ขอบอกก่อนค่ะว่าไม่มีรูปให้ดู เพราะไม่ใช่รีวิว แต่เป็นการเล่าประสบการณ์จริงของตัวเอง คิดว่าอาจมีประโยชน์ต่อหลายๆคนที่กำลังคิดจะลดความอ้วนด้วยวิธีลัด ตอนนี้มีคลินิกเสริมความงามจำนวนมากที่ลงโฆษณาสลายไขมันด้วยวิธีต่างๆ ทางเฟสบุ๊ค วิธีที่เราไปลอง คือ
การสลายไขมันและกระชับรูปร่าง ซึ่งแต่ละคลินิกก็ใช้ชื่อไม่เหมือนกัน แต่คอนเสปท์ไปในทางเดียวกัน คือ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บ สลายไขมัน รูปร่างเฟิร์มขึ้น วิธีทำคือใช้เครื่องที่มีหัวจับมาดูดผิวหนังส่วนที่เป็นไขมัน เพื่อสลายไขมันใต้ผิวหนัง
เราไปทำที่คลินิกแห่งหนึ่งใน กทม. ไปทำเพราะได้ราคาโปรโมชั่น เราทำส่วนหน้าท้อง ขั้นตอนการทำคือ พนักงานจะมาวัดขนาดเอวเรา และจับหน้าท้องเรา เขาบอกว่าท้องเราค่อนข้างแข็ง ปกติถ้าท้องแข็งจะต้องใช้เครื่องตีไขมันให้นุ่มลงก่อน แล้วจึงใช้เครื่องสลายไขมัน แต่ของเราคงไม่มีปัญหา เดี๋ยวใช้เครื่องดูดเลยละกัน (แหงล่ะ ถ้ามัวใช้เครื่องตีไขมันอีกก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม และเราไม่อยากจ่ายเพิ่ม) ที่นี่ใช้พนักงานทำ ไม่ใช่หมอ และคิดว่าหลายที่ก็คงไม่ใช่หมอ ถ้าไม่ใช่การผ่าตัดหรือฉีดยา
จากนั้นเราก็นอนบนเตียง พนักงานก็เอาน้ำมันอะไรไม่รู้มาทาและนวดบริเวณทั่วหน้าท้องเรา ทีนี้ความบันเทิงก็เริ่มเกิด...เพราะเรามีอาการเกร็งหน้าท้อง ทำให้หน้าท้องยิ่งแข็ง พนักงานบอกว่าอย่าเกร็ง เพราะยิ่งเกร็ง เครื่องก็จะยิ่งจับไขมันได้ไม่เต็มที่ เราก็บอกเขาว่าเราไม่ได้ตั้งใจเกร็ง แต่เราเป็นคนบ้าจี้ แค่มีอะไรมาสัมผัสก็เกร็งแล้ว พอเขานวดเสร็จก็เริ่มใช้เครื่อง เอาหัวจับมาหนีบๆๆๆ ตามจุดต่างๆ ที่มีไขมันทั่วหน้าท้อง เครื่องจะดูดผิวและปล่อยความร้อนออกมา
คราวนี้ล่ะพีคมาก เรานี่แบบว่า.......
แม่จ้าวววววววว เจ็บอ๊าาาาาาาา ไม่เห็นเหมือนที่โฆษณาเลย (ทุกที่จะโฆษณาว่าไม่เจ็บ) พอยิ่งเจ็บ ก็ยิ่งเกร็งหน้าท้องหนักขึ้น พนักงานบอกว่าอย่าเกร็ง ถ้าเกร็งหน้าท้องจะแข็ง ถ้าท้องแข็งเครื่องจะดูดไขมันไม่ติดนะ เราก็บอกเขาว่าเราเจ็บ เขาบอกว่าถ้าไม่เกร็งก็ไม่เจ็บ เราบอกว่าก็เพราะเจ็บถึงได้ยิ่งเกร็ง (เราสงสัยว่าลูกค้าคนอื่นนี่ไม่เจ็บหรือไง โดนหนีบท้องแบบนั้น ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะไม่เจ็บ) เราหยุดเกร็งไม่ได้ เราถามเขาว่าจะใช้เครื่องหนีบเรานานแค่ไหน เขาบอกว่า 20 นาที เราก็แบบ
ห๊าาาาาาาาาาา ม่ายยยยยยยยยย
พอพนักงานเห็นว่าเราเจ็บ เขาก็เลิกทำ แล้วเปลี่ยนไปใช้อีกวิธีหนึ่ง ซึ่งใช้หัวจับและดูดผิวหนังเพื่อสลายไขมันเหมือนกัน แต่ต่างจากวิธีแรกคือ เครื่องจะไม่หนีบผิวหนัง (เจ็บน้อยลง) และเปลี่ยนจากใช้ความร้อนเป็นใช้ความเย็นแทน แต่ประสิทธิภาพก็จะด้อยกว่าวิธีแรกด้วย ซึ่งนาทีนั้นเราไม่สนใจแล้วว่ามันจะด้อยกว่าวิธีแรก เพราะเราไม่ไหวกับวิธีแรก และตราบใดที่เราไม่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่าย เราก็ยอม
จุดพีคอีกอย่างคือ พนักงานพูดขายคอร์สจ้า บอกว่าของเราทำครั้งแรกยังไม่เห็นผลหรอก ต้องทำอย่างน้อย 5 ครั้ง (แต่ในโฆษณาบอกว่าเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก) และก็สรรหาคอร์สสลายไขมันวิธีต่างๆมาเสนอขายเรา วิธีไหนเราทำแล้วเจ็บ-เกร็ง เขาก็หาวิธีอื่นมาเสนอ แต่ละอย่างราคาเหยียบหมื่น เขาพูดโน้มน้าวด้วยเทคนิคแพรวพราว ทั้งโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม ทั้งบอกว่าถ้าไม่ซื้อตอนนี้ แล้วมาซื้อทีหลังจะไม่ได้ราคาพิเศษแล้ว ทั้งพูดว่าตัวเขาก็เคยสลายไขมันด้วยคอร์สนั้นมาแล้ว และมันดีมาก (แต่คนพูดนี่อ้วนเชียว สงสัยทำตั้งแต่ชาติที่แล้ว 555) แถมบอกอีกว่าเรามีไขมันเยอะ มีเซลลูไลท์ โครงร่างใหญ่ พูดลามไปถึงส่วนอื่นของร่างกายเรา บอกว่าต้นแขนกับต้นขาเราก็ใหญ่ ควรสลายไขมันด้วยเหมือนกัน (ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครทักว่าเราโครงร่างใหญ่ แขนขาใหญ่เลยสักคน มีแต่คนทักว่าตัวเล็ก ถ้าไม่ถอดเสื้อผ้าดูก็ไม่เห็นหรอกว่าอ้วน)
และด้วยความที่เราเป็นคนค่อนข้างใจอ่อน ไม่อยากปฏิเสธตรงๆแบบไร้เยื่อใย (แต่ใจปฏิเสธไปแล้ว ที่มาทำก็เพราะได้ราคาโปรโมชั่นหรอก) เราก็แทบจะไม่พูดอะไรเลย ฟังอย่างเดียว และก็บอกว่าตอนนี้ไม่สะดวก ยังตัดสินใจไม่ได้ ขอไปคิดดูก่อน พนักงานก็พยายามโน้มน้าวหลายครั้ง แต่ด้วยพลังแห่งความงก เราก็พูดเหมือนเดิม ว่ายังตัดสินใจไม่ได้ ขอไปคิดดูก่อน ไม่เป็นไร พอพนักงานเห็นว่าคงโน้มน้าวไม่สำเร็จแล้ว เขาถึงได้ปล่อยเรากลับ แต่ไม่มีการขอบคุณที่เรามาใช้บริการเลย มีแต่เรานี่แหละที่ทั้งพูดขอบคุณและยกมือไหว้เขา
จบแล้ว หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ สำหรับคนที่คิดจะไปทำ ควรรู้ไว้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง และที่เห็นในโฆษณาต่างๆของคลินิกนั่นมันมีความจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน อย่างเราถ้าไม่ได้ไปลองเองก็คงไม่รู้ ไม่ค่อยมีใครมาบอกแบบนี้ ข้อดีของการได้ไปลองเองคือ ทำให้เราล้มเลิกความคิดที่จะลดความอ้วนด้วยวิธีพวกนี้ เพราะไม่อยากเสียเงินเยอะๆ เพื่อเจ็บหลายๆ ครั้ง โดยที่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร และก็ไม่อยากฟังคนขายคอร์สด้วย
เล่าประสบการณ์การไปสลายไขมัน-กระชับรูปร่าง ที่คลินิกเสริมความงาม
เราไปทำที่คลินิกแห่งหนึ่งใน กทม. ไปทำเพราะได้ราคาโปรโมชั่น เราทำส่วนหน้าท้อง ขั้นตอนการทำคือ พนักงานจะมาวัดขนาดเอวเรา และจับหน้าท้องเรา เขาบอกว่าท้องเราค่อนข้างแข็ง ปกติถ้าท้องแข็งจะต้องใช้เครื่องตีไขมันให้นุ่มลงก่อน แล้วจึงใช้เครื่องสลายไขมัน แต่ของเราคงไม่มีปัญหา เดี๋ยวใช้เครื่องดูดเลยละกัน (แหงล่ะ ถ้ามัวใช้เครื่องตีไขมันอีกก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม และเราไม่อยากจ่ายเพิ่ม) ที่นี่ใช้พนักงานทำ ไม่ใช่หมอ และคิดว่าหลายที่ก็คงไม่ใช่หมอ ถ้าไม่ใช่การผ่าตัดหรือฉีดยา
จากนั้นเราก็นอนบนเตียง พนักงานก็เอาน้ำมันอะไรไม่รู้มาทาและนวดบริเวณทั่วหน้าท้องเรา ทีนี้ความบันเทิงก็เริ่มเกิด...เพราะเรามีอาการเกร็งหน้าท้อง ทำให้หน้าท้องยิ่งแข็ง พนักงานบอกว่าอย่าเกร็ง เพราะยิ่งเกร็ง เครื่องก็จะยิ่งจับไขมันได้ไม่เต็มที่ เราก็บอกเขาว่าเราไม่ได้ตั้งใจเกร็ง แต่เราเป็นคนบ้าจี้ แค่มีอะไรมาสัมผัสก็เกร็งแล้ว พอเขานวดเสร็จก็เริ่มใช้เครื่อง เอาหัวจับมาหนีบๆๆๆ ตามจุดต่างๆ ที่มีไขมันทั่วหน้าท้อง เครื่องจะดูดผิวและปล่อยความร้อนออกมา
คราวนี้ล่ะพีคมาก เรานี่แบบว่า.......แม่จ้าวววววววว เจ็บอ๊าาาาาาาา ไม่เห็นเหมือนที่โฆษณาเลย (ทุกที่จะโฆษณาว่าไม่เจ็บ) พอยิ่งเจ็บ ก็ยิ่งเกร็งหน้าท้องหนักขึ้น พนักงานบอกว่าอย่าเกร็ง ถ้าเกร็งหน้าท้องจะแข็ง ถ้าท้องแข็งเครื่องจะดูดไขมันไม่ติดนะ เราก็บอกเขาว่าเราเจ็บ เขาบอกว่าถ้าไม่เกร็งก็ไม่เจ็บ เราบอกว่าก็เพราะเจ็บถึงได้ยิ่งเกร็ง (เราสงสัยว่าลูกค้าคนอื่นนี่ไม่เจ็บหรือไง โดนหนีบท้องแบบนั้น ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะไม่เจ็บ) เราหยุดเกร็งไม่ได้ เราถามเขาว่าจะใช้เครื่องหนีบเรานานแค่ไหน เขาบอกว่า 20 นาที เราก็แบบ ห๊าาาาาาาาาาา ม่ายยยยยยยยยย
พอพนักงานเห็นว่าเราเจ็บ เขาก็เลิกทำ แล้วเปลี่ยนไปใช้อีกวิธีหนึ่ง ซึ่งใช้หัวจับและดูดผิวหนังเพื่อสลายไขมันเหมือนกัน แต่ต่างจากวิธีแรกคือ เครื่องจะไม่หนีบผิวหนัง (เจ็บน้อยลง) และเปลี่ยนจากใช้ความร้อนเป็นใช้ความเย็นแทน แต่ประสิทธิภาพก็จะด้อยกว่าวิธีแรกด้วย ซึ่งนาทีนั้นเราไม่สนใจแล้วว่ามันจะด้อยกว่าวิธีแรก เพราะเราไม่ไหวกับวิธีแรก และตราบใดที่เราไม่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่าย เราก็ยอม
จุดพีคอีกอย่างคือ พนักงานพูดขายคอร์สจ้า บอกว่าของเราทำครั้งแรกยังไม่เห็นผลหรอก ต้องทำอย่างน้อย 5 ครั้ง (แต่ในโฆษณาบอกว่าเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก) และก็สรรหาคอร์สสลายไขมันวิธีต่างๆมาเสนอขายเรา วิธีไหนเราทำแล้วเจ็บ-เกร็ง เขาก็หาวิธีอื่นมาเสนอ แต่ละอย่างราคาเหยียบหมื่น เขาพูดโน้มน้าวด้วยเทคนิคแพรวพราว ทั้งโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม ทั้งบอกว่าถ้าไม่ซื้อตอนนี้ แล้วมาซื้อทีหลังจะไม่ได้ราคาพิเศษแล้ว ทั้งพูดว่าตัวเขาก็เคยสลายไขมันด้วยคอร์สนั้นมาแล้ว และมันดีมาก (แต่คนพูดนี่อ้วนเชียว สงสัยทำตั้งแต่ชาติที่แล้ว 555) แถมบอกอีกว่าเรามีไขมันเยอะ มีเซลลูไลท์ โครงร่างใหญ่ พูดลามไปถึงส่วนอื่นของร่างกายเรา บอกว่าต้นแขนกับต้นขาเราก็ใหญ่ ควรสลายไขมันด้วยเหมือนกัน (ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครทักว่าเราโครงร่างใหญ่ แขนขาใหญ่เลยสักคน มีแต่คนทักว่าตัวเล็ก ถ้าไม่ถอดเสื้อผ้าดูก็ไม่เห็นหรอกว่าอ้วน)
และด้วยความที่เราเป็นคนค่อนข้างใจอ่อน ไม่อยากปฏิเสธตรงๆแบบไร้เยื่อใย (แต่ใจปฏิเสธไปแล้ว ที่มาทำก็เพราะได้ราคาโปรโมชั่นหรอก) เราก็แทบจะไม่พูดอะไรเลย ฟังอย่างเดียว และก็บอกว่าตอนนี้ไม่สะดวก ยังตัดสินใจไม่ได้ ขอไปคิดดูก่อน พนักงานก็พยายามโน้มน้าวหลายครั้ง แต่ด้วยพลังแห่งความงก เราก็พูดเหมือนเดิม ว่ายังตัดสินใจไม่ได้ ขอไปคิดดูก่อน ไม่เป็นไร พอพนักงานเห็นว่าคงโน้มน้าวไม่สำเร็จแล้ว เขาถึงได้ปล่อยเรากลับ แต่ไม่มีการขอบคุณที่เรามาใช้บริการเลย มีแต่เรานี่แหละที่ทั้งพูดขอบคุณและยกมือไหว้เขา
จบแล้ว หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ สำหรับคนที่คิดจะไปทำ ควรรู้ไว้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง และที่เห็นในโฆษณาต่างๆของคลินิกนั่นมันมีความจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน อย่างเราถ้าไม่ได้ไปลองเองก็คงไม่รู้ ไม่ค่อยมีใครมาบอกแบบนี้ ข้อดีของการได้ไปลองเองคือ ทำให้เราล้มเลิกความคิดที่จะลดความอ้วนด้วยวิธีพวกนี้ เพราะไม่อยากเสียเงินเยอะๆ เพื่อเจ็บหลายๆ ครั้ง โดยที่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร และก็ไม่อยากฟังคนขายคอร์สด้วย