้าย เจ็บมากจนไม่สามารถนั่งได้ (ส่วนตัวเป็นกราฟิกฟรีเเเลนซ์ประจำต้องนั้งทำงานทุกวัน) เลยตัดสินใจไปหาหมอจึงได้รู้ว่ามีอาการข้างต้นที่กล่าวไป

ความกดดันเริ่มเกิดจากเคยช่วยงานที่บ้านเมียกลับช่วยไม่ได้ เพราะหมอสั่งห้ามทั้งหมดเเม้กระทั้งอุ้มลูก ผมก็คุยกัยเมียว่าเป็นเเบบนี้ๆๆๆนะให้เมียช่วยไปคุยกับพ่อตาเเละเเม่ยายให้เข้าใจว่าเราไม่สามารถทำได้ เพราะถ้าเกิดพลาดมาอาจทำให้ถึงกับเดินไม่ได้จะเป็นภาระให้เมียเเละลูกในอนาคตได้เมียก็ดูโอเคเข้าใจดีเเต่ไม่รู้ว่าไปบอกกับพ่อเเม่ยังไง เเต่จากคำที่เเม่ยายบอกเสมอคือพ่อตาไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมเป็น ผมก็เคยพยายามอธิบายเเต่ได้คำตอบมาว่าเเกก็เคยปวดทำๆไปเดี๋ยวมันก็หายเองถ้าไปเชื่อเเต่หมดคงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี ผมก็คุยกับเมียขอเเค่เมียเข้าใจทุกอย่างก็โอเค

เเต่ที่มันมาถึงจุดที่ผมทนไม่คือ ณ ตอนนี้ วันนี้ คือผมเป็นคนเเพ้ กุ้ง ปู เเต่ที่บ้านก็ชอบทำกับช้าวที่เป็นกุ้ง ปู อยู่เรื่อยๆ เเต่ผมก็ไม่ได้ติดอะไร คิดเสียว่าเรากินไม่ได้ก็กินอย่างอื่นไป ส่วนใหญ่ก็ทอดไข่กิน หรือเมียจะทำอย่างอื่นไว้ให้กิน เเต่มาวันนี้ที่บ้านทำกับข้าวเป็น กุ้งเผา!! ล้วนๆ ไม่มีกับอย่างอื่นเลย ผมก็ถามเมียว่ารู้ใช่มัยว่าผมกินกุ้งไม่ได้ เมียตอบว่ารู้ ก็ทอดไข่กินซิ!! ผมนี่สตั๊นไปพักนึงเเล้วบอกเมียไปว่า ต้องทำอย่างงั้นจริงๆหรอ (คือประมาณว่า งง มากทุกทีเมียจะทำนู้นนี้นั้นเเยกไว้ให้กินต่างหาก) ผมเสียใจนะผมมาอยู่บ้านเมียเเปลกที่เเปลกถิ่น รู้จักก็เเค่เมียคนเดียวทั้งจังหวัด พอได้ยินคำนั้นมันเหมือนผมไม่เหลือใครเลย เหมือนตัวคนเดียว ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป ส่วนเมียก็ไม่สนใจอะไรเลย ผมก็เเปลกใจมากว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ งง ไปหมดเเต่รู้ว่ามันแปลกๆเเน่นอน ใจก็อยากเลิกไปอยู่ตัวคนเดียวเพราะไม่อยากทนอะไรหลายๆอย่างที่บ้านเมียอีกต่อไป เเต่ก็สงสารลูกลูกผมน่ารักมาก เเต่ผมก็อดทนในหลายๆเรื่องมาเกือบๆ จะสองปีเเล้วผมก็เลยคิดว่าชีวิตมันคงเป็นแบบน้ีรึป่าววะ 

ที่มันเสียใจที่สุดคือเวลาผมพูดหรือติอะไรเมีย เมียจะไม่พูดกับผมเลยผมต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบคิดถึงลูกเเล้วง้อเมียตลอด ทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด จนวันนี้ความอดทนผมมันจะหมดเเล้วจริงๆ ถ้าไม่ติดลูกผมอาจจะเลิกกันไปเเล้วก็ได้ เเต่ติดที่มีลูกผมควรทำไงยังไงดีครับ ผมไม่รู้จะไปปรึกษาใครจริงๆ เรื่องแบบนี้จริงๆก็ไม่ควรเอามาถามใคร เพราะผมเข้าใจมันเรื่องของครอบครัว เเต่ตอนนี้ผมอยากจะออกจากบ้านนี้ไปให้พ้นๆ เพราะผมไม่ได้มีความสุขอีกต่อไปเเล้ว เเต่ดันติดที่ลูกผมควรทำยังไงดีครับขอคำปรึกษาหน่อยครับผม ใครที่ตกอยู่ในสถาณการ์ณเเบบผมมีข้อเเนะนำยังไงบ้างครับ ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่