OPPO ได้เปิดตัวน้องเล็ก OPPO A15 พร้อมกับการสานต่อจากรุ่น OPPO A12 มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทุกๆด้านของทางด้านตระกูล A เริ่มต้นแบบนี้ มาพร้อมกับงานออกแบบใหม่ทั้งหมดและสเปกการใช้งานอะไรก็ถือว่าดีขึ้นด้วยเช่นกันมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 6.52 นิ้ว HD+ และการใช้งานกล้องหลัง 3 ตัว AI พร้อมกับความละเอียดสูง 13MP แน่นอนว่าทางด้านดีไซน์ถือว่าเป็นการเปลี่ยนหลักๆ มาพร้อมการออกแบบกล้องหลังแบบใหม่ ดีไซน์เครื่องแบบใหม่บาง เบาสวยงามพร้อมกับดีไซน์ที่อิงคล้ายรุ่นพี่ OPPO Reno4 Z 5G ด้วยนะเรียกได้ว่าหรูหราเลยทีเดียว ส่วนทางด้านขุมพลังนั้นแน่นอนว่ามาพร้อมกับ HELIO P35 จากค่าย MTK และในไทยก็ได้เอาเข้ามาเรียบร้อยแล้ว
OPPO A15 รุ่นนี้จะมาพร้อมกับ การใช้งาน CPU MTK Helio P35 แบบ octa-core มี RAM 3GB และ STORAGE 32GB นอกจากนี้ยังมีที่เสียบการ์ด MicroSD ที่สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บ ข้อมูลได้สูงสุดถึง 256GB พร้อมกับใช้งานหน้าจอขนาดใหญ่ 6.52 นิ้ว IPS LCD พร้อมกับ Screen-to-body Ratio: 89% และใช้งานความละเอียด 720*1600 HD+ นั้นเอง เป็นการออกแแบบติ่งหยดน้ำเช่นเดิมเลย ส่วนทางด้านกล้องหลังนั้นถือว่าเป็นการให้กล้องหลังจัดเต็มมากถึง 3 กล้องหลังพร้อมกับ AI แน่นอนว่าไม่ธรรมดา กล้องหลัก 13MP f/2.2 ที่ช่วยให้ภาพถ่ายของคุณมีความคมชัด พร้อมเลนส์ Macro 2MP f/2.4 ระยะใกล้เพียง 4 ซม.ช่วยเก็บรายละเอียดในระยะใกล้ และกล้อง Depth 2MP f/2.4 ให้ ถ่ายภาพภาพ Portrait อย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่ามาพร้อมกับ Dazzle Color Mode และ AI Scene Recognition ในการแยกฉากต่างๆ และมี ฟิลเตอร์มาให้เล่นด้วย ส่วนทางด้านกล้องหน้าให้มาที่ 8MP รับแสง f/2.0 เลนส์ 5P AI beauty 2.0 รองรับการถ่ายแบบ Portrait ด้วยเช่นกันและใช้งานถ่ายได้ค่อนข้างดี มาพร้อมกับ แบต 4,230 mAh รองรับการชาร์จ 10W และตัวเครื่องนั้นออกแบบมาได้บางเบาพอสมควร มาพร้อมกับ ความบาง 7.9mm น้ำหนัก 175g เท่านั้นบางมากๆ
OPPO A15 มาพร้อมกับ MTK HELIO P35 RAM 3GB STORAGE 32GB มาพร้อมกับสีขาว Fancy White และ สีดำ Dynamic Black ราคาเปิดตัวที่ 4,299 บาท
UNBOX
โทนกล่องที่เป็นสีขาว ด้านหน้ามีตัวเครื่องของ OPPO A15 พร้อมกับ โลโก้ OPPO สลักเอาไว้ แน่นอนว่าเป็นการออกแบบยุคนี้ของทาง OPPO ตระกูล A นั้นเองด้านหลังจะมีรายละเอียดต่างๆ ส่วนอุปกรณ์ที่เเถมก็จะมีดังต่อไปนี้
- ตัวเครื่อง OPPO A15
- อะแดปเตอร์ชาร์จ 10W
- สายชาร์จ Micro-USB
- เคสใสแบบ TPU
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
ตัวเคสที่แถมมานั้นต้องบอกว่ายังคงเป็นเคสใสนิ่มปกติ พร้อมกับคลุมทั้งตัวเครื่องด้านหลังทั้งหมด ส่วนขอบเครื่องในส่วนหน้าจอนั้นทั้ง 4 มุมมีการนูนขึ้นมาปกป้องหน้าจอ รวมถึงมีเว้าตรงขอบลำโพงด้านบน ความหนาของเคสกลางๆกำลังดี ไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องหนักเกินไป และ ไม่ได้หนาเกินจำเป็นด้วย ตัวเคสนั้นในเรื่องของตามขอบกล้องและหน้าจอสามารถครอบคลุมได้ทั้งหมดในส่วนของด้านหน้านั้นจะมีขอบเครื่องทั้ง 4 มุมโผล่ขึ้นมาทำให้ปกป้องได้ดีเวลาวางหน้าคว่ำ และช่วยในการตกกระแทกได้ดี เป็นเคสแถมที่ดีและใช้งานได้ยาวๆเลย
DESIGN
งานออกแบบนั้น OPPO A15 มีความบางเพียง 7.9 มม. และน้ำหนักเบาเพียง 175 กรัม อีกทั้งยังมาพร้อมตัวเครื่องดีไซน์โค้ง 3 มิติที่บางลง ให้คุณถือได้ อย่างถนัดมือสะดวกสบาย ฝาหลังนั้นเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนชัดเจนมากๆ ด้วยการเคลือบชั้นผิวสุญญากาศแบบ 3 มิติ ที่นอกจากจะให้ความเงางามแล้ว พื้นผิวแบบด้านให้ความรู้สึกเหมือนโลหะเลยนั้นเอง ส่วนการวางกล้องการออกแบบกล้องนั้นเปลี่ยนแปลงสวยงามมากขึ้น และสีสันพรีเมี่ยมขึ้นมากพร้อมกับหน้าจอที่ขนาดใหญ่มากขึ้นจากเดิม และเต็มตามากขึ้นด้วยเช่นกันถือว่าเป็นตระกูล A ที่สวยงามขึ้นเยอะมาก
หน้าจอใช้งาน IPS LCD ขนาด 6.52 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 พร้อมติ่งหยดน้ำ HD+ ความละเอียดหน้าจอ 169PPI Contrast Ratio: TYPE 1500:1 ความสว่างจอ 480nit
หน้าจอขอบบนนั้นเป็นแบบเดิม มาพร้อมกล้องหน้า พร้อมติ่งหยดน้ำ และมีการแทรกเซนเซอร์ไว้ข้างๆกล้อง รวมถึงขอบลำโพงอยู่เหนือกล้องหน้า กล้องหน้าให้มาที่ 8MP รูรับแสง f/2.0 อันนี้พัฒนาดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมากครับ
ในส่วนขอบล่างหน้าจอนั้นปุ่มควบคุมนั้นจะอยู่ในหน้าจอ สามารถใช้งานเต็มหน้าจอได้แบบไม่มีปุ่ม ส่วนขอบข้างๆนั้นก็ทำได้บางพอๆกับรุ่นก่อนหน้านี้เลย หนาเป็นปกติของมือถือในเรทราคานี้
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเป็น ลำโพงหลัก ช่อง Micro-USB 2.0 และ รูไมค์ รวมถึงรูหูฟัง 3.5 มม. นั้นยังอยู่นะครับ ดีไซน์ Layout ต่างๆยังคงเหมือนกับรุ่นอื่นๆ
ในขอบเครื่องด้านข้างขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Power กับ เพิ่ม/ลด เสียง ส่วนสีขอบเครื่องนั้นจะเป็นสีเดียวสีเงินทั้งหมดไม่มีการไล่สี ส่วนงานออกแบบตามขอบนั้นเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า ตรงฝาหลังนั้นจะเป็นสีขาวสวยงาม
ในส่วนของด้านบนนั้นไม่มีรูไมค์ตัดเสียงมาให้ เป็นสีเงินตัดกับฝาหลังได้กำลังดีครับ และในส่วนวัสดุขอบเครื่องทั้งหมดจะเป็นพลาสติกด้าน แต่ฝาหลังนั้นจะยังโค้งมารับมือเหมือนกับรุ่นก่อนๆอยู่เหมือนเดิมนิดๆครับ
ส่วนของด้านซ้ายนั้นจะเห็นว่ามีช่องใส่ถาดซิม เป็นแบบ Triple Slot ฝาหลังนั้นจะโค้งลงมาตรงขอบข้างๆเล็กน้อยเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ทำให้จับถือได้ง่าย และเข้ากับมือได้มากกว่า และการใช้งาน 2 สีวัสดุแบบนี้ดูคล้ายกระจกครับ
ฝาหลังนั้นเปลี่ยนแปลงชัดเจนทั้งเรื่องของการออกแบบ วัสดุ การเล่นวัสดุต่างๆแน่นอนว่าฝาหลังนั้นพรีเมี่ยมมากขึ้นใช้งานฝาหลังแบบเงาและทำให้ขอบเครื่องเป็นสีเงินแบบด้านคล้ายกับโลหะสวยงาม ส่วนฝาหลังก็ยังเล่นแสงสีได้เพราะเป็นวัสดุแบบเงาและเล่นสีด้านแปลกตา สีขาวสวยงามดูคลีนและเรียบมากขึ้น จากที่รุ่นก่อนเป็นแบบพลาสติกด้านนั้นเองครับ เป็นโทนสีขาวแบบเดียวกับหิมะเลยนั้นเองบอกเลยว่ามีความโดดเด่นและสวย ตัดกับทรงกล้อง 4เหลี่ยมได้ชัดเจน และมีการเล่นขอบโครเมี่ยมรอบกล้องเข้ามาให้ดูแพงขึ้นเช่นกัน จุดนี้ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีครับ
กล้องหลังนั้นเปลี่ยนแปลงงานออกแบบทั้งหมดจากรุ่น A12 พร้อมกับ ได้เพิ่มเลนส์มาโครเข้ามาด้วยเช่นกันครับ ส่วนตัวกล้องหลักนั้นยังคงให้มาที่ ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 กล้อง Dept สำหรับถ่าย Portrait ความละเอียด 2 MP f/2.4 กล้องตัวที่ 3 Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร พร้อมกับสแกนนิ้วมือในด้านหลังรองรับการสั่งงานถ่ายรูปได้ ฝาหลังแบบเงาสวยงามและเล่นกับแสงสีได้ดีเช่นกัน ดูพรีเมี่ยมกว่าเดิมเยอะมากๆครับตรงนี้
SPEC
- หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.52 นิ้ว (720 × 160P พิกเซล) ความสว่าง 480 nits
- ชิบประมวลผล MediaTek Helio P35 (12nm)
- การ์ดจอ PowerVR GE8320
- RAM 3GB + ความจำ 32GB
- Android 10 ที่ครอบด้วย ColorOS 7.2
- ซิมคู่
- กล้องหลังมุมกว้าง 13MP (f/2.2), LED flash + กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) + กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้ามุมกว้าง 8MP (f/2.0)
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วด้านหลัง
- ขนาดตัวเครื่อง:164×75.4×7.9mm;
- น้ำหนัก: 175กรัม
- รูแจ็ค 3.5mm รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 802.11 b/g/n,
- Bluetooth 5.0, GPS/GLONASS
- ใช้พอร์ต microUSB 2.0
- แบตเตอรี่ความจุ 4,230mAh ความเร็วในการชาร์จ 10W
- สีขาว Fancy White และ สีดำ Dynamic Blac
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของรุ่นนี้ยังคงใช้งาน MTK P35 เช่นเดิม มาพร้อมกับ RAM 3GB, STORAGE 32GB เท่ากันเลยนั้นเอง ทั้งนี้ในเรื่องคะแนนเลยไม่ได้มีจุดเปลี่ยนหรือแตกต่างกันมาก แต่จะไปเน้นหน้าจอใหญ่ขึ้นมาก และกล้องหลัง 3 ตัว และ ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ทำให้ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 110881 คะแนน และ Geekbench ทำไปได้ 163/968 คะแนน และ ทางด้านการอ่านเขียนนั้นเป็น eMMC5.1 ทำได้ 279 MB/s และ เขียน 75MB/s รองรับ Netflix SD L3 นะครับ ตามระดับถือว่า ใกล้เคียงกับรุ่นก่อน แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าคู่แข่งตัวอื่นๆเท่าไรครับผม
SYSTEM UI
ในตัวระบบนั้นเองจะเป็น ColorOS ที่เราคุ้นเคยกันดีแต่พัฒนาขึ้นในหลายๆด้านการใช้งาน ทำงานบนพื้นฐาน Android 10 สวมทับด้วย ColorOS 7.2 ตัวล่าสุด Darkmode ก็มา แน่นอนว่าในการใช้งานหน้าตาอะไรดูดีขึ้นพอสมควรครับ แต่ก็ยังมีเอกลักษณ์ของแบรนด์อยู่ ในแง่ของการใช้งานเร็วลื่นขึ้นตอบสนองต่อหน้าจอได้ดี ตัวเลขแอป การแจ้งเตือนอะไรต่างๆทำได้ดีครับและจะไม่มี App Drawer ครับเป็นหน้าหลักเลยแอปรวมทั้งหมดจะอยู่หน้าหลัก
ในส่วนของหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting นั้นเป็นโทนสีเขียวขาว พร้อมไอคอนเหลี่ยมทั้งหมดรวมถึงสามารถปรับ ความสว่างหน้าจออะไรได้ และเมื่อลากลงมาอีกก็จะเป็นหน้าตาตั้งค่าเต็มรูปแบบ พร้อมเลื่อนไปซ้ายได้อีก และแน่นอนว่า ยังคงแบ่งหน้าจอได้ โดยการเข้าแอปและกดปุ่มเคลียร์แอปค้างไว้ ก็เลือกแอปที่จะแบ่งได้เลย
[SR] รีวิว OPPO A15 หน้าจอใหญ่ขนาด 6.52 นิ้ว พร้อม AI 3 กล้องหลัง ดีไซน์บางเบา ราคาเพียง 4,299 บาท !
OPPO ได้เปิดตัวน้องเล็ก OPPO A15 พร้อมกับการสานต่อจากรุ่น OPPO A12 มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทุกๆด้านของทางด้านตระกูล A เริ่มต้นแบบนี้ มาพร้อมกับงานออกแบบใหม่ทั้งหมดและสเปกการใช้งานอะไรก็ถือว่าดีขึ้นด้วยเช่นกันมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 6.52 นิ้ว HD+ และการใช้งานกล้องหลัง 3 ตัว AI พร้อมกับความละเอียดสูง 13MP แน่นอนว่าทางด้านดีไซน์ถือว่าเป็นการเปลี่ยนหลักๆ มาพร้อมการออกแบบกล้องหลังแบบใหม่ ดีไซน์เครื่องแบบใหม่บาง เบาสวยงามพร้อมกับดีไซน์ที่อิงคล้ายรุ่นพี่ OPPO Reno4 Z 5G ด้วยนะเรียกได้ว่าหรูหราเลยทีเดียว ส่วนทางด้านขุมพลังนั้นแน่นอนว่ามาพร้อมกับ HELIO P35 จากค่าย MTK และในไทยก็ได้เอาเข้ามาเรียบร้อยแล้ว
OPPO A15 รุ่นนี้จะมาพร้อมกับ การใช้งาน CPU MTK Helio P35 แบบ octa-core มี RAM 3GB และ STORAGE 32GB นอกจากนี้ยังมีที่เสียบการ์ด MicroSD ที่สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บ ข้อมูลได้สูงสุดถึง 256GB พร้อมกับใช้งานหน้าจอขนาดใหญ่ 6.52 นิ้ว IPS LCD พร้อมกับ Screen-to-body Ratio: 89% และใช้งานความละเอียด 720*1600 HD+ นั้นเอง เป็นการออกแแบบติ่งหยดน้ำเช่นเดิมเลย ส่วนทางด้านกล้องหลังนั้นถือว่าเป็นการให้กล้องหลังจัดเต็มมากถึง 3 กล้องหลังพร้อมกับ AI แน่นอนว่าไม่ธรรมดา กล้องหลัก 13MP f/2.2 ที่ช่วยให้ภาพถ่ายของคุณมีความคมชัด พร้อมเลนส์ Macro 2MP f/2.4 ระยะใกล้เพียง 4 ซม.ช่วยเก็บรายละเอียดในระยะใกล้ และกล้อง Depth 2MP f/2.4 ให้ ถ่ายภาพภาพ Portrait อย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่ามาพร้อมกับ Dazzle Color Mode และ AI Scene Recognition ในการแยกฉากต่างๆ และมี ฟิลเตอร์มาให้เล่นด้วย ส่วนทางด้านกล้องหน้าให้มาที่ 8MP รับแสง f/2.0 เลนส์ 5P AI beauty 2.0 รองรับการถ่ายแบบ Portrait ด้วยเช่นกันและใช้งานถ่ายได้ค่อนข้างดี มาพร้อมกับ แบต 4,230 mAh รองรับการชาร์จ 10W และตัวเครื่องนั้นออกแบบมาได้บางเบาพอสมควร มาพร้อมกับ ความบาง 7.9mm น้ำหนัก 175g เท่านั้นบางมากๆ
OPPO A15 มาพร้อมกับ MTK HELIO P35 RAM 3GB STORAGE 32GB มาพร้อมกับสีขาว Fancy White และ สีดำ Dynamic Black ราคาเปิดตัวที่ 4,299 บาท
UNBOX
โทนกล่องที่เป็นสีขาว ด้านหน้ามีตัวเครื่องของ OPPO A15 พร้อมกับ โลโก้ OPPO สลักเอาไว้ แน่นอนว่าเป็นการออกแบบยุคนี้ของทาง OPPO ตระกูล A นั้นเองด้านหลังจะมีรายละเอียดต่างๆ ส่วนอุปกรณ์ที่เเถมก็จะมีดังต่อไปนี้
- ตัวเครื่อง OPPO A15
- อะแดปเตอร์ชาร์จ 10W
- สายชาร์จ Micro-USB
- เคสใสแบบ TPU
- คู่มือการใช้งาน
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
ตัวเคสที่แถมมานั้นต้องบอกว่ายังคงเป็นเคสใสนิ่มปกติ พร้อมกับคลุมทั้งตัวเครื่องด้านหลังทั้งหมด ส่วนขอบเครื่องในส่วนหน้าจอนั้นทั้ง 4 มุมมีการนูนขึ้นมาปกป้องหน้าจอ รวมถึงมีเว้าตรงขอบลำโพงด้านบน ความหนาของเคสกลางๆกำลังดี ไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องหนักเกินไป และ ไม่ได้หนาเกินจำเป็นด้วย ตัวเคสนั้นในเรื่องของตามขอบกล้องและหน้าจอสามารถครอบคลุมได้ทั้งหมดในส่วนของด้านหน้านั้นจะมีขอบเครื่องทั้ง 4 มุมโผล่ขึ้นมาทำให้ปกป้องได้ดีเวลาวางหน้าคว่ำ และช่วยในการตกกระแทกได้ดี เป็นเคสแถมที่ดีและใช้งานได้ยาวๆเลย
DESIGN
งานออกแบบนั้น OPPO A15 มีความบางเพียง 7.9 มม. และน้ำหนักเบาเพียง 175 กรัม อีกทั้งยังมาพร้อมตัวเครื่องดีไซน์โค้ง 3 มิติที่บางลง ให้คุณถือได้ อย่างถนัดมือสะดวกสบาย ฝาหลังนั้นเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนชัดเจนมากๆ ด้วยการเคลือบชั้นผิวสุญญากาศแบบ 3 มิติ ที่นอกจากจะให้ความเงางามแล้ว พื้นผิวแบบด้านให้ความรู้สึกเหมือนโลหะเลยนั้นเอง ส่วนการวางกล้องการออกแบบกล้องนั้นเปลี่ยนแปลงสวยงามมากขึ้น และสีสันพรีเมี่ยมขึ้นมากพร้อมกับหน้าจอที่ขนาดใหญ่มากขึ้นจากเดิม และเต็มตามากขึ้นด้วยเช่นกันถือว่าเป็นตระกูล A ที่สวยงามขึ้นเยอะมาก
หน้าจอใช้งาน IPS LCD ขนาด 6.52 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 พร้อมติ่งหยดน้ำ HD+ ความละเอียดหน้าจอ 169PPI Contrast Ratio: TYPE 1500:1 ความสว่างจอ 480nit
หน้าจอขอบบนนั้นเป็นแบบเดิม มาพร้อมกล้องหน้า พร้อมติ่งหยดน้ำ และมีการแทรกเซนเซอร์ไว้ข้างๆกล้อง รวมถึงขอบลำโพงอยู่เหนือกล้องหน้า กล้องหน้าให้มาที่ 8MP รูรับแสง f/2.0 อันนี้พัฒนาดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมากครับ
ในส่วนขอบล่างหน้าจอนั้นปุ่มควบคุมนั้นจะอยู่ในหน้าจอ สามารถใช้งานเต็มหน้าจอได้แบบไม่มีปุ่ม ส่วนขอบข้างๆนั้นก็ทำได้บางพอๆกับรุ่นก่อนหน้านี้เลย หนาเป็นปกติของมือถือในเรทราคานี้
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเป็น ลำโพงหลัก ช่อง Micro-USB 2.0 และ รูไมค์ รวมถึงรูหูฟัง 3.5 มม. นั้นยังอยู่นะครับ ดีไซน์ Layout ต่างๆยังคงเหมือนกับรุ่นอื่นๆ
ในขอบเครื่องด้านข้างขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Power กับ เพิ่ม/ลด เสียง ส่วนสีขอบเครื่องนั้นจะเป็นสีเดียวสีเงินทั้งหมดไม่มีการไล่สี ส่วนงานออกแบบตามขอบนั้นเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า ตรงฝาหลังนั้นจะเป็นสีขาวสวยงาม
ในส่วนของด้านบนนั้นไม่มีรูไมค์ตัดเสียงมาให้ เป็นสีเงินตัดกับฝาหลังได้กำลังดีครับ และในส่วนวัสดุขอบเครื่องทั้งหมดจะเป็นพลาสติกด้าน แต่ฝาหลังนั้นจะยังโค้งมารับมือเหมือนกับรุ่นก่อนๆอยู่เหมือนเดิมนิดๆครับ
ส่วนของด้านซ้ายนั้นจะเห็นว่ามีช่องใส่ถาดซิม เป็นแบบ Triple Slot ฝาหลังนั้นจะโค้งลงมาตรงขอบข้างๆเล็กน้อยเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ทำให้จับถือได้ง่าย และเข้ากับมือได้มากกว่า และการใช้งาน 2 สีวัสดุแบบนี้ดูคล้ายกระจกครับ
ฝาหลังนั้นเปลี่ยนแปลงชัดเจนทั้งเรื่องของการออกแบบ วัสดุ การเล่นวัสดุต่างๆแน่นอนว่าฝาหลังนั้นพรีเมี่ยมมากขึ้นใช้งานฝาหลังแบบเงาและทำให้ขอบเครื่องเป็นสีเงินแบบด้านคล้ายกับโลหะสวยงาม ส่วนฝาหลังก็ยังเล่นแสงสีได้เพราะเป็นวัสดุแบบเงาและเล่นสีด้านแปลกตา สีขาวสวยงามดูคลีนและเรียบมากขึ้น จากที่รุ่นก่อนเป็นแบบพลาสติกด้านนั้นเองครับ เป็นโทนสีขาวแบบเดียวกับหิมะเลยนั้นเองบอกเลยว่ามีความโดดเด่นและสวย ตัดกับทรงกล้อง 4เหลี่ยมได้ชัดเจน และมีการเล่นขอบโครเมี่ยมรอบกล้องเข้ามาให้ดูแพงขึ้นเช่นกัน จุดนี้ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีครับ
กล้องหลังนั้นเปลี่ยนแปลงงานออกแบบทั้งหมดจากรุ่น A12 พร้อมกับ ได้เพิ่มเลนส์มาโครเข้ามาด้วยเช่นกันครับ ส่วนตัวกล้องหลักนั้นยังคงให้มาที่ ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 กล้อง Dept สำหรับถ่าย Portrait ความละเอียด 2 MP f/2.4 กล้องตัวที่ 3 Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร พร้อมกับสแกนนิ้วมือในด้านหลังรองรับการสั่งงานถ่ายรูปได้ ฝาหลังแบบเงาสวยงามและเล่นกับแสงสีได้ดีเช่นกัน ดูพรีเมี่ยมกว่าเดิมเยอะมากๆครับตรงนี้
SPEC
- หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.52 นิ้ว (720 × 160P พิกเซล) ความสว่าง 480 nits
- ชิบประมวลผล MediaTek Helio P35 (12nm)
- การ์ดจอ PowerVR GE8320
- RAM 3GB + ความจำ 32GB
- Android 10 ที่ครอบด้วย ColorOS 7.2
- ซิมคู่
- กล้องหลังมุมกว้าง 13MP (f/2.2), LED flash + กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) + กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้ามุมกว้าง 8MP (f/2.0)
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วด้านหลัง
- ขนาดตัวเครื่อง:164×75.4×7.9mm;
- น้ำหนัก: 175กรัม
- รูแจ็ค 3.5mm รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 802.11 b/g/n,
- Bluetooth 5.0, GPS/GLONASS
- ใช้พอร์ต microUSB 2.0
- แบตเตอรี่ความจุ 4,230mAh ความเร็วในการชาร์จ 10W
- สีขาว Fancy White และ สีดำ Dynamic Blac
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพของรุ่นนี้ยังคงใช้งาน MTK P35 เช่นเดิม มาพร้อมกับ RAM 3GB, STORAGE 32GB เท่ากันเลยนั้นเอง ทั้งนี้ในเรื่องคะแนนเลยไม่ได้มีจุดเปลี่ยนหรือแตกต่างกันมาก แต่จะไปเน้นหน้าจอใหญ่ขึ้นมาก และกล้องหลัง 3 ตัว และ ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ทำให้ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 110881 คะแนน และ Geekbench ทำไปได้ 163/968 คะแนน และ ทางด้านการอ่านเขียนนั้นเป็น eMMC5.1 ทำได้ 279 MB/s และ เขียน 75MB/s รองรับ Netflix SD L3 นะครับ ตามระดับถือว่า ใกล้เคียงกับรุ่นก่อน แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าคู่แข่งตัวอื่นๆเท่าไรครับผม
SYSTEM UI
ในตัวระบบนั้นเองจะเป็น ColorOS ที่เราคุ้นเคยกันดีแต่พัฒนาขึ้นในหลายๆด้านการใช้งาน ทำงานบนพื้นฐาน Android 10 สวมทับด้วย ColorOS 7.2 ตัวล่าสุด Darkmode ก็มา แน่นอนว่าในการใช้งานหน้าตาอะไรดูดีขึ้นพอสมควรครับ แต่ก็ยังมีเอกลักษณ์ของแบรนด์อยู่ ในแง่ของการใช้งานเร็วลื่นขึ้นตอบสนองต่อหน้าจอได้ดี ตัวเลขแอป การแจ้งเตือนอะไรต่างๆทำได้ดีครับและจะไม่มี App Drawer ครับเป็นหน้าหลักเลยแอปรวมทั้งหมดจะอยู่หน้าหลัก
ในส่วนของหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting นั้นเป็นโทนสีเขียวขาว พร้อมไอคอนเหลี่ยมทั้งหมดรวมถึงสามารถปรับ ความสว่างหน้าจออะไรได้ และเมื่อลากลงมาอีกก็จะเป็นหน้าตาตั้งค่าเต็มรูปแบบ พร้อมเลื่อนไปซ้ายได้อีก และแน่นอนว่า ยังคงแบ่งหน้าจอได้ โดยการเข้าแอปและกดปุ่มเคลียร์แอปค้างไว้ ก็เลือกแอปที่จะแบ่งได้เลย
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้