โกฏิคามวรรคที่ ๓
วัชชีสูตรที่ ๑
ว่าด้วยการตรัสรู้และไม่ตรัสรู้อริยสัจ ๔
[๑๖๙๘] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ โกฏิคามในแคว้นวัชชี
ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย....
"
เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้ แทงตลอดอริยสัจ ๔ เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย จึงแล่นไป
ท่องเที่ยวไปยังสังสารวัฏนี้ตลอด กาลนานอย่างนี้"
อริยสัจ ๔ เป็นไฉน? คือ เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้แทงตลอด....
- ทุกขอริยสัจ ๑
- ทุกขสมุทยอริยสัจ ๑
- ทุกขนิโรธอริยสัจ ๑
- ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ๑
เราด้วย เธอ ทั้งหลายด้วย จึงแล่นไป ท่องเที่ยวไปยังสังสารวัฏนี้ตลอดกาลนานอย่างนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
- ทุกขอริยสัจ เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย ตรัสรู้แล้ว แทงตลอดแล้ว
- ทุกขสมุทยอริยสัจ ... ทุกขนิโรธอริยสัจ ... ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย ตรัสรู้แล้ว แทงตลอดแล้ว
ตัณหาในภพขาดสูญแล้ว ตัณหาที่จะนำไปสู่ภพสิ้นแล้ว บัดนี้ ภพใหม่ไม่มี
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ ต่อไปอีกว่า
[๑๖๙๙] เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔ ตามเป็นจริง เราและเธอทั้งหลายได้ ท่องเที่ยวไปในชาตินั้นๆ ตลอดกาลนาน
อริยสัจ ๔ เหล่านี้ เรา และเธอทั้งหลายเห็นแล้ว ตัณหาที่จะนำไปสู่ภพถอนขึ้นได้แล้ว มูล แห่งทุกข์ตัดขาดแล้ว
บัดนี้ภพใหม่ไม่มี.
จบ สูตรที่ ๑
วัชชีสูตรที่ ๒
https://etipitaka.com/read/thai/19/428/
สรุป... <----อันนี้เป็นความเข้าใจของผม...หากมีคำแนะนำ-หรือ-เห็นต่าง..นำหลักฐานมาแสดง...ก็ยินดีเลยครับ
1. พระศาสดาที่กล่าวว่า...แต่ก่อนที่ยังไม่รู้อริยสัจ๔.... ท่านเองและเหล่าภิกษุ...นั้น ท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏตลอดกาลยาวนาน
ในพระสูตรอื่นๆ ท่านเรียกว่า " สัตว์ "...นี่หละเป็นผู้ท่องไป...เกิด-ตาย...ในภพน้อยใหญ่ พระศาวดาท่านใช้คำว่า " เพิ่มพลูปถพี "...
นั่นหมายถึง...เกิดตายทับถมเป็นป่าช้า..ทับถมพื้นให้สูงขึ้น
2. จะเห็นว่า " สัตว์ "...มันเกิดตายๆ ไปตามภพทั้ง 3.. ไม่ได้สูญไป พวกที่คิดว่าสูญไป " สัตว์ไม่มี "---มันก็ใกล้กับมิจฉาทิฏฐิเป็นอุจเฉททิฏฐิ
ส่วนการไปเห็นว่า " สัตว์ "....มันจะเป็นอย่างนั้นเกิดตายอยู่อย่างนั้น...อันนี้มันก็เป็น..สัสตตทิฏฐิ...เป็นมิฉาทิฏฐิอีกเข่นกัน
อ้าว... แล้วอย่างนี้ พระสูตรนี้พระศาสดาท่านกล่าวว่าว่า....เราและเธอ...ท่องเที่ยวในสังสารวัฏตลอดกาลยาวนาน ----อย่างนี้ไม่เป็น..สัสตทิฏฐิหรือ?
ไม่หรอก... ก็เมื่อรู้เห็นอริบสัจ๔...แล้ว " สัตว์ มันก็ถูกทำลายไป " ไม่ต้องท่องไปในวัฏฏอีกต่อไป
นี้หละ..หากถือว่า " สัตว์...เที่ยง "...การปฏิบัติมรรค8ก็จะเกิดมีไม่ได้....เพราะไม่คิดว่าสัตว์จะตายไปได้
พระศาสดาท่านจึงกล่าวว่า " ....เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย ตรัสรู้แล้ว แทงตลอดแล้ว.....
.....ตัณหาที่จะนำไปสู่ภพสิ้นแล้ว บัดนี้ ภพใหม่ไม่มี...."
" สัตว์ "---ตอนที่ 2 :...สัตว์..ท่องไปในสังสารวัฏฏ...อย่างไม่สิ้นสุด...หากไม่รู้ไม่เห็นอริยสัจ๔
โกฏิคามวรรคที่ ๓
วัชชีสูตรที่ ๑
ว่าด้วยการตรัสรู้และไม่ตรัสรู้อริยสัจ ๔
[๑๖๙๘] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ โกฏิคามในแคว้นวัชชี
ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย....
" เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้ แทงตลอดอริยสัจ ๔ เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย จึงแล่นไป
ท่องเที่ยวไปยังสังสารวัฏนี้ตลอด กาลนานอย่างนี้"
อริยสัจ ๔ เป็นไฉน? คือ เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้แทงตลอด....
- ทุกขอริยสัจ ๑
- ทุกขสมุทยอริยสัจ ๑
- ทุกขนิโรธอริยสัจ ๑
- ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ๑
เราด้วย เธอ ทั้งหลายด้วย จึงแล่นไป ท่องเที่ยวไปยังสังสารวัฏนี้ตลอดกาลนานอย่างนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
- ทุกขอริยสัจ เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย ตรัสรู้แล้ว แทงตลอดแล้ว
- ทุกขสมุทยอริยสัจ ... ทุกขนิโรธอริยสัจ ... ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย ตรัสรู้แล้ว แทงตลอดแล้ว
ตัณหาในภพขาดสูญแล้ว ตัณหาที่จะนำไปสู่ภพสิ้นแล้ว บัดนี้ ภพใหม่ไม่มี
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ ต่อไปอีกว่า
[๑๖๙๙] เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔ ตามเป็นจริง เราและเธอทั้งหลายได้ ท่องเที่ยวไปในชาตินั้นๆ ตลอดกาลนาน
อริยสัจ ๔ เหล่านี้ เรา และเธอทั้งหลายเห็นแล้ว ตัณหาที่จะนำไปสู่ภพถอนขึ้นได้แล้ว มูล แห่งทุกข์ตัดขาดแล้ว
บัดนี้ภพใหม่ไม่มี.
จบ สูตรที่ ๑
วัชชีสูตรที่ ๒
https://etipitaka.com/read/thai/19/428/
สรุป... <----อันนี้เป็นความเข้าใจของผม...หากมีคำแนะนำ-หรือ-เห็นต่าง..นำหลักฐานมาแสดง...ก็ยินดีเลยครับ
1. พระศาสดาที่กล่าวว่า...แต่ก่อนที่ยังไม่รู้อริยสัจ๔.... ท่านเองและเหล่าภิกษุ...นั้น ท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏตลอดกาลยาวนาน
ในพระสูตรอื่นๆ ท่านเรียกว่า " สัตว์ "...นี่หละเป็นผู้ท่องไป...เกิด-ตาย...ในภพน้อยใหญ่ พระศาวดาท่านใช้คำว่า " เพิ่มพลูปถพี "...
นั่นหมายถึง...เกิดตายทับถมเป็นป่าช้า..ทับถมพื้นให้สูงขึ้น
2. จะเห็นว่า " สัตว์ "...มันเกิดตายๆ ไปตามภพทั้ง 3.. ไม่ได้สูญไป พวกที่คิดว่าสูญไป " สัตว์ไม่มี "---มันก็ใกล้กับมิจฉาทิฏฐิเป็นอุจเฉททิฏฐิ
ส่วนการไปเห็นว่า " สัตว์ "....มันจะเป็นอย่างนั้นเกิดตายอยู่อย่างนั้น...อันนี้มันก็เป็น..สัสตตทิฏฐิ...เป็นมิฉาทิฏฐิอีกเข่นกัน
อ้าว... แล้วอย่างนี้ พระสูตรนี้พระศาสดาท่านกล่าวว่าว่า....เราและเธอ...ท่องเที่ยวในสังสารวัฏตลอดกาลยาวนาน ----อย่างนี้ไม่เป็น..สัสตทิฏฐิหรือ?
ไม่หรอก... ก็เมื่อรู้เห็นอริบสัจ๔...แล้ว " สัตว์ มันก็ถูกทำลายไป " ไม่ต้องท่องไปในวัฏฏอีกต่อไป
นี้หละ..หากถือว่า " สัตว์...เที่ยง "...การปฏิบัติมรรค8ก็จะเกิดมีไม่ได้....เพราะไม่คิดว่าสัตว์จะตายไปได้
พระศาสดาท่านจึงกล่าวว่า " ....เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย ตรัสรู้แล้ว แทงตลอดแล้ว.....
.....ตัณหาที่จะนำไปสู่ภพสิ้นแล้ว บัดนี้ ภพใหม่ไม่มี...."