บันทึกแห่งการเดินทางของสาวสองวัย: อิ่มบุญ @ อู่ทอง

อิ่มบุญ @ อู่ทอง
By Auntie & Yayee

     ทริป 1 วัน ขับรถเที่ยวเอง ไม่ไกลกรุงเทพครั้งนี้ เริ่มต้นมาจากความอยากจะไปเที่ยว แต่ไม่อยากค้างคืน ก็พยายามหาว่าไปไหนดี สุดท้ายนึกขึ้นได้ว่าเคยร่วมทำบุญสร้างพระใหญ่ที่กาญจนบุรีอยู่หลายหน เลยลองหาจาก google ดูว่าเดินทางไปยังไง และในละแวกใกล้เคียง มีสถานที่ท่องเที่ยวให้แวะอีกหรือเปล่า สุดท้ายก็เลยเกิดทริปนี้ขึ้นมา 

     เราออกเดินทางจากกรุงเทพช่วงสายๆ ไปตามเส้นทางถนนกาญจนาภิเษก ผ่านบางใหญ่ มุ่งหน้าไปยัง อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี ขับสบายๆ ระยะทาง 140 กิโลเมตร ก็มาถึงจุดหมายแรกของวันนี้ วัดทิพย์สุคนธาราม


     แค่ป้ายประตูทางเข้าวัดก็อลังการแล้ว วัดทิพย์สุคนธารามในพระบรมราชินูปถัมภ์  ก่อนเลี้ยวเข้าวัดเราจะเห็นองค์พระยืน แต่ไกลเลย เป็นพระคันธารราฐ ปางขอฝนเนื้อสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ชื่อว่า พระพุทธเมตตา ประชาไทยไตรโลกนาถ คันธารราฐอนุสสรณ์ ครั้งแรกที่ได้ร่วมทำบุญสร้างพระองค์นี้นั้น ได้เห็นจากหนังสือพิมพ์ลงประกาศให้ร่วมบริจาคเมื่อนานหลายปีแล้ว และได้ร่วมบริจาคอยู่หลายหน แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง องค์พระขนาดใหญ่ กลางสวนหย่อมเขียวขจี ที่มีการดูแลรักษาดีมาก ถ้ามาช่วงเช้า หรือ ช่วงแดดร่มลมตก น่าจะสบายมาก แต่เรานั้น มาถึงในช่วงแดดเปรี้ยง แต่ก็ไม่ละความพยายาม ไปกราบขอพรหน้าองค์พระ อานิสงส์จากการสักการะพระคันธารราฐนั้น เชื่อกันว่า จะทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ ร่มเย็นเป็นสุข

ด้านหลังองค์พระจะเห็นยักษ์ 2 ตน ด้านข้างซ้ายขวา

บริเวณลานด้านข้าง

ลานกว้างหน้าองค์พระ

สระน้ำด้านหน้าองค์พระ มี 2 สระ

ทางเดินจากลานจอดรถเข้ามาหาองค์พระ

หลังจากสักการะองค์พระแล้ว เข้าไปสักการะพระประธานในพระอุโบสถหลังเล็ก ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ เดินขึ้นบันไดนาคไปตามในภาพ 


ก็จะเจอกับลานกว้าง มีพระอุโบสถตั้งอยู่ ภายในพระอุโบสถมีความเรียบง่าย สวยงาม


หลังจากสักการะพระประธานในพระอุโบสถ เรียบร้อยแล้ว เราก็เตรียมตัว ออกเดินทางไปยังวัดต่อไป


จุดหมายปลายทางอันดับต่อไปของเราอยู่ที่ วัดสระลงเรือ  อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ห่างจากวัดทิพย์สุคนธารามเพียง 10 กิโลเมตร เท่านั้น ที่นี่มีอะไรดีทำไมต้องไป ตามไปดูให้เห็นกับตากันเลย


พอเข้าเขตวัดเราจะเจอหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ แบบในภาพนี้ และบริเวณวัดที่กว้างขวาง ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีที่จอดรถ  ภายในวัดมีให้เลือกทำบุญได้ตามใจชอบ แต่ทีเด็ดของวัดนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อหันไปมองอีกด้าน จะเจอเรือสุพรรณหงส์ กลางน้ำแบบในภาพ


ด้วยความสงสัยว่าภายในนั้นจะมีอะไร เราก็ต้องตามไปดู เดินไปตามทางเดินเพื่อไปลงเรือสุพรรณหงส์กัน ไปถึงทางลงเรือก็ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าไป ทางวัดจะมีถุงให้ใส่รองเท้าให้เราถือเข้าไป 

ภายในทางเดินที่เชื่อมไปหาเรือสุพรรณหงส์

ถ่ายจากทางเดิน

ถ่ายจากทางเดินย้อนกลับไปหาองค์หลวงพ่อโต

เมื่อเดินเข้าไปถึงตัวเรือสุพรรณหงส์ จะมีทางเดินแยกขึ้นไปยังมณฑปด้านบน เพื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุ

ถ่ายจากทางออกจากเรือสุพรรณหงส์

หลังจากเดินชมข้างในเรือ เรียบร้อยแล้วเราก็เดินออกมายังทางออก คืนถุงใส่รองเท้าเรียบร้อย ก็ออกมาจากตัวเรือ ระหว่างทางจะมีให้อาหารปลา มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก แต่ก็ไม่ได้คึกคักมากนัก  จำนวนคนที่มาเที่ยวที่นี่ยังมีน้อยมาก

หลังจากนั้นเราก็เดินทางต่อมุ่งหน้า อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเมืองนี้ของดีมากมายทีเดียว ก่อนจะไปเที่ยวต่อ ขอแวะรับประทานอาหารกลางวันกันก่อน แถวนี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อย ชื่อร้านก๋วยเตี๋ยวตาลี (ลืมถ่ายรูปร้านมา) อยู่ริมถนนหาไม่ยาก  จากนั้นก็ไปต่อกันที่เมืองอู่ทองกันเลย

เมืองอู่ทองเป็นเมืองสำคัญ ในยุคทวารวดี ซึ่งมีการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมายที่นี่ ทำให้มีข้อสันนิษฐานว่าเป็นดินแดนแรกที่รับศาสนาพุทธมาจากอินเดีย

วัดเขาถ้ำเสือ เป็นวัดแห่งแรกที่เราแวะในเขตเมืองโบราณอู่ทอง 

ที่นี่คือวัดเขาถ้ำเสือ อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ถิ่นกำเนิดของเครื่องรางของขลัง ชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี ภายในบริเวณวัดมีสิ่งก่อสร้างเป็นสถูปคล้ายธรรมเมกขสถูป ที่เมืองสารนาถ ประเทศอินเดีย หนึ่งในพุทธสังเวชนียสถาน เป็นที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา และบริเวณใกล้กันยังมีธรรมจักรขนาดใหญ่ตั้งอยู่ รวมถึงเสาอโศกจำลอง (ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช แห่งอินเดีย สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้า ) และมีพระพุทธรูปหินทรายไว้ให้สักการะด้วย


พระอุโบสถ ถ่ายจากสถูป

ถัดจากวัดถ้ำเสือ เราเดินทางต่อไปยังวัดเขาทำเทียม ซึ่งยังคงอยู่ในเขตเมืองโบราณอู่ทอง  ตรงไปยังหน้าผาเขาทำเทียม ซึ่งในตอนนี้ได้สร้างพระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาหินเสร็จแล้วหนึ่งองค์ คือ พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ หรือ พระเจ้าอู่ทองจากทั้งหมด 5 องค์ในโครงการ พุทธมหาสถานเมืองโบราณอู่ทอง 

เมื่อเข้าเขตโครงการนี้ ตื่นตาตื่นใจสุดขีด นึกว่ากำลังอยู่ที่เล่อซาน ประเทศจีน นี่ขนาดแกะสลักเสร็จเพียงองค์เดียว ยังอลังการถึงขนาดนี้ ถ้าเสร็จครบทั้งโครงการจะขนาดไหน 
พระเจ้าอู่ทอง ถ่ายจากลานจอดรถ

บริเวณด้านหน้าพระเจ้าอู่ทอง

ขึ้นมาบริเวณหน้าองค์พระแล้วให้ความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ไม่รู้จะถ่ายทอดให้เห็นความยิ่งใหญ่อลังการนี้ได้ยังไง นอกจากอยากจะเชิญชวนให้มาดูด้วยตาตัวเอง ถึงแม้จะมาตอนแดดเปรี้ยง แต่ด้านหน้าองค์พระกลับไม่ร้อนเลยสักนิด มีร่มเงาให้ได้กราบสักการะองค์ท่านได้สบายๆ 

ฐานองค์พระบอกเล่าเรื่องราว

ปากทางเข้าอุโมงค์

ภายในอุโมงค์มีให้ทำบุญถวายสังฆทาน หล่อเทียน

เดินทะลุอุโมงค์ออกมาอีกด้านหนึ่ง

แผ่นหินบอกเล่าพุทธประวัติ ตอนต่างๆ

บรรยากาศริมทางเดิน

ลานด้านหน้าองค์พระ

บรรยากาศรอบๆองค์พระ

หลังจากทำบุญเสร็จเรียบร้อย ก็เตรียมตัวเดินทางต่อไปยังวัดถัดไป คือ วัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม

บรรยากาศภายในวัด

ขับรถเลี้ยวเข้ามาในวัดเจอภาพแบบนี้ ถึงกับตกตะลึง จะขึ้นไปถึงมณฑปมั๊ยหนอ ไหนๆก็มาแล้ว เอาน่ะต้องไหวสิ แต่แม่ถึงกับบอกว่า แม่รอข้างล่าง ขึ้นไปคนเดียวเถอะ แล้วก็เทกันเลย เอาวะสู้ๆ เดินขึ้นบันไดไป ช่วงแรก จะเจอถ้ำเล็กๆประดิษฐาน หลวงพ่อสังข์ ศรีสรรเพชญ์ พระพุทธไสยาสน์เก่าแก่

หลวงพ่อสังข์ 

หลังจากสักการะหลวงพ่อสังข์ เสร็จแล้วก็ออกมาวัดใจตัวเองว่าจะไปต่อหรือไม่ สุดท้ายก็ฮึดสู้ไปต่อ เดินขึ้นบันไดไปจนถึงยอดเขา แบบไม่กล้าหันกลับไปมองข้างหลัง เพราะกลัวความสูง

ขึ้นมาถึงแล้ว ถ่ายลงไปได้

รอยพระพุทธบาท ในมณฑป

<< มีต่อค่ะ >>>





แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่