📞📞📞
หนังระทึกขวัญสัญชาติเกาหลี ที่ชื่อดันไปเหมือนกับหนังเรื่อง The Call ในปี 2013 ที่ Halle Berry แสดงนำ ซึ่งตอนแรกผมคิดไปเองโดยไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยว่า น่าจะเนื้อเรื่องคล้ายๆ กัน แต่กลับไม่ใช่ กลายเป็นหนังระทึกขวัญที่มีเรื่องลี้ลับมาเกี่ยวด้วยซะอย่างงั้น ซึ่งเอาจริงๆ ตามแบบฉบับหนังเกาหลีระดับกลางๆ หนังจะมีทั้งความน่าตื่นเต้นและความน่าง่วงนอนในเรื่องเดียวกัน
📞📞📞
ซอยอน ได้รับโทรศัพท์ปริศนา จาก โอยองซุก ที่มาช่วยเหลือครอบครัวของ ซอยอน จากแก๊สระเบิด ซึ่งหลังจากนั้นทั้งคู่ได้คุยกันเรื่อยมา แต่กลับกลายเป็นการคุยครั้งนั้น เป็นการเปิดโอกาสให้ฆาตกรต่อเนื่องสนทนากับหญิงสาวที่อยู่บ้านหลังเดียวกันในอีก 20 ปีข้างหน้าเพื่อใช้ชีวิตและอดีตของเธอเป็นสิ่งต่อรองในการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเอง
📞📞📞
หนังเปิดมาก็น่าง่วงนอนแล้ว เพราะหนังเล่าเรื่องราวของเด็กสาว ซอยอน แบบเอื่อยๆ อึนๆ นานพอสมควร ก่อนจะได้รับโทรศัพท์ลึกลับสายแรก และกว่าจะเข้าเนื้อหาหลักของเรื่อง ก็ใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งจากจุดนี้ กว่าจะเจอกับความน่ากลัวของหนังจริงๆ ก็ต้องใช้เวลาจดๆ จ้องๆ ดูเชิงกันเกือบครึ่งเรื่อง
📞📞📞
จากหนังที่มีความยาวเกือบสองชั่วโมง ในช่วงที่หนังดำเนินมาถึงครึ่งเรื่องพอดี (ผมกดดูเวลา) ตอนแรกผมนึกว่าหนังมาถึงจุดไคลแม็กซ์แล้ว แต่พอกดดูเวลา เฮ้ย...ยังเหลืออีกตั้งชั่วโมง หนังจะเล่าอะไรหว่า พอดูไปเรื่อยๆ พาร์ทที่สองของหนังทำได้ดีกว่าพาร์ทแรกหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว หนังสามารถเอาช่วงเวลา 2 ช่วงเวลาที่สัมพันธ์กันด้วยตัวละครและสถานที่ มาร้อยเรียยงเล่นให้เกิดการฆาตกรรมได้ ผมว่าคนคิดพล็อตเรื่องอาจจะเพิ่งตื่นจากภวังค์ในช่วงกลางเรื่องแล้วคงคิดได้ว่า "ต้องเขียนบทให้สนุกแล้ววสินะเรา" ซึ่งมันต่างกันแบบเห็นได้ชัดเลย
📞📞📞
อย่างที่บอกว่า ช่วงท้ายหนังทำได้ดีจนน่าติดตามจนจบ เพียงแต่ว่าถ้าใครที่ตัดสินหนังตั้งแต่ช่วงแรก รับรองว่าจะบอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย ซึ่งก็จริงน่ะแหละ หนังมันค่อนข้างเอื่อยๆ เฉื่อยๆ และไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ถ้าดูจนจบครึ่งหลัง แล้วตัดบางส่วนของครึ่งแรกมาเป็นตัวเปิด น่าจะดีกว่า เรื่องนี้หาดูได้ใน Netflix ครับ
#TheCall2020 #สายตรงต่ออดีต #Thriller #NetFlix#ดูหนังกันมั๊ย #รีวิวหนัง #moviereview #ดูหนัง #movie #ภาพยนตร์
[CR] [#Review] The Call สายตรงต่ออดีต 📞📞📞 - หนังระทึกขวัญสไตล์เกาหลี มีช่วงตื่นเต้นและช่วงง่วงนอน
📞📞📞
หนังระทึกขวัญสัญชาติเกาหลี ที่ชื่อดันไปเหมือนกับหนังเรื่อง The Call ในปี 2013 ที่ Halle Berry แสดงนำ ซึ่งตอนแรกผมคิดไปเองโดยไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยว่า น่าจะเนื้อเรื่องคล้ายๆ กัน แต่กลับไม่ใช่ กลายเป็นหนังระทึกขวัญที่มีเรื่องลี้ลับมาเกี่ยวด้วยซะอย่างงั้น ซึ่งเอาจริงๆ ตามแบบฉบับหนังเกาหลีระดับกลางๆ หนังจะมีทั้งความน่าตื่นเต้นและความน่าง่วงนอนในเรื่องเดียวกัน
📞📞📞
ซอยอน ได้รับโทรศัพท์ปริศนา จาก โอยองซุก ที่มาช่วยเหลือครอบครัวของ ซอยอน จากแก๊สระเบิด ซึ่งหลังจากนั้นทั้งคู่ได้คุยกันเรื่อยมา แต่กลับกลายเป็นการคุยครั้งนั้น เป็นการเปิดโอกาสให้ฆาตกรต่อเนื่องสนทนากับหญิงสาวที่อยู่บ้านหลังเดียวกันในอีก 20 ปีข้างหน้าเพื่อใช้ชีวิตและอดีตของเธอเป็นสิ่งต่อรองในการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเอง
📞📞📞
หนังเปิดมาก็น่าง่วงนอนแล้ว เพราะหนังเล่าเรื่องราวของเด็กสาว ซอยอน แบบเอื่อยๆ อึนๆ นานพอสมควร ก่อนจะได้รับโทรศัพท์ลึกลับสายแรก และกว่าจะเข้าเนื้อหาหลักของเรื่อง ก็ใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งจากจุดนี้ กว่าจะเจอกับความน่ากลัวของหนังจริงๆ ก็ต้องใช้เวลาจดๆ จ้องๆ ดูเชิงกันเกือบครึ่งเรื่อง
📞📞📞
จากหนังที่มีความยาวเกือบสองชั่วโมง ในช่วงที่หนังดำเนินมาถึงครึ่งเรื่องพอดี (ผมกดดูเวลา) ตอนแรกผมนึกว่าหนังมาถึงจุดไคลแม็กซ์แล้ว แต่พอกดดูเวลา เฮ้ย...ยังเหลืออีกตั้งชั่วโมง หนังจะเล่าอะไรหว่า พอดูไปเรื่อยๆ พาร์ทที่สองของหนังทำได้ดีกว่าพาร์ทแรกหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว หนังสามารถเอาช่วงเวลา 2 ช่วงเวลาที่สัมพันธ์กันด้วยตัวละครและสถานที่ มาร้อยเรียยงเล่นให้เกิดการฆาตกรรมได้ ผมว่าคนคิดพล็อตเรื่องอาจจะเพิ่งตื่นจากภวังค์ในช่วงกลางเรื่องแล้วคงคิดได้ว่า "ต้องเขียนบทให้สนุกแล้ววสินะเรา" ซึ่งมันต่างกันแบบเห็นได้ชัดเลย
📞📞📞
อย่างที่บอกว่า ช่วงท้ายหนังทำได้ดีจนน่าติดตามจนจบ เพียงแต่ว่าถ้าใครที่ตัดสินหนังตั้งแต่ช่วงแรก รับรองว่าจะบอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย ซึ่งก็จริงน่ะแหละ หนังมันค่อนข้างเอื่อยๆ เฉื่อยๆ และไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ถ้าดูจนจบครึ่งหลัง แล้วตัดบางส่วนของครึ่งแรกมาเป็นตัวเปิด น่าจะดีกว่า เรื่องนี้หาดูได้ใน Netflix ครับ
#TheCall2020 #สายตรงต่ออดีต #Thriller #NetFlix#ดูหนังกันมั๊ย #รีวิวหนัง #moviereview #ดูหนัง #movie #ภาพยนตร์
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้