สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคนค่ะ นี่เป็นการตั้งกระทู้แรกของเรา...หากผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ
เริ่มเลยละกันน้า....
ตอนนี้เราอายุ 27 ปี ส่วนแฟน 28 แต่เราเข้าเรียนก่อนเกณฑ์จึงทำให้เรียนรุ่นเดียวกันกับแฟน เราสองคนคบกันตั้งแต่ ม.ปลาย จนถึงตอนนี้รวมๆแล้วก็ย่างเข้าปีที่ 12 ค่ะ และตอนนี้เราสองคนเรียนจบและรับราชการกันทั้งคู่ ฟังดูก็เหมือนจะดีค่ะ 55
ก่อนหน้านี้เราคบกันทางครอบครัวเรารับรู้ทั้งสองฝ่าย.. และได้มีการพูดคุยพบเจอกันบ้างตามโอกาสต่างๆ ทางบ้านแฟนก็ได้มาคุยเรื่องการหมั้นหมายกับที่บ้านเราไปแล้วรอบหนึ่ง ประมาณกลางปี 63 แต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆโควิดเอย อื่นๆเอย เลยทำให้ยังลงรายละเอียดวันเวลาที่แน่นอนไม่ได้แต่ทางบ้านแฟนก็รับปากไว้ว่าภายในปี 64 แค่นั้นค่ะ ตั้งแต่นั้นมาก็ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กันอีก และหลังจากครอบครัวทั้งสองฝ่ายตกลงต่างๆกันได้ไม่นาน แฟนเราก็ได้ไปรับราชการที่ กทม ทำให้ต้องห่างกันมากกว่าเดิม
แต่ระยะทางก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเราทั้งคู่ (ในตอนนี้ ซึ่งอนาคตเราก็ไม่แน่ใจจะเป็นยังไงเหมือนกัน 555) ตอนนี้แฟนเราไปอยู่ กทม ได้เกือบ 1 ปีแล้วค่ะ เราได้มีโอกาสได้เจอกันบ้างเดือนละครั้ง หรือ 2-3 เดือน/ครั้ง เราไป กทม บ้าง หรือ เค้ากลับมาบ้าง แต่เราก็คอลหากันตลอดแหล่ะค่ะ ไม่ได้ทิ้งช่วงห่างกัน เราเลยคิดว่ามันไม่น่ามีปัญหา ยุคนี้ไปไหนมาไหนสะดวกมาก.........แต่ ปัญหาอยู่ที่พ่อแม่เราค่ะ ท่านเป็นคนคิดมากๆๆๆๆ ด้วยความที่เราเป็นลูกสาวคนเดียวและคนเล็กของบ้าน ท่านจะหวงจะห่วงเป็นพิเศษ พ่อแม่เรากลัวเรื่องระยะทาง กลัวปัญหาในอนาคตที่จะเกิดขึ้น เช่น ถ้าแต่งกันไปแล้วจะมีปัญหาสามีนอกใจ มีชู้ หย่าร้างฯลฯ ที่ทำให้เราต้องเสียใจ จนวันนึงพ่อและแม่คุยกับเราว่าถ้าห่างออกมาได้ หรือมีคนใหม่เข้ามา ก็ให้เปิดโอกาสตัวเอง ถึงขั้นเลิกได้ก็เลิก
พ่อแม่พูดเยอะมากค่ะ หาเหตุผล เล่าประสบการณ์ทีพวกท่านเคยเจอมามาโน้มน้าวเรา ทั้งเรื่องเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน มันไปกันไม่รอดบ้าง....แต่ก็ไม่ถึงขั้นยื่นคำขาดขนาดนั้นค่ะว่าต้องเลิกเลยนะ แค่ห่วงเรื่องระยะทางของเราทั้งคู่ และเห็นแฟนเงียบๆไม่ได้มาหาที่บ้าน คงคิดว่าเขาเทลูกสาวแล้ว T-T (แต่จริงๆไปแอบเจอกันที่อื่น เอ้าาาา 55)
เอาจริงๆหลังได้คุยกับพ่อแม่แล้วเรารู้สึกนอยด์มากค่ะ แฟนเราเค้าเข้ากับที่บ้านเราได้ดี เราเองก็เข้ากับบ้านเค้าได้เช่นกัน มามีปัญหาเพราะระยะทางแค่นั้นจริงๆ แต่เราก็พยายามอธิบายเหตุผลของเรา เรื่องหน้าที่การงานแฟนเราสามารถย้ายกลับภูมิลำเนาได้ แต่คงต้องใช้เวลา และตัวเราจะย้ายไป กทม ก็ได้เช่นกันค่ะ แต่ด้วยที่บ้านเรามีธุรกิจที่พ่อแม่สร้างไว้ เราก็ไม่อยากทิ้ง
ในมุมมองของเรากับปัญหาที่กำลังเจอตอนนี้คือเราเป็นคนที่ยึดปัจจุบันเป็นหลัก ตอนนี้เราและแฟนแฮปปี้ดีค่ะ เราค่อนข้างมั่นใจในตัวเค้าพอสมควร เพราะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา เราดูแลกัน สนับสนุน ซัพพอร์ตกันอยู่ตลอด และเค้าไม่เคยมีปัญหาเรื่องอย่างว่าให้เราไม่สบายใจ แต่ถ้าในอนาคตจะมีปัญหาก็ค่อยแก้กันไป แต่ไม่ใช่การตัดสินใจยุติทุกอย่างเพื่อตัดปัญหาในอนาคตซึ่งไม่รู้ว่ามันจะเกิดหรือไม่...
เราเลยคุยกับแฟนเพื่อช่วยกันหาทางออกค่ะ ก่อนนี้เราและแฟนคุยกันคร่าวๆไว้แล้วบ้างเรื่องการหมั้นว่าไม่เกินกลางปีนี้ เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย
เราไม่รู้ว่าที่เราคิด และตัดสินใจคบกันต่อ จะหมั้นกันไว้ก่อนเพื่อให้พ่อแม่สบายใจ เรื่องหน้าที่การงานก็ให้เป็นเรื่องของวันเวลา ระเบียบต่างๆไป ซักวันเขาคงได้ย้ายกลับมา....................
เราเลยมาตั้งกระทู้เพราะอยากรับฟังความคิดเห็นของหลายๆคน ถ้าเจอสถานการณ์นี้แบบเรา จะทำยังไงกันต่อดีคะ ???
ทังนี้ต้องขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนจบ เราก็ไม่แน่ใจว่าเราเล่า งง รึป่าว 555 ขอบคุณน้า
คบกับแฟนมา 11 ปี แต่ด้วยปัญหาระยะทาง พ่อแม่จึงอยากให้เลิก เราควรทำยังไงดี..
เริ่มเลยละกันน้า....
ตอนนี้เราอายุ 27 ปี ส่วนแฟน 28 แต่เราเข้าเรียนก่อนเกณฑ์จึงทำให้เรียนรุ่นเดียวกันกับแฟน เราสองคนคบกันตั้งแต่ ม.ปลาย จนถึงตอนนี้รวมๆแล้วก็ย่างเข้าปีที่ 12 ค่ะ และตอนนี้เราสองคนเรียนจบและรับราชการกันทั้งคู่ ฟังดูก็เหมือนจะดีค่ะ 55
ก่อนหน้านี้เราคบกันทางครอบครัวเรารับรู้ทั้งสองฝ่าย.. และได้มีการพูดคุยพบเจอกันบ้างตามโอกาสต่างๆ ทางบ้านแฟนก็ได้มาคุยเรื่องการหมั้นหมายกับที่บ้านเราไปแล้วรอบหนึ่ง ประมาณกลางปี 63 แต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆโควิดเอย อื่นๆเอย เลยทำให้ยังลงรายละเอียดวันเวลาที่แน่นอนไม่ได้แต่ทางบ้านแฟนก็รับปากไว้ว่าภายในปี 64 แค่นั้นค่ะ ตั้งแต่นั้นมาก็ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กันอีก และหลังจากครอบครัวทั้งสองฝ่ายตกลงต่างๆกันได้ไม่นาน แฟนเราก็ได้ไปรับราชการที่ กทม ทำให้ต้องห่างกันมากกว่าเดิม
แต่ระยะทางก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเราทั้งคู่ (ในตอนนี้ ซึ่งอนาคตเราก็ไม่แน่ใจจะเป็นยังไงเหมือนกัน 555) ตอนนี้แฟนเราไปอยู่ กทม ได้เกือบ 1 ปีแล้วค่ะ เราได้มีโอกาสได้เจอกันบ้างเดือนละครั้ง หรือ 2-3 เดือน/ครั้ง เราไป กทม บ้าง หรือ เค้ากลับมาบ้าง แต่เราก็คอลหากันตลอดแหล่ะค่ะ ไม่ได้ทิ้งช่วงห่างกัน เราเลยคิดว่ามันไม่น่ามีปัญหา ยุคนี้ไปไหนมาไหนสะดวกมาก.........แต่ ปัญหาอยู่ที่พ่อแม่เราค่ะ ท่านเป็นคนคิดมากๆๆๆๆ ด้วยความที่เราเป็นลูกสาวคนเดียวและคนเล็กของบ้าน ท่านจะหวงจะห่วงเป็นพิเศษ พ่อแม่เรากลัวเรื่องระยะทาง กลัวปัญหาในอนาคตที่จะเกิดขึ้น เช่น ถ้าแต่งกันไปแล้วจะมีปัญหาสามีนอกใจ มีชู้ หย่าร้างฯลฯ ที่ทำให้เราต้องเสียใจ จนวันนึงพ่อและแม่คุยกับเราว่าถ้าห่างออกมาได้ หรือมีคนใหม่เข้ามา ก็ให้เปิดโอกาสตัวเอง ถึงขั้นเลิกได้ก็เลิก
พ่อแม่พูดเยอะมากค่ะ หาเหตุผล เล่าประสบการณ์ทีพวกท่านเคยเจอมามาโน้มน้าวเรา ทั้งเรื่องเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน มันไปกันไม่รอดบ้าง....แต่ก็ไม่ถึงขั้นยื่นคำขาดขนาดนั้นค่ะว่าต้องเลิกเลยนะ แค่ห่วงเรื่องระยะทางของเราทั้งคู่ และเห็นแฟนเงียบๆไม่ได้มาหาที่บ้าน คงคิดว่าเขาเทลูกสาวแล้ว T-T (แต่จริงๆไปแอบเจอกันที่อื่น เอ้าาาา 55)
เอาจริงๆหลังได้คุยกับพ่อแม่แล้วเรารู้สึกนอยด์มากค่ะ แฟนเราเค้าเข้ากับที่บ้านเราได้ดี เราเองก็เข้ากับบ้านเค้าได้เช่นกัน มามีปัญหาเพราะระยะทางแค่นั้นจริงๆ แต่เราก็พยายามอธิบายเหตุผลของเรา เรื่องหน้าที่การงานแฟนเราสามารถย้ายกลับภูมิลำเนาได้ แต่คงต้องใช้เวลา และตัวเราจะย้ายไป กทม ก็ได้เช่นกันค่ะ แต่ด้วยที่บ้านเรามีธุรกิจที่พ่อแม่สร้างไว้ เราก็ไม่อยากทิ้ง
ในมุมมองของเรากับปัญหาที่กำลังเจอตอนนี้คือเราเป็นคนที่ยึดปัจจุบันเป็นหลัก ตอนนี้เราและแฟนแฮปปี้ดีค่ะ เราค่อนข้างมั่นใจในตัวเค้าพอสมควร เพราะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา เราดูแลกัน สนับสนุน ซัพพอร์ตกันอยู่ตลอด และเค้าไม่เคยมีปัญหาเรื่องอย่างว่าให้เราไม่สบายใจ แต่ถ้าในอนาคตจะมีปัญหาก็ค่อยแก้กันไป แต่ไม่ใช่การตัดสินใจยุติทุกอย่างเพื่อตัดปัญหาในอนาคตซึ่งไม่รู้ว่ามันจะเกิดหรือไม่...
เราเลยคุยกับแฟนเพื่อช่วยกันหาทางออกค่ะ ก่อนนี้เราและแฟนคุยกันคร่าวๆไว้แล้วบ้างเรื่องการหมั้นว่าไม่เกินกลางปีนี้ เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย
เราไม่รู้ว่าที่เราคิด และตัดสินใจคบกันต่อ จะหมั้นกันไว้ก่อนเพื่อให้พ่อแม่สบายใจ เรื่องหน้าที่การงานก็ให้เป็นเรื่องของวันเวลา ระเบียบต่างๆไป ซักวันเขาคงได้ย้ายกลับมา....................
เราเลยมาตั้งกระทู้เพราะอยากรับฟังความคิดเห็นของหลายๆคน ถ้าเจอสถานการณ์นี้แบบเรา จะทำยังไงกันต่อดีคะ ???
ทังนี้ต้องขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนจบ เราก็ไม่แน่ใจว่าเราเล่า งง รึป่าว 555 ขอบคุณน้า