[SR] รีวิว MSI GP65 LEOPARD พร้อม i7-10750H RAM 16GB + RTX 2070 หน้าจอ IPS 144Hz จัดเต็ม !


 
MSI ยังคงเป็นแบรนด์ คอมพิวเตอร์สายเกมมิ่งที่หลายคนน่าจะเคยใช้งานหรือรู้จักกันและออกหลากหลายรุ่นหลายสเปกออกมาจัดเต็มกันอย่างต่อเนื่องครับ รวมถึงทางเรื่องประสิทธิภาพและระบายความร้อนค่ายนี้บอกเลยว่าทำออกมาได้ดีเกินหน้าตาค่ายอื่นๆแน่นอน ทางด้านตระกูล GP 65 นั้น ได้ดีไซน์ดุดัน เท่ๆเป็นเอกลักษณ์ของ G ในค่ายนี้ครับ และยังคงมาพร้อมกับระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 และ คีย์บอร์ดค่าย Steel Series ที่คุ้นเคยกันดีพร้อมกับไฟ RGB Per Key และรุ่นนี้มาพร้อมกับ ลำโพงที่ใหญ่สุดๆ กำลังเสียงดีสะใจ และรองรับการถอดรหัสเสียง Hi-Res ผ่านทางหูฟังได้ด้วย เป็นรุ่นที่สเปกจัดเต็มมากๆ และใช้งาน i7+RTX 2070 พร้อมจอ 144Hz
 

 
MSI GP65 Leopard นั้น จะมาพร้อมกับสเปกการใช้งาน CPU i7-10750H 2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, up to 5.00 GHz ส่วนการ์ดจอนั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 2070  มาพร้อมกับ 8GB GDDR6 VRAM และ ทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 2666 พร้อมรองรับ Dual Channel ส่วน SSD 512GB PCIe® Gen3 SSD M.2  พร้อมกับหน้าจอในขนาด 15.6″ FullHD  IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 144Hz  มาพร้อมกับลำโพงขนาดใหญ่รุ่นใหม่ รวมถึงรองรับระบบเสียง Hi-Res ผ่านหูฟัง ทางด้านการเชื่อมต่อนั้นให้พอร์ตมาครบมากๆทั้ง USB-C USB-A 3.2 รวมถึง Mini Display Port และ HDMI  พร้อมการเชื่อม Wi-Fi 6 AX รุ่นล่าสุด แน่นอนว่าตัวเครื่องมาในน้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม และ ทางด้าน ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 คีย์บอร์ด SteelSeries พร้อมไฟ Per-key RGB เช่นเดิมครับ ถือว่าในเรื่องของสเปกการใช้งานนั้นสบายๆในการทำงาน หรือ ว่าจะเป็นการเล่นเกม ส่วนหน้าจอก็รองรับการใช้งานได้ดีมากๆทั้งคุณภาพ ความลื่นไหล
 

 

 
MSI GP65 Leopard 10SFK-236TH // CPU : INTEL CORE i7-10750H //  RAM : 16 GB (8*2) DDR 4 // STORAGE : 512GB PCIe/NVMe SSD //  DISPLAY : 15.6 FULL HD 144Hz //  NVIDIA GEFORCE RTX 2070 8 GB GDDR6
 
MSI GP 65 รุ่นที่รีวิว 10SFK-236TH จะเปิด ราคา 51,900 บาท รับประกัน 2 ปี 
 

 

 
UNBOX
 
    - ตัวเครื่อง MSI GP65 LEOPARD
    - กระเป๋า เป้ MSI
    - ที่ชาร์จ ADAPTOR 230W
    - คู่มือ การใช้งาน
 

 
DESIGN
 
ในเรื่องของงานออกแบบตระกูล GP นั้นจะเป็นรุ่นที่เน้นความคุ้มค่า ต่อราคาและสเปกเป็นหลักถ้ามองเทียบกันนั้นจะเป็นซีรีย์หรือรุ่นรองกว่าตัว GE / GT ครับ แต่สเปกนั้นบอกเลยว่าไม่แตกต่างกันมาก ตัวเครื่องจะเน้นความเรียบง่าย โทนสีดำ เทาเข้มเป็นหลักพร้อมกับวัสดุพลาสติดกับ อลูมิเนียมทั้งเครื่องฝาหลังเน้นเรียบๆสีดำ หรือกับโลโก้มีไฟสีขาว ส่วนขนาดอาจจะหนานิดหน่อย แต่น้ำหนักนั้นทำได้ประมาณ 2.3 กิโลกรัมถือว่ายังคงพกพาได้ไม่หนักมากเกินไป ส่วนขอบหน้าจอ 15.6 นิ้วบาง พร้อมกล้องหน้ามาให้ไม่ได้ตัดออกไป และ คีย์บอร์ดที่มาพร้อมกับ NUMPAD
 

 

 

 
งานออกแบบฝาหลังนั้นมาพร้อมกับวัสดุอลูมิเนียมเรียบๆเล่นโทนสีดำด้านพร้อมกับเส้นสาย 2 ข้างนูนขึ้นมาเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ในหลายๆตัว แต่ฝาหลังนั้นเรียบๆทั้งหมดเพิ่มความหรูหรามากขึ้นแต่ก็มีความดุดันไปในตัวพร้อมกับโลโก้ MSI ที่มาพร้อมสีขาวเวลาเปิดใช้งานจะติดเป็นแสงไฟ แต่อาจจะเป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายพอสมควรครับ ส่วนด้านในนั้นจะเป็นสีเงินพร้อมกับลวดลายเส้นสายนิดหน่อยตรงคีย์บอร์ดส่วนที่วางมือครับ และแป้นพิมพ์พร้อมกับแสงสี RGB Per KEY รวมถึง NUMPAD ยังคงใส่เข้ามาให้เต็มขนาดตัวเครื่องพร้อมปุ่ม Power ด้านบน
 

 

 

 
ช่องระบายอากาศถือว่ามีความใหญ่สะใจให้มาทั้งหมด 3 ตำแหน่ง เป็นด้านหลัง 2 ตำแหน่ง และด้านขวาอีก 1 ตำแหน่งนั้นเอง สามารถระบายออกมาได้เร็วและแรงเมื่อเปิด Turbo ด้วยเช่นกันด้านหลังมีเขียน LEOPARD ชัดเจนครับ ส่วนข้อพับบานข้อต่อนั้น มีความแข็งแรงกว่าเจนแรกๆ รวมถึงรุ่นนี้รองรับการกางได้อิสระมากๆสูงสุดได้ตามภาพเลยครับ ส่วนความแข็งแรงและส่วนประกอบจุดหมุนอะไรนั้นทำได้ดีและพัฒนาให้มีความแข็งแรงขึ้นจากเดิมด้วย
 

 

 
ส่วนตัวแอดเองนั้นชอบงานออกแบบข้างใน สีเงินกำลังสวย และเส้นสายหรือว่าลวดลายไม่รกครับมีแค่เส้นสายใต้คีย์บอร์ดเท่านั้นเล่นกับแสงเหลี่ยมมุมชัดเจน และปุ่ม Power ด้านบนพร้อมกับปุ่ม เปิดปิดอะไรใช้งานได้ดีจะเห็นว่าการออกแบบนั้นวางชิดขอบมากๆเพื่อให้ตัวเครื่องนั้นเล็กที่สุด ส่วนโลโก้ MSI ขอบล่างหน้าจอมีพื้นที่ประมาณนึงครับ
 

 

 
หน้าจอ 15.6 นิ้วแต่ขอบบางชัดเจนในด้านข้างและด้านบนมาพร้อมกับกล้องหน้า ไม่ได้ตัดออกไปไหนหน้าจอถือว่าทำออกมาได้สวยและลงตัวขอบหนากำลังดี และมีไมค์มาให้ 2 ตัวพร้อมกับ หน้าจอแบบด้านสู้แสงได้ดีใช้งานหลากหลายสภาพแสงได้รวมถึงเป็นหน้าจอ IPS 144Hz รองรับการทำงานสีสันค่อนข้างตรงรวมถึงมุมมองรองรับได้กว้าง
 

 

 

 
ฝาหลังนั้นจะเห็นว่าค่ายนี้ออกแบบฝาหลังตรงฐานล่างได้หวือหวาจริงๆ มีการเล่นลวดลายเยอะมากรวมถึงการเปิดช่องระบายหรือช่องดูดอากาศได้เยอะมากตัวนึงเมื่อเทียบกับคู่แข่งด้านบนนั้นจะเป็นการใช้งานตระแกรงเต็มๆเลยนั้นเองและมีการยกให้สูงกว่าพื้นเยอะมากเช่นกัน ทำให้เรื่องของการระบายความร้อนตัวนี้ไม่ต้องสงสัยเลยนั้นเองครับ ส่วนช่องด้านล่างนั้นจะเป็นลำโพงคู่ ที่ยิงลงพื้นนั้นเอง และงานประกอบหรือเส้นสายนั้นส่วนตัวชอบและมีความใส่ใจ
 

 

 

 
การอัปเกรดนั้นในรุ่นนี้จะให้ RAM 16GB 2666Mhz มาให้ เป็นช่องละ 8 ครับรองรับได้สูงสุด 64GB ส่วนทางด้าน SSD M.2 NVMe  นั้นให้มา 1 ช่องใส่เข้ามาให้แล้ว 1 ช่องของ WD นะครับ 512GB แต่จะไม่มีแผ่นกราไฟท์หรือ ซิลิโคนอะไรปิดมาให้แอบน่าเสียดาย แต่ส่วนของ RAM นั้นมีมาให้เป็นแผ่น กราไฟท์นะครับและในเรื่องของการอัปเกรดเพิ่มเติมจะได้ SSD M.2 / HDD 2.5″ SATA อัปเกรดได้ 1 ช่องเท่านั้น น่าเสียดายว่า SSD M.2 NVMe ให้มาแค่ 1 จะน้อยกว่ารุ่น GE ครับแต่ก็อย่างว่าตามระดับของเรทราคากันไป ส่วนลำโพงนั้นใหญ่จริงๆในส่วนของของล่างเครื่องครับ จะเห็นว่ากินพื้นที่ไปเยอะพอสมควรและเสียงที่ได้ก็สมราคา ทางด้านระบายความร้อน Heatpipe 7 เส้นพร้อมกับช่องระบาย 3 ช่อง รวมถึงพัดลมใหญ่ 2 ตัวทำให้เรื่องระบายนั้นสบายใจได้ครับจุดนี้
 

 
SPEC
 
    - Intel Core i7-10750H
    - NVIDIA GeForce RTX 2070 8GB GDDR6
    - RAM 16GB DDR4 Bus 2666MHz
    - 512GB  SSD M.2 NVMe PCIe
    - หน้าจอขนาด 15.6″ FHD (1920×1080), 144Hz, IPS-Level
    - Per-Key RGB Backlight Keyboard BY Steelseries Silver-Lining Print
    - 802.11 ax Wi-Fi 6 + Bluetooth v5.1
      - 1 x (4K @ 30Hz) HDMI
      - 1 x Mini-DisplayPort
      - 1 x Type-C USB3.2 Gen2
      - 3 x Type-A USB3.2 Gen1
      - 1x Mic-in/Headphone-out Combo Jack
    - Exclusive Cooler Boost 5 Technology
    - 5X bigger Upgraded Giant Speakers for captivating realism.
    - High-Resolution Audio ready
    - Battery 6 cell , 51Whr
    - 230W adapter
    - ขนาด 35.70 x 24.80 x 2.75 cm
    - น้ำหนัก 2.30 กิโลกรัม
    - ราคา 51,900 บาท รับประกัน 2 ปี
 

 

 
PERFORMANCE
 
ในรุ่นนี้ใช้งาน CPU i7-10750H 2.60 GHz, 12 MB L3 Cache, up to 5.00 GHz ส่วนการ์ดจอนั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 2070  มาพร้อมกับ 8GB GDDR6 VRAM และ ทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 2666 พร้อมรองรับ Dual Channel ส่วน SSD 512GB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อย 1 ช่อง  สามารถอัปเกรด SSD HDD แบบ SATA ได้อีก 1 ลูก  และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้งาน ในรุ่นนี้ถือว่าสเปกนั้นทำได้ดีพร้อมใช้งานเลยทีเดียวครับและการ์ดจอก็แรงสะใจเอาเรื่องเลยทีเดียว
 

 
PC MARK
 
คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว i7 Gen10 ก็ถือว่าแรงพอสมควร ไปได้ 4960 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆและดีกว่าตัว i7 9750H อยู่ด้วยในคะแนนส่วนนี้ ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ  5,100 คะแนนครับ ถือว่าคะแนนในเรื่องของการทำงานสบายๆ
 

 

 

 
3D MARK
 
ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 5 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 3497 ถือว่าดี และตัว TIMESPY ปกตินั้นทำได้ 7584 และ PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 4574 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 85 CPU GPU 74 นะครับ และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 9416 และ FIRE STRIKE ULTRA 4894 คะแนน ถือว่าแรงสมกับ RTX 2070 เลยนั้นเอง และ เปิด พัดลมสูงสุดถือว่าจัดการความร้อนเทียบกับประสิทธิภาพนั้นทำออกมาได้ดีเลย
 
ชื่อสินค้า:   MSI GP65 Leopard
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่