สวัสดีครับ เพื่อนๆ นักเที่ยว วันนี้ผมจะพาไปรู้จักกับจังหวัดน่ารักๆ ทางภาคเหนือ ที่อาจถือว่าเป็นจังหวัดทางผ่าน หรือจังหวัดที่หลายคนไม่เคยไปเยือน ผมเองก็เป็นคนนึงที่ยังไม่เคยไปแวะเวียนที่นี่แบบจริงจังสักที หนาวนี้จึงได้จัดทริปตะลุยจังหวัดที่มีแต่คนบอกว่า "หนาวมาก" อย่างจังหวัดลำปาง มาให้ได้ชมกัน
ก่อนเดินทาง รบกวนเพื่อนๆ กระชับ Seat Belt ปรับเบาะนั่งคอมให้สบาย เปิดเพลงเหนือคลอ แล้วก็ออกเดินทางไปกับผมกันนะครับ ^ ^
รายละเอียดเล็กน้อย
วันเดินทาง : 18 - 21 ธันวาคม 63
การเดินทาง : รถยนต์ส่วนตัว
ค่าใช้จ่าย : คนละ 4,000 - 5,000 บาท ตลอดทริป
วันแรก 18 ธันวาคม I ออกเดินทาง มาพบที่พักสุด CUTE
ผมออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ค่อนข้างช้า คือประมาณ 13:30 เนื่องจากติดภารกิจที่ทำงานนิดหน่อย พอพร้อมก็บึ่งรถยนต์ออกไปกว่า 7 ชั่วโมง ไปจนถึงลำปาง จนมาถึงที่พักที่จองเอาไว้ ซึ่งผมโชคดีมากเพราะว่าที่นี่ปกติช่วงนี้จะแน่นเอี๊ยด แต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ผมเลยได้มีโอกาสได้มาพักที่นี่ครับ "MEMMOTH HOSTEL"
ก่อนจะร่ายยาวผมต้องขออภัยกับการถ่ายภาพของผมไว้ก่อนเพราะว่าตอนไปถึงค่อนข้างดึกแล้วประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ซึ่งสายตา และมือค่อนข้างล้า ฮาาาา ข้ออ้างชัดๆ ลืมเรื่องภาพไปก่อนครับ
Memmoth Hostel เป็นโฮสเทล ที่ไม่ได้ถึงกับในเมืองนัก ตกแต่งสไตล์ Glass House เขียว ขาว ครับ อย่างที่ผมถ่ายมาคือต้นไม้เยอะมาก และบริเวณโถงกลางนี้ แทบไม่ต้องมีพัดลมเลย เพราะอากาศโปร่งสบาย รวมถึงเฟอร์นิเจอร์สไตล์มินิมอล ก็ดูเข้ากันดี ผมรักที่นี่มากครับ โชคดีที่จองไว้ตั้ง 3 คืน เลยได้อยู่ที่นี่ยาว เอาล่ะครับพอเรื่องที่พักก่อน เดี๋ยวจะมีคนหาว่าผมรับรีวิวโรงแรม
จริงๆ พอเข้าที่พักเสร็จ ผมขับรถไปทานข้าวแถว ตลาดหน้าสถานีรถไฟ แต่เนื่องจากมันดึกแล้วจึงเหลือแค่ของกินเล็กน้อย แต่มีลานเบียร์น่ารักๆ แถวนั้น ใครไปก็อย่าพลาดเด็ดขาดครับ
วันสอง 19 ธันวาคม I ตะลุยสองวัด ก่อนมาพักยาวๆ
ต้องบอกว่าวันนี้จริงๆ โปรแกรมผมค่อนข้างเยอะ แต่ !!! มีเหตุสุดวิสัยด้านการงานทำให้ไปได้แค่สองที่ในช่วงเช้า แค่นั้นในวันนี้
เริ่มจาก "วัดพระธาตุลำปางหลวง" กันก่อนเลยครับ ถือเป็นวัดที่สำคัญวัดนึงของลำปางนะครับ เป็นวัดประจำปีเกิดของคนปีฉลู ซึ่งแฟนผมเกิดในปีนี้พอดี จึงได้ไปสักการะพระธาตุสมใจอยาก Highlight ของที่นี่คงจะเป็นการเดินรอบพระธาตุเพื่อสักการะบูชา องค์พระธาตุ ซึ่งคนปีอื่นก็มาเดินได้นะครับ
นอกจากนั้นยังมี "เงาสะท้อนจากพระธาตุ" ที่ผมแปะมาให้ดู เป็นภาพที่ลอดภาพจากรูเล็กๆ แล้วฉายลงมาบนโต๊ะไม้ สำหรับผมภาพค่อนข้างชัดเจนทีเดียครับ ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่ง Unseen ของพระธาตุแห่งนี้ ใครไปก็อย่าพลาดเด็ดขาดครับ
ตามมาด้วยอีกวัดคือ "วัดพระธาตุดอยพระฌาน" ครับ เป็นวัดล้านนาดั้งเดิมที่อยู่บนดอยพระฌาน ปกติทางวัดจะให้จอดรถด้านล่าง แล้วเดินขึ้นบันไดมา เพราะด้านบนที่จอดรถค่อนข้างน้อย แต่ผมมาในวันธรรมดาจึงได้ขับรถขึ้นมาครับ สบายเลย ซึ่งเมื่อเราขึ้นมาบนนี้จะได้เห็นวิวของอำเภอ แม่ทะ ได้แบบ 360 องศาเลยครับ ถ้ามาในช่วงเช้า ก็จะได้พบกับทะเลหมอกสวยงามด้วย แต่ผมมาสาย จึงได้เห็นเพียงทิวเขา และแม่น้ำด้านล่าง ซึ่งก็สวยงามไม่แพ้วิวหมอกเลยครับ
วันสาม 20 ธันวาคม I วันเที่ยว เลี้ยวรถ พบปะธรรมชาติ
วันนี้ผมเคลียร์งานทุกสิ่งอัน และพร้อมออกเดินทางแล้วครับ โดยวันนี้ผมออกตั้งแต่ 6 โมง เช้า เพื่อที่จะไปดูวิวที่ อช.แจ้ซ้อนให้ทัน เขาบอกว่าตอนเช้าวิวดีมากครับ
ผมมาถึงที่ อช. แจ้ซ้อนเจ็ดโมงกว่าครับ โดยมาถึงก็เข้ามาที่บริเวณ "น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน" ที่เป็น Highlight ของที่นี่เลย โชคดีที่อากาศยังเย็นอยู่ ทำให้ได้เห็นควันลอยจากตัวน้ำพุร้อน ขึ้นมาให้ได้ถ่ายภาพหน่อย ซึ่งบริเวณน้ำพุร้อนนี้มีกลิ่นค่อนข้างเหม็น ผมคิดว่าเป็นกลิ่นกำมะถันใต้ดิน และกลิ่นไข่ที่นักท่องเที่ยว และชาวบ้านเอามาต้มแล้วมันแตกแน่เลย 55+
เห็นน้ำนิ่งๆ แบบนี้ อย่าได้เอาเท้าหย่อนไปเชียวนะครับ มีสุกแน่นอน ผมลองแล้ว แน่นอนครับว่าร้อนจี๋ ฮาาา แถวนั้นจะมีร้านอาหารของ อช. อยู่ อยากให้ไปลองเมนู ยำไข่น้ำแร่ แจ้ซ้อนครับ เป็นไข่ลวกสุกกำลังดี ปรุงรสเค็มเผ็ด รับรองว่าเด็ดมากครับ
ถัดมาจากน้ำพุร้อน ก็จะมาเจอกับ "น้ำตกแจ้ซ้อน" ครับ ซึ่งต้องจอดรถแล้วเดินเข้ามานะครับ เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำน้ำแม่มอญ มีน้ำตลอดปีนะครับ แต่มากบ้างน้อยบ้างตามฤดูกาล จริงๆ มี 6 ชั้น มีการทำทางเดินสะดวกสบาย ใครชอบเหนื่อยเดินขึ้นไปข้างบนได้ครับ ส่วนผม.....จอดที่ชั้นแรกครับ แค่ได้นั่งดูน้ำตกไหลลงมากระทบหิน ได้ฟังเสียง ก็เพียงพอสำหรับผมแล้วครับ
ขับมาอีกชั่วโมงกว่า ผมก็มาถึง "วัดเฉลิมพระเกียรติฯ หรือ วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง" ครับ อยู่ที่อำเภอแจ้ห่ม ลักษณะจะเป็นภูเขาหินมีสลับซับซ้อน มีเจดีย์สีขาวตั้งอยู่ที่ยอดเขาหลากหลายลูก ดูสวยงามมากครับ โดยเราจะต้องจอดรถบริเวณลานจอด แล้วจะมีรถของเจ้าหน้าที่มารับเพื่อขึ้นไปบนยอด ค่าใช้จ่ายคนละ 90 บาท (ถ้าผมจำไม่ผิด 555+) แต่เดี่ยวก่อน !!! ใครที่คิดว่าแค่นั่งรถล่ะก็ คิดผิดครับ เพราะจากที่รถจอด จะต้องเดินเท้าไปอีก ประมาณ 800 เมตร เป็นทางเรียบ 300 เมตร และบันไดอีก 500 เมตร ครับ
ตอนแรกๆ ที่เดินขึ้นผมใจสั่นมากเพราะเหนื่อย แต่พอปรับสภาพร่างกายได้ก็พอไหว แต่ก็ได้เหงื่อนะครับบอกเลย ใครที่คิดว่าเด็กๆ ต้องคิดใหม่นะครับ ไปถึงด้านบน ค่อนข้างสูง มีพระพุทธรูปให้ได้กราบไว้ และได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามมากครับ
ใครที่มีโดรนผมแนะนำให้ลองทำเรื่องขอไป ผมเสียดายที่ไม่ได้ขอไป บริเวณนี้ถ้าบินโดรนได้น่าจะสวยมากเลยเพราะเป็นพื้นที่กว้าง เห็นวิวได้โดยรอบ ไม่มีต้นไม้บัง
ขับมาอีกพักนึงก็มาถึงกับสถานที่สุดฮอตสำหรับสาวๆ ในการถ่ายภาพ นั่นคือ "แคลิฟอร์เนียลำปาง" จริงๆ ต้องบอกว่าที่นี่ไม่ใช่ชื่อนี้นะครับ เท่าที่ผมสังเกต น่าจะเป็นการทำหมู่บ้านจัดสรร หรือโครงสร้างอะไรสักอย่างขนาดใหญ่ แต่ด้วยความที่ถนนมีลักษณะเป็นคลื่นๆ และพื้นดินโดยรอบที่เป็นกึ่งลูกรังสีแดง ทำให้เมื่อใส่ฟิลเตอร์ส้มๆ แล้วจะมีลักษณะคล้ายกับถนนที่จังหวัด "แคลิฟอร์เนีย" 555+ ส่วนใหญ่ที่นี่ผมจะบินโดรนเอา เพราะมันกว้าง ผมเลยมีภาพนิ่งแค่ใบสองใบ ดูจากภาพปกของกระทู้ก็ได้ครับ ลักษณะจะเป็นแบบนั้นเลย แต่ผมไม่ได้ใส่ฟิลเตอร์นะ มันก็จะดิบๆ หน่อย
สำหรับคนที่ไปถึงแล้ว อย่าเพิ่งคิดว่ามันมีแค่เนินเดียวนะครับ ลองขับเข้าไปด้านในดู รับรองว่ามีให้เลือกหลายเนินเลย แต่ผมไม่แน่ใจว่าถ้าเค้าก่อสร้างเสร็จแล้วจะให้เข้าไปถ่ายภาพหรือเปล่า ยังไงช่วงนี้ไปได้ก็รีบไปถ่ายกันไว้ก็ดีนะ
สุดท้ายของวันนี้ ผมขับไปอำเภอแม่เมาะครับ มาเยือน โรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ แต่จุดประสงค์ไม่ได้ไปดูโรงไฟฟ้านะครับ แต่คือที่นี่ "ทุ่งดอกบัวตอง" สีเหลืองงามอร่า จริงๆ ผมแนะนำให้ขึ้นไปดูด้านบนนะครับ จะมีพื้นที่ให้ดูกว้างๆ เลย แต่แฟนผมดันอยากสัมผัสแบบใกล้ชิด เลยได้มุมถ่ายจากล่างขึ้นบนเอา ก็สวยไปอีกแบบนะครับ ซึ่งถ้าจะมาที่นี่ก็เช็คช่วงที่ดอกบานหน่อยก็ดีครับจะได้ถ่ายรูปกันสวยๆ อย่างของผมหลายโซนก็เริ่มเหี่ยวแล้ว โชคดีที่ยังพอมีให้ถ่ายบ้าง
วันสี่ 21 ธันวาคม I ตีรถย้อน ขึ้นไปเจอน้อนช้าง ก่อนกลับ
สำหรับวันนี้ผมตื่นสายหน่อยครับ เพราะเป็นวันกลับแล้ว มีสถานที่ให้แวะไม่มาก
ก่อนออกเดินทางหาน้องช้าง ขอแวะเติมคาเฟอีนก่อนที่นี่ครับ "FLAT WHITE CAFE" ร้านกาแฟโทนขาวนวล มินิมอลสุดๆ กับการตกแต่งที่ดูโมเดิร์นเหมาะกับคนเมืองอย่างผม (หราาาา) 555 ผมสั่งเมนู Signature อย่าง Flat white มากิน ผลคืออร่อยเวอร์ รสชาติละมุนลิ้นมาก จริงๆ ผมไม่ค่อยได้กินเมนูนี้เท่าไรหรอก ร้านอื่นๆ ไม่ค่อยมีเสิร์ฟกัน
ต่อจากร้านนี้ผมไปอีกร้านนะครับชื่อ "โก๋กาแฟ (Go+ Cafe)" ร้านนี้ขายเม็ดกาแฟ และคั่วเอง แต่ผมไม่มีภาพ เพราะไม่ได้นั่งกินครับ แค่ไปซื้อกาแฟชิม ก็อร่อยนะครับ ใครเป็นขอกาแฟ เม็ดไทย และเทศ ลองไปโดนได้ แต่ผมไม่ได้ซื้อกลับมาครับ เพราะของเก่ายังกินไม่หมดเลย
สุดท้ายของวันนี้คือ สถาบันคชบาล หรือผมเรียกว่าปางช้างลำปาง เพราะมันสั้นดี ซึ่งเป็นศูนย์อนุรักษ์ช้างที่ใหญ่โตมากทีเดียวครับ มีช้างมากกว่า 300 เชือกที่นี่ เป็นอีกที่ ที่อยากให้ลองมากันครับ การได้มาเจอช้างใกล้ๆ จะรู้ได้เลยว่าเค้าน่ารักมาก ถึงตัวจะใหญ่แต่ท่าทางใจดี แต่ต้องเฉพาะช้างที่นี่นะครับ ถ้าไปเจอช้างป่า ก็ตัวใครตัวมัน
ที่นี่มีบริการให้นั่งช้างครับ มี 2 แบบคือ 1) นั่งบนเหย่ง (เหมือนแคร่) 2) แบบ Freestyle มีแค่เชือก ผมไม่ได้นั่งครับเพราะกลัวช้างคอหักตาย แต่แฟนผมเลือกแบบ 2 คือขี่สด !!! น้องน่ารักมากครับ คือสั่งให้นั่งก็ได้ สั่งให้ไปกินน้ำ ซึ่งคือการพาแฟนผมลงไปในแม่น้ำ เสียดายว่าน้องลงไปแค่ครึ่งตัว ถ้าลงไปเต็มๆ ผมคงได้เห็นแฟนว่ายน้ำกลับมาแน่นอน แต่อยากบอกว่า ให้มาดูครับ จะมีเด็กก็มาได้ วัยรุ่นก็มาได้ เราจะได้รู้จักน้องช้างกันแบบใกล้ๆ เลย
เอาล่ะครับ ทริปของผมก็จะจบลงที่น้องช้างนี่แหล่ะ แล้วผมก็ขับรถกลับบ้านมาอย่างสวัสดิภาพ สำหรับใครที่ยังไม่เคยไปลำปาง ผมแนะนำเลยครับ ยังมีอีกหลายที่ ที่สวยๆ แต่ผมไม่มีโอกาสได้ไป เช่น บ้านป่าเมี่ยง เป็นต้น จังหวัดนี้เป็นจังหวัดน่ารักๆ เงียบ แต่ไม่ถึงกับเหงา หนาว แต่ไม่ถึงกับเยือกแข็ง ใครมีแรงก็มาแวะกันดูนะครับ วันนี้แค่นี้ก่อนละกันครับ ยาวมากแล้ว
ขอบคุณครับ
ขออุทิศให้กับน้องพะแนง น้องหมาของแฟนผมที่เสียไปขณะผมเดินทางมาเที่ยวครั้งนี้ด้วยครับ
[CR] โกลำปาง โนลำพัง ... เมืองเล็กน่ารัก แต่แฝงไว้ด้วยความงามแบบล้านนา และธรรมชาติอันสดชื่น
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้