คิดจะไปก็ไป "เลย" จังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศไทย
•การวางแพลน•
"นั่งรถทัวร์ไป-กลับ 2 คืน นอนบนภูกระดึง 1 คืน นอนเชียงคาน 1 คืน"
1.จองที่พัก *จองล่วงหน้าประมาณ 2 อาทิตย์เพราะเป็นช่วงหยุดยาว และอย่าลืมจองเข้าอุทยานผ่านแอพพลิเคชั่น Queq*
2.จองรถทัวร์ไปกลับ *เราว่านั่งรถทัวร์สะดวกสุด*
เริ่มเดินทางกันเลย
วันที่ 1 เราเดินทางจากหมอชิต2 ไปลงที่จุดจอดรถร้านเจ๊กิม หลังจากนั้นจะมีรถสองแถวพาขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เหมาคันละ 300 บาท แต่ไม่ต้องห่วงมีคนหารด้วยแน่นอน เพราะมีนักท่องเที่ยวที่จะไปพิชิตภูกระดึงเยอะมาก
…
พอไปถึงอุทยานเราก็เข้าไปทำการติดต่อเข้าอุทยาน ขอเช่าเต็นท์ ซื้อแผนที่ และจ่ายค่ามัดจำต่างๆ *สำหรับคนที่เช่าเต็นท์อุทยานไม่ต้องแบกขึ้นไปเองเพราะจะมีบริการอยู่ข้างบนแล้ว* และ....ทริปนี้เราไม่ใช้ลูกหาบ เราแบกของเอง ใครจะจ้างลูกหาบกต้องรีบมาเร็วหน่อยเพราะไม่งั้นเดี๋ยวเต็มก่อน
การพิชิตยอดภูกระดึงต้องผ่านจุดต่างๆเหล่านี้ โดยจุดต่างๆก็จะมีร้านค้าให้เราพักผ่อนระหว่างทาง ไม่ต้องกลัวเหนื่อย ค่อยๆเดินขึ้นไป เตรียมเงินมาเยอะๆ เพื่อมาซื้อของ เพราะราคาสินค้าก็จะสูง ตามความสูงของยอดภูกระดึงเลยทีเดียว
เราใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 5 ชั่วโมง ก็ถึงยอด ช่วงแรกและช่วงสุดท้ายค่อนข้างเดินยาก เพราะมันชัน อาจจะต้องเดินและหายใจให้เป็นจังหวะของตัวเองให้มากที่สุด เหนื่อยก็พัก แต่เราพักน้อยมาก//ยิ่งพักยิ่งเหนื่อย// *อันนี้แล้วแต่คน
-ระหว่างทาง-
เราเดินชมนก ชมไม้ไปเรื่อย บางช่วงป่าก็เขียวบางช่วงก็ร้อน แต่เราชอบ "ซำกกโดน" มากสุด เพราะอากาศเริ่มเย็น มีลมหนาวพัดมา วิวก็สวย อยากจะกางเต็นท์ที่นี่เลย และอีกอย่างแตงโมระหว่างทางนี่มันอร่อยจริงๆ ทั้งสดชื่น ทั้งหวานได้ใจไปเลย
และแล้วเราก็มาถึงยอดภูกระดึงแล้ว ข้างบนคนเยอะมาก ทั้งคนขึ้นและคนลง มีทั้งวัยสูงอายุไปจนถึงวัยเด็กเลย ถ้าใครชอบความสงบแนะนำให้ไปช่วงที่ไม่ใช่วันหยุดยาว และแนะนำว่าไม่อยากให้มาช่วงหน้าฝน เพราะหินมันจะลื่นมาก อันตรายต้องระมัดระวังเวลาขึ้นและลงดีๆ
อย่างแรกที่ขึ้นไปถึงก็ไปติดต่อเต็นท์กับเจ้าหน้าที่ อันนี้ดีมากนะ เราไม่ต้องกางเองด้วย เพราะเขากางไว้แล้ว แค่ไปรับพวกหมอนผ้าห่มต่างๆเอง เรายอมรับเลยนะว่าขาแอบหมดแรง ขอพักผ่อนก่อน แล้วค่อยไปดูพระอาทิตย์ตก
…
รีวิววันแรก
ใครที่จะมาพิชิตยอดภูกระดึงเราว่าควรมา เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะมาก เดินไม่ยาก พอเราเริ่มเดินมันทำให้เราอยู่กับตัวเอง รู้จักตัวเองมากขึ้น ได้เห็นธรรมชาติสวยๆ ได้กินหมูกะทะ กับน้ำเต้าหู้ร้อนๆกับอากาศที่หนาวเย็น มันลงตัวมาก ต้องมาลอง ข้างบนก็จะมีน้ำตก มีจุดชมวิวอีกหลายที่ ถ้าใครจะมาแนะนำให้อยู่ซัก 2 คืน จะได้ไม่เหนื่อยมาก และได้ไปครบทุกจุด ถ้า....ไม่เหนื่อย!
วันที่ 2
เริ่มต้นด้วยการไปดูพระอาทิตย์ขึ้น อากาศตอนเช้าหนาวแต่ไม่มาก มีเจ้าหน้าที่นำทางไป มีเพื่อนร่วมทางอีกมากมายเลยแหละ
หลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จเราก็กลับมาเก็บของ คืนเต็นท์ และเดินทางลงเพราะเรามีจุดหมายต่อไปปป
เราจะจดจำความทรงจำดีๆระหว่างทางและจุดหมายบนยอดภูกระดึงไว้เป็นอย่างดี เพราะมันทำให้เราได้บทเรียนจากการพิชิตครั้งนี้
พอเดินลงมาแล้ว เราก็นั่งรถสองแถวลงไปที่ร้านเจ๊กิมเพื่อรอรถไปเชียงคานนน
*จะมีรถบัสผ่านทุกชั่วโมง แต่ช่วงหยุดยาวก็ต้องรอลุ้นนะว่ารถจะเต็มมั๊ย เพราะเขาไม่ขายตั๋วล่วงหน้า จะขายก็ต่อเมื่อรถมาถึง
//เราโดนกับตัวเลย เกือบไม่ได้ขึ้นรถแล้ว เพราะที่นั่งเต็ม! แต่ถ้าเราไม่ไปรอบนี้ แล้วขึ้นรอบต่อไปก็จะมืดก่อนถึงเชียงคาน เราเลยขอนั่งพื้น ใช่แล้วนั่งพื้น//
•ประสบการณ์นี้จะไม่ลืมเลย•
สุดท้ายเราก็มาถึงเชียงคานแล้ว จากจุดจอดรถบัสเรานั่งรถสามล้อเข้าไปที่ถนนคนเดินเชียงคาน และเข้าที่พักเพื่อไปพักผ่อนก่อนจะออกไปตะลุยที่ถนนคนเดิน ในวันที่เรามาคนเยอะ ต้องเดินเบียดๆกัน ที่นี่ของกินเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นของกินเล่น มีทั้งของพื้นบ้าน ของกระจุ๊กกระจิ๊กเต็มไปหมด ส่วนของฝากที่นี่ก็มีมะพร้าวแก้วที่เป็นจุดเด่น และก็มีของที่ระลึกต่างๆ น่ารักดี
แต่พอตกดึก คนก็เริ่มกลับที่พักไปพักผ่อน แต่กลุ่มวัยรุ่นก็ยังนั่งชิว ร้องเพลงดีดกีต้าร์ อยู่ริมแม่น้ำโขง ซึ่งมันเป็นบรรยากาศที่ดีมาก ลมเย็นกับเสียงเพลงเพราะๆเข้ากับบรรยากาศ ชอบมากก
วันที่ 3
ตื่นเช้ามาตักบาตรข้าวเหนียว แล้วก็นั่งสามล้อไปดูหมอกยามเช้าที่ "ภูทอก" หมอกหนาและสวยมาก เห็นวิวภูเขาทั้งฝั่งลาวและฝั่งไทย
ไปต่อกันที่วัด "ภูควายเงิน" และแก่งคุดคู้ เป็นแก่งริมแม่น้ำน้ำโขง ช่วงน้ำลงสามารถเดินลงไปได้ มีร้านอาหารและเรือนำเที่ยวด้วย จากจุดนี้ไปถนนคนเดินสามารถปั่นจักรยานมาได้ นี่คงจะเป็นที่เที่ยวที่สุดท้ายแล้ว ก่อนที่จะกลับกรุงเทพ
•เชียงคานเป็นเมืองตอนเช้ากับตอนกลางคืน
-ตอนเช้ามีตักบาตรข้าวเหนียว และห่างออกไปไม่ไกลก็สามารถไปหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นได้ที่จุดชมวิว ภูทอก แวะไหว้พระที่วัดภูควายเงิน แวะกินข้าวที่แก่งคุดคู้
-ตอนเย็นมีถนนคนเดิน ตกดึกก็ดนตรีเปิดหมวก นั่งจิบเบียร์ชิวๆสำหรับคนสโลว์ไลฟ์
วันนี้ถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับแล้ว
การมาเที่ยวครั้งนี้ถือว่าผจญภัยสำหรับเรานะ ได้ทำอะไรหลายอย่างมาก ได้เรียนรู้ตัวเองและคนอื่น มารับอากาศบริสุทธิ์ที่แทบอยากยกฟ้าที่นี่กลับกรุงเทพด้วยเลย ฝากถึงทุกคน ถ้าคิดจะไปก็ไป "เลย" ไม่ต้องคิดมาก ธรรมชาติสวยๆรอคุณอยู่ ถือเป็นความทรงจำในชีวิต
[CR] ....คิดจะไปก็ไป “เ ล ย” 5 วัน 4 คืน ฉบับผจญภัย ไย ไย ไย.....
•การวางแพลน•
"นั่งรถทัวร์ไป-กลับ 2 คืน นอนบนภูกระดึง 1 คืน นอนเชียงคาน 1 คืน"
1.จองที่พัก *จองล่วงหน้าประมาณ 2 อาทิตย์เพราะเป็นช่วงหยุดยาว และอย่าลืมจองเข้าอุทยานผ่านแอพพลิเคชั่น Queq*
2.จองรถทัวร์ไปกลับ *เราว่านั่งรถทัวร์สะดวกสุด*
เริ่มเดินทางกันเลย
วันที่ 1 เราเดินทางจากหมอชิต2 ไปลงที่จุดจอดรถร้านเจ๊กิม หลังจากนั้นจะมีรถสองแถวพาขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เหมาคันละ 300 บาท แต่ไม่ต้องห่วงมีคนหารด้วยแน่นอน เพราะมีนักท่องเที่ยวที่จะไปพิชิตภูกระดึงเยอะมาก
…
พอไปถึงอุทยานเราก็เข้าไปทำการติดต่อเข้าอุทยาน ขอเช่าเต็นท์ ซื้อแผนที่ และจ่ายค่ามัดจำต่างๆ *สำหรับคนที่เช่าเต็นท์อุทยานไม่ต้องแบกขึ้นไปเองเพราะจะมีบริการอยู่ข้างบนแล้ว* และ....ทริปนี้เราไม่ใช้ลูกหาบ เราแบกของเอง ใครจะจ้างลูกหาบกต้องรีบมาเร็วหน่อยเพราะไม่งั้นเดี๋ยวเต็มก่อน
การพิชิตยอดภูกระดึงต้องผ่านจุดต่างๆเหล่านี้ โดยจุดต่างๆก็จะมีร้านค้าให้เราพักผ่อนระหว่างทาง ไม่ต้องกลัวเหนื่อย ค่อยๆเดินขึ้นไป เตรียมเงินมาเยอะๆ เพื่อมาซื้อของ เพราะราคาสินค้าก็จะสูง ตามความสูงของยอดภูกระดึงเลยทีเดียว
เราใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 5 ชั่วโมง ก็ถึงยอด ช่วงแรกและช่วงสุดท้ายค่อนข้างเดินยาก เพราะมันชัน อาจจะต้องเดินและหายใจให้เป็นจังหวะของตัวเองให้มากที่สุด เหนื่อยก็พัก แต่เราพักน้อยมาก//ยิ่งพักยิ่งเหนื่อย// *อันนี้แล้วแต่คน
-ระหว่างทาง-
เราเดินชมนก ชมไม้ไปเรื่อย บางช่วงป่าก็เขียวบางช่วงก็ร้อน แต่เราชอบ "ซำกกโดน" มากสุด เพราะอากาศเริ่มเย็น มีลมหนาวพัดมา วิวก็สวย อยากจะกางเต็นท์ที่นี่เลย และอีกอย่างแตงโมระหว่างทางนี่มันอร่อยจริงๆ ทั้งสดชื่น ทั้งหวานได้ใจไปเลย
และแล้วเราก็มาถึงยอดภูกระดึงแล้ว ข้างบนคนเยอะมาก ทั้งคนขึ้นและคนลง มีทั้งวัยสูงอายุไปจนถึงวัยเด็กเลย ถ้าใครชอบความสงบแนะนำให้ไปช่วงที่ไม่ใช่วันหยุดยาว และแนะนำว่าไม่อยากให้มาช่วงหน้าฝน เพราะหินมันจะลื่นมาก อันตรายต้องระมัดระวังเวลาขึ้นและลงดีๆ
อย่างแรกที่ขึ้นไปถึงก็ไปติดต่อเต็นท์กับเจ้าหน้าที่ อันนี้ดีมากนะ เราไม่ต้องกางเองด้วย เพราะเขากางไว้แล้ว แค่ไปรับพวกหมอนผ้าห่มต่างๆเอง เรายอมรับเลยนะว่าขาแอบหมดแรง ขอพักผ่อนก่อน แล้วค่อยไปดูพระอาทิตย์ตก
…
รีวิววันแรก
ใครที่จะมาพิชิตยอดภูกระดึงเราว่าควรมา เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะมาก เดินไม่ยาก พอเราเริ่มเดินมันทำให้เราอยู่กับตัวเอง รู้จักตัวเองมากขึ้น ได้เห็นธรรมชาติสวยๆ ได้กินหมูกะทะ กับน้ำเต้าหู้ร้อนๆกับอากาศที่หนาวเย็น มันลงตัวมาก ต้องมาลอง ข้างบนก็จะมีน้ำตก มีจุดชมวิวอีกหลายที่ ถ้าใครจะมาแนะนำให้อยู่ซัก 2 คืน จะได้ไม่เหนื่อยมาก และได้ไปครบทุกจุด ถ้า....ไม่เหนื่อย!
วันที่ 2
เริ่มต้นด้วยการไปดูพระอาทิตย์ขึ้น อากาศตอนเช้าหนาวแต่ไม่มาก มีเจ้าหน้าที่นำทางไป มีเพื่อนร่วมทางอีกมากมายเลยแหละ
หลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จเราก็กลับมาเก็บของ คืนเต็นท์ และเดินทางลงเพราะเรามีจุดหมายต่อไปปป
เราจะจดจำความทรงจำดีๆระหว่างทางและจุดหมายบนยอดภูกระดึงไว้เป็นอย่างดี เพราะมันทำให้เราได้บทเรียนจากการพิชิตครั้งนี้
พอเดินลงมาแล้ว เราก็นั่งรถสองแถวลงไปที่ร้านเจ๊กิมเพื่อรอรถไปเชียงคานนน
*จะมีรถบัสผ่านทุกชั่วโมง แต่ช่วงหยุดยาวก็ต้องรอลุ้นนะว่ารถจะเต็มมั๊ย เพราะเขาไม่ขายตั๋วล่วงหน้า จะขายก็ต่อเมื่อรถมาถึง
//เราโดนกับตัวเลย เกือบไม่ได้ขึ้นรถแล้ว เพราะที่นั่งเต็ม! แต่ถ้าเราไม่ไปรอบนี้ แล้วขึ้นรอบต่อไปก็จะมืดก่อนถึงเชียงคาน เราเลยขอนั่งพื้น ใช่แล้วนั่งพื้น//
•ประสบการณ์นี้จะไม่ลืมเลย•
สุดท้ายเราก็มาถึงเชียงคานแล้ว จากจุดจอดรถบัสเรานั่งรถสามล้อเข้าไปที่ถนนคนเดินเชียงคาน และเข้าที่พักเพื่อไปพักผ่อนก่อนจะออกไปตะลุยที่ถนนคนเดิน ในวันที่เรามาคนเยอะ ต้องเดินเบียดๆกัน ที่นี่ของกินเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นของกินเล่น มีทั้งของพื้นบ้าน ของกระจุ๊กกระจิ๊กเต็มไปหมด ส่วนของฝากที่นี่ก็มีมะพร้าวแก้วที่เป็นจุดเด่น และก็มีของที่ระลึกต่างๆ น่ารักดี
แต่พอตกดึก คนก็เริ่มกลับที่พักไปพักผ่อน แต่กลุ่มวัยรุ่นก็ยังนั่งชิว ร้องเพลงดีดกีต้าร์ อยู่ริมแม่น้ำโขง ซึ่งมันเป็นบรรยากาศที่ดีมาก ลมเย็นกับเสียงเพลงเพราะๆเข้ากับบรรยากาศ ชอบมากก
วันที่ 3
ตื่นเช้ามาตักบาตรข้าวเหนียว แล้วก็นั่งสามล้อไปดูหมอกยามเช้าที่ "ภูทอก" หมอกหนาและสวยมาก เห็นวิวภูเขาทั้งฝั่งลาวและฝั่งไทย
ไปต่อกันที่วัด "ภูควายเงิน" และแก่งคุดคู้ เป็นแก่งริมแม่น้ำน้ำโขง ช่วงน้ำลงสามารถเดินลงไปได้ มีร้านอาหารและเรือนำเที่ยวด้วย จากจุดนี้ไปถนนคนเดินสามารถปั่นจักรยานมาได้ นี่คงจะเป็นที่เที่ยวที่สุดท้ายแล้ว ก่อนที่จะกลับกรุงเทพ
•เชียงคานเป็นเมืองตอนเช้ากับตอนกลางคืน
-ตอนเช้ามีตักบาตรข้าวเหนียว และห่างออกไปไม่ไกลก็สามารถไปหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นได้ที่จุดชมวิว ภูทอก แวะไหว้พระที่วัดภูควายเงิน แวะกินข้าวที่แก่งคุดคู้
-ตอนเย็นมีถนนคนเดิน ตกดึกก็ดนตรีเปิดหมวก นั่งจิบเบียร์ชิวๆสำหรับคนสโลว์ไลฟ์
วันนี้ถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับแล้ว
การมาเที่ยวครั้งนี้ถือว่าผจญภัยสำหรับเรานะ ได้ทำอะไรหลายอย่างมาก ได้เรียนรู้ตัวเองและคนอื่น มารับอากาศบริสุทธิ์ที่แทบอยากยกฟ้าที่นี่กลับกรุงเทพด้วยเลย ฝากถึงทุกคน ถ้าคิดจะไปก็ไป "เลย" ไม่ต้องคิดมาก ธรรมชาติสวยๆรอคุณอยู่ ถือเป็นความทรงจำในชีวิต
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้