สร้อยศศิธรที่รัก

...............ผมกำลังขับรถบนถนนเพชรเกษมขาล่องใต้  แม้ตอนออกรถมาจะค่อนข้างเร่งรีบ ฉุกละหุกไปหน่อยเพราะลางานไม่ได้  ต้องเดินทางตั้งแต่หัวค่ำ เป้าหมายคือบ้านของแฟน  

              ผมคำนวณเวลาดูแล้ว ไปให้ถึงก่อนสว่าง อาจมีจอดแวะรายทางบ้าง ขับรถไม่ต้องเร็วนักไปให้ถึงก่อนสว่างก็ยังได้   รถยนต์ค่อนข้างมาก การเคลื่อนตัวยังไปได้สะดวก  ตลอดเส้นทาง ผมมีเพื่อนร่วมทางมากมายโดยเฉพาะบรรดาสิงห์รถบรรทุก  

             มองเวลาบนคอนโซลรถ หกโมงเย็นกำลังหัวค่ำ จีพีเอสถูกเปิด ผมจำเป็นต้องใช้มันนำทางในคราวนี้  ในเมื่อผมไม่รู้จักทางไปบ้านของแฟน ได้ยินมาว่าเป็นบ้านสวน แต่ละหลังตั้งอยู่ค่อนข้างห่างกัน  ตามปกติของชนบท หนทางไปถึงค่อนข้างลำบาก  ญาติผู้ใหญ่ของเธอกำลังป่วยหนัก ต้องกลับไปดูใจ ได้เดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ว  ตัวผมติดงาน จะขอลาทันทีไม่ได้  ครั้นจะละเลยไม่สนใจขึ้นมา  คงมองหน้ากันไม่ติดแน่ อะไรๆ มันเลยไม่ค่อยพร้อม 

             ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นม่านสีดำ ม่านตาไม่ทันปรับรับกับแสงน้อย  ผมต้องหยีตาเมื่อถูกแสงสีส้มแผดจ้าของไฟถนนแยงตา  จังหวะกำลังขับแซงรถบรรทุก มีรถวิ่งสวนมา ผมสะดุ้งตกใจหักหลบ เสียงดังในหูดังครืดๆ  ยอมรับสายตามันพร่าไปหมด  รถคันนั้นเป็นของตำรวจด้วย โชคดีหลบกันได้ทัน  ไม่รู้ตำรวจในรถคันนั้นจะตามมาเอาเรื่องผมหรือเปล่า มันสุดวิสัยจริงๆ  ผมยอมรับว่าสายตาไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะตอนกลางคืน ในเมื่องานการที่ทำ ต้องจ้องหน้าจอคอมฯ บ่อย ทำให้คุณภาพการมองเห็นลดลง 

             ทางลาดชันมากขึ้นด้วยเป็นเนินเขา แม้ไม่สูงชันเช่นถนนทางภาคเหนือ ทางโค้งมีอยู่ไม่น้อย ค่อนข้างเกิดอุบัติขึ้นบ่อย  ป้ายเตือนทางโค้งอันตรายมีเป็นระยะ  ผมขับไปคอยชำเลืองมองตลอด  ไฟถนนที่เคยมี ตอนนี้มันมืดและเปลี่ยวพอสมควร สองข้างทางเป็นป่าละเมาะ  

             ผมก็พอได้ยินข่าวมาเหมือนกัน เรื่องอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยบนถนนสายนี้ เส้นทางที่ต้องระวังเป็นพิเศษ  คือช่วงทางโค้งขึ้นเนินซ้อนกันถึง 3 โค้ง และเป็นเส้นทางที่มีรถบรรทุกใช้สัญจรจำนวนมาก  ทำให้ผู้ขับขี่ที่ไม่คุ้นชินเส้นทางมักประสบอุบัติเหตุ  โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน  

             ช่วงนี้เดือนธันวาคมจะย่างสู่เข้าปีใหม่  ไม่มีฝนตก ผมจึงเบาใจ ไม่กังวลเรื่องนี้นัก  ขับไปเปิดเพลงฟังไป  ขอเพียงขับรถไม่เร็ว หมั่นสังเกตป้ายจราจร ผมคิดว่าสามารถขับผ่านเส้นทางนี้ได้อย่างไม่ยากนัก
 

             ข้างหน้ารถติดกันมาก ทั้งที่ไม่ใช่เขตเมือง เสียงแตรเสียงไซเรนดังจนสับสน  ผมร้องในใจ เอาแล้วๆ  ต้องใช่แน่ จะต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแน่!  และมันก็เป็นไปตามที่เดาไว้  จังหวะที่ต้องชะลอรถเคลื่อนผ่านจุดเกิดเหตุ  บนพื้นมีเศษกระจกมากมาย ราวกับเม็ดกรวดสะท้อนแสงไฟ  ชิ้นส่วนโลหะบิดเบี้ยว ชิ้นเล็กบ้างใหญ่บ้างตกขวางถนน  คนใช้รถต้องใช้ความระมัดระวังขับผ่านมันไป

             ผมหรี่เสียงเพลง แล้วเลื่อนกระจกรถลง  มองหารถยนต์คันประสบเหตุ คันเดียวหรือสองคันไม่แน่ใจ  อาจจะตกไหล่ทางไปเองโดยไม่มีคู่กรณี  ถนนสายนี้ขึ้นชื่อความน่ากลัวตรงที่เป็นทางตรงยาวแถมค่อนข้างมืด  ผู้ใช้รถใช้ถนนที่ไม่ชินกับเส้นทาง กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีรถก็พุ่งมาถึงช่วงโค้งแล้ว  อีกทั้งบางจุดยังมีลักษณะถนนทรุดตัว รถยนต์เสียหลักหมุนตกข้างทางบ่อย

             สภาพมืดเช่นนี้ ไฟฉุกเฉินสว่างวูบวาบจนแสบตา  เสียงไซเรนกับเสียงวิทยุสื่อสารของตำรวจ  มันเป็นภาพอันสับสนอลหม่าน  สภาพเส้นทางตอนนี้เป็นคอขวด  เจ้าหน้าที่ต้องเร่งระบายรถให้เร็วที่สุด  

            ตำรวจนายหนึ่งยืนเป็นเงาตะคุ่มใช้แท่งไฟกะพริบโบกไปมา  จะว่าสายตาของผมไม่ค่อยดีหรืออย่างไรไม่ทราบ  ตรงนั้นมันมืดด้วย จึงเห็นร่างตำรวจนายนั้นไม่ชัดนัก  เป็นเงาสลัวๆ เห็นแต่ร่างกายท่อนบนลงมากับมือที่ถือกระบองไฟโบกไปมา ยิ่งรถเข้าไปใกล้  มีเพียงแสงสีแดงวูบวาบ  ทำให้เห็นเนื้อตัวเลอะไปด้วยคราบ ที่ผมไม่อาจบอกได้มันคือคราบอะไร  ในจังหวะแสงไฟหน้ารถสาดไปมุมนั้น  ผมไม่เห็นร่างนั้นเสียแล้ว  มันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรต้องเอามาใส่ใจ ในเมื่อตำรวจเดินกันเพ่นพ่านแถวนี้    
  
             ผมจะมัวสนใจอุบัติเหตุมากนักไม่ได้  รถข้างหลังกระบะสีแดงโหลดต่ำแต่งซิ่ง กำลังไล่จี้มา พอพ้นเหลี่ยมมุมบัง  ผมถึงได้เห็นรถคันประสบเหตุเป็นรถของตำรวจ ก็คือคันที่ยื่นท้ายรถมาบังนั่นเอง สภาพน่าจะประสานงากับรถอีกคัน และคงถูกเคลื่อนย้ายไปก่อนหน้าแล้ว  รถคันนี้กำลังจะถูกย้ายตาม  

             รถกู้ภัยเปิดเสียงไซเรนขอทาง นำผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ส่วนอีกร่างของผู้ประสบเหตุนั้น ทันเห็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้ผ้าคลุมร่าง  ท่อนขาที่ล้ำออกมากางเกงเนื้อผ้าสีกากี  ผมหายใจดังเฮือก!  หันขวับไปทางด้านหลัง อยู่ดีๆ ทำไมขนลุกซู่ขึ้นมา ผมบอกตัวเอง ภาพอันแสนน่ากลัวมันเป็นเพราะอุปาทานไปเองมากกว่า ผมใม่อยากสาธยายสิ่งที่เห็นออกมา 

             ทันทีรถบรรทุกคันหน้าเคลื่อนตัว ถนนโล่งแล้ว ผมเหยียบคันเร่งทันที พวงมาลัยดอกไม้สดคล้องไว้บนกระจกมองหลังมันไกวไปมา ในรถมีเพียงเท่านี้ ในเมื่อพึ่งถอยรถออกมาใหม่ จึงไม่ได้มีพวกเครื่องรางของขลัง

             ผมผ่านเส้นทางอันตรายที่สุดมาได้แล้ว ความรู้สึกพรั่นพรึงตอนนั้น หนทางข้างหน้ามีเพียงรถบรรทุกคันเดียว ขับช้าแต่ดันแช่ขวา คนขับรถประเภทนี้น่ารำคาญมากครับ เอาเปรียบสังคมผู้ใช้รถใช้ถนน   ขับตามมาหลายกิโลเมตรยังไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนเลนให้  ในเมื่อถนนออกจะโล่งมาขับกั๊กอยู่ได้   ถนนเข้าทางตรง ผมเปิดไฟสูงให้แน่ใจไม่มีรถสวนทางมา ตัดสินใจจะแซงซ้ายไปเลย  รถบรรทุกคันนั้นยังขับเบี่ยงมาบังหน้า ไม่ให้แซงไปได้

             คราวนี้แทนที่คนจะอามรณ์เดือดขึ้นมาคือผม กลับเป็นรถกระบะสีแดง ในเมื่อขับตามหลังมาติดๆ บนถนนสายเปลี่ยวตอนนี้นี้มีรถอยู่แค่สามคันเท่านั้น  ผมไม่อยากวัดใจกับคนขับสิบล้อ เกิดอุบัติเหตุแล้วได้ไม่คุ้มเสีย รถมันคันใหญ่กว่าผม บังได้บังไปผมใจเย็นพอ อีกครู่ก็ถึงสะพานหมวดการทางบางสะพาน ขับรถนักเลงแบบนี้ไม่พ้นตำรวจแน่

             รถกระบะสีแดงกดแตร่ลั่น ทั้งกะพริบไฟใส่ ลักษณะแบบนี้คือเขากำลังด่ามา คราวนี้ต้องมีเรื่องแน่  เจ้าของรถคันหลังไม่พอใจแน่  ผมเป่าปากดังแรง ชะลอขับชิดซ้ายให้แซงหน้าขึ้นไปได้  ให้หาทางวัดใจกับพวกขับสิบล้อดูในเมื่อรถเขาแรงกว่า

             อย่างไม่คาดคิดรถกระบะคันนั้นลดกระจกลง  คนนั่งฝั่งซ้ายชูนิ้วกลางออกมาจากตัวรถให้ผม พอขับแซงได้  แทนที่รถแรงจะแซงรถคันข้างหน้าไปเลย  กลับแตะเบรกกะทันหัน จนผมต้องเหยียบเบรกเกือบชนท้ายเข้าให้แล้ว     

(ยังไม่จบครับ วันหลังจะมาต่อ)

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่