JJNY : ท่องเที่ยวสมุทรสาครจุก/สธ.ไม่ฟันธง เอาอยู่/เรืองไกรร้องกมธ.เรียก5ผบ.ทบ.แจงปมบ้านหลวง/‘โตโต้’พร้อมช่วยแรงงานพม่า

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ประเมินท่องเที่ยวสมุทรสาครจุก โควิดระลอกใหม่ทำเสียรายได้ 180-200 ล้าน ใน 1 เดือน
https://workpointtoday.com/kasikornresearch-samut-sakhon/
 

 
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินท่องเที่ยวสมุทรสาครจุก โควิดระลอกใหม่ทำเสียรายได้ 180-200 ล้านบาท ในช่วงระยะเวลา 1 เดือนนี้ (ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 63 – 19 ม.ค.64)
 
การท่องเที่ยวใน จ.สมุทรสาคร ต้องกลับมาหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมากในพื้นที่ จนนำมาซึ่งความจำเป็นที่ทางการต้องใช้มาตรการในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ อย่างการใช้มาตรการปิดเฉพาะพื้นที่ การขอให้สถานบริการร้านค้า เช่น ร้านอาหารให้เปิดบริการเฉพาะนำกลับ และการกำหนดเวลาการเข้าออกเคหสถาน เป็นเวลา 14 วัน (ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 63 – 3 ม.ค. 64)
  
ทั้งนี้ จ.สมุทรสาคร มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญซึ่งส่วนใหญ่เป็นการท่องเที่ยววิถีชุมชน โดยในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวพักค้างและแบบไปเช้า-เย็นกลับ เฉลี่ยประมาณ 1.6 ล้านคน  ซึ่งตลาดนักท่องเที่ยวหลักจะเป็นนักท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันได้สร้างรายได้ให้กับธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.7 พันล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.3% ของรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทยทั่วประเทศ แต่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 0.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของ จ.สมุทรสาคร
 
หลังจากที่ไทยสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในประเทศได้ สถานการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ทยอยกลับมาฟื้นตัวแต่ยังอยู่ระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับหลายจังหวัด จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า อัตราการเข้าพักในเดือน ต.ค. 63 อยู่ที่ 22.4% ลดลงจากเดือน ก.ย. 63 ที่อัตราการเข้าพักอยู่ที่ 23.4% ขณะที่การระบาดของโควิด-19 รอบใหม่นี้ น่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
 
แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่ได้มีการประกาศห้ามเดินทางข้ามจังหวัด และโรงแรมและที่พักในจ.สมุทรสาคร ยังสามารถเปิดให้บริการได้ก็ตาม แต่จากข้อมูลข่าวสารการพบผู้ติดเชื้อในจังหวัดทำให้นักท่องเที่ยวมีการยกเลิกและเลื่อนการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ แม้แหล่งท่องเที่ยวบางแห่งจะอยู่ห่างจากจุดที่เป็นศูนย์กลางการพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากก็ตาม
 
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การระบาดระลอกใหม่ในพื้นที่จะทำให้เกิดการสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวใน จ.สมุทรสาคร ในช่วงระยะเวลา 1 เดือนนี้ (ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 63 – 19 ม.ค.64) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 180-200 ล้านบาท (ภายใต้สมมติฐานที่ทางการสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่โซนที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมากและไม่ได้กระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ ของจังหวัด และทางการยังไม่มีมาตรการในการห้ามการเดินทางระหว่างจังหวัด)
 
ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวนี้ สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการกระทำได้ คือ การอัปเดทข้อมูลข่าวสารสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางต่างๆ ของผู้ประกอบการ อาทิ Facebook เว็บไซต์ หรือช่องทางไลน์ เป็นต้น เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับลูกค้าในตัดสินใจวางแผนเดินทางท่องเที่ยวหลังจากสถานการณ์ของโควิด-19 ดีขึ้น รวมถึงการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะมาใช้บริการ
 

 
สธ.เปิดใจ ไม่ฟันธงเอาอยู่ รับโควิด-19 รอบนี้หนักกว่ารอบก่อน
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2498880

แรงงานเมียนมาครวญเดือดร้อนมาก! ใช้ชีวิตลำบาก วอนคนไทยเห็นใจ ด้าน สธ. เปิดใจ ไม่ฟันธงเอาอยู่ รับโควิด-19 รอบนี้หนักกว่ารอบก่อน รายการโหนกระแสวันที่ 24 ธันวาคม “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ยังเกาะติดเรื่องโควิด-19 ล่าสุดรัฐบาลแบ่งโซนเป็นพื้นที่ควบคุม การล็อกดาวน์จะเป็นแบบไหนบ้าง โดยเปิดใจสัมภาษณ์ “ดร.สาธิต ปิตุเตชะ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
 
วันนี้เข้าประชุมเป็นอย่างไรบ้าง?
ดร.สาธิต : “ศบค. มีการแลกเปลี่ยนกันและเป็นการจัดการบริหาร เข้าใจว่าคนทั้งประเทศกำลังติดตาม อยากได้คำตอบว่าล็อกดาวน์มั้ย จะล็อกดาวน์แบบไหน จำกัดพื้นที่ และมีหลายความเห็น มุมนึงก็อยากได้ยาแรง ถ้าล็อกเลยหยุดการเคลื่อนไหว และสามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ใน 14 วันเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และไปเริ่มต้นกันใหม่ บางคนก็เห็นพ้องต้องกัน แต่บางคนบอกไม่ได้ อีกกลุ่มใหญ่ๆ บอกว่าการล็อกแบบตายตัว ปิดกิจการ ปิดกั้นการเดินทางจากจังหวัดสู่จังหวัด จะทำให้กระทบวิถีชีวิต กระทบเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวขึ้นมา เขาเลยคิดว่าถ้ามีวิธีการจัดการโรคระบาดได้โดยวิธีการล็อกเป็นพื้นที่หรือล็อกตามสถานการณ์พื้นที่จะเกิดประโยชน์สูงสุด ให้กระทบกับเศรษฐกิจน้อยที่สุด

ตอนแรกทางรัฐบาลจะแบ่งโซน สีเขียวสีแดง แต่เห็นว่าเปลี่ยนเป็นพื้นที่แทน?
ดร.สาธิต : “เพื่อให้จังหวัดเขาได้รู้ อย่างเช่นสมุทรสาคร เขาเป็นไข่แดงมีการระบาดเป็นจำนวนมาก ต้องเป็นพื้นที่ควบคุมและเคร่งครัด ปิดการเดินทางของแรงงานต่างด้าว ไม่ให้คนเข้าออก รวมทั้งคนไทยเข้าออก ต้องมีการแจ้งว่าคุณมาจากที่ไหน และจะไปที่ไหนอย่างไร เวลาเกิดปัญหาจะได้ค้นหาติดตามได้ ตามหลักการสอบสวนโรค”
 
ทั้งหมด 4 พื้นที่ควบคุม พื้นที่ควบคุมสูงสุดคือพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากและมีมากกว่าหนึ่งพื้นที่ย่อย สองพื้นที่ที่ติดกับพื้นที่สีแดง มีผู้ติดเชื้อเกิน 10 ราย มีแนวโน้มมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น อันนี้เป็นพื้นที่ควบคุม ต่อไปพื้นที่เฝ้าระวังสูง มีผู้ติดเชื้อไม่เกิน 10 ราย มีแนวโน้มควบคุมสถานการณ์ได้ สุดท้ายพื้นที่เฝ้าระวัง พื้นที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อและยังไม่มีสิ่งบอกเหตุมีผู้ติดเชื้อ ตอนนี้ถือว่ากระจายตัวไปเยอะหรือยัง อย่างกรุงเทพฯ โผล่มาทีเดียว 20 แล้ว?
ดร.สาธิต : “นับถึงวันนี้ 27 จังหวัด และอาจเพิ่มเติมในวันนี้ด้วย สถานการณ์ที่คนตื่นตระหนก สิ่งที่เราต้องการคือความเชื่อมั่น ถ้าเราไม่ได้รับความเชื่อมั่นและร่วมมือ ต่อให้รัฐบาลหรือสาธารณสุขเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ ฉะนั้นความเชื่อมั้นต้องมาก่อน ประชาชนติดตามข้อมูลจากศบค. หรือสาธารณสุข จะได้ชัดเจนและไทม์ไลน์การสอบสวนโรค เพื่อให้พวกเราติดตามแบบตื่นตัว แต่ไม่ถึงกับตื่นตระหนก”
 
ถ้าเราจะมองว่าตัวเลขอาจลดลง แต่มองในความเป็นจริง คิดว่าเอาอยู่มั้ย เพราะตัวเลขสูงกว่าในครั้งแรกที่เกิดขึ้น?
ดร.สาธิต : “คงฟันธงไม่ได้ว่าเอาอยู่หรือไม่ แต่พูดฟันธงว่าครั้งนี้หนักกว่าครั้งที่แล้ว ตอนเราพบหญิงสมุทรสาคร เอาอนุมานได้ว่าเขาติดมาจากแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาในช่องทางธรรมชาติ แรงงานสมุทรสาครมีจำนวนมาก ก่อนที่จะพบเขา เราไม่แน่ใจว่าก่อนหน้านี้มีการติดต่อไปเท่าไหร่แล้ว กระจายไปตรงไหนบ้าง พอเราพบเขา ก็ตรวจคนใกล้ชิด พบผู้ติดเชื้อในวงใกล้ชิดมากขึ้น แค่นี้ไม่พอ ต้องไปตรวจเชิงรุก เราก็ไปตรวจกับแรงงานต่างด้าวที่นั่น ซึ่งมีอยู่ 3-4 แสนคน เราไปตรวจแล้วพบผู้ติดเชื้อ 500 กว่าคนและมากขึ้นเรื่อยๆ แต่วันที่มากขึ้นเรื่อยๆ เราก็ใช้มาตรการซีลตรงนั้น วันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อก็ลดลง แต่ขณะเดียวกัน ไม่ได้บอกว่าจะเอาอยู่ เพราะเราทำตามข้อเท็จจริงและประสบการณ์ที่เราทำมา วันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อแรงงานต่างด้าวลดลง แต่เราไม่ทราบหรอกว่าวงที่เราค้นพบ ที่ไปโผล่ใน 27 จังหวัด ที่มีความสัมพันธ์กับตลาดกลางกุ้ง ถ้าเราตรวจสอบ เรามีความมั่นใจ แต่เมื่อไหร่ก็ตามถ้าเราตรวจพบผู้ติดเชื้อที่ได้มีสัมพันธ์กับตลาดกลางกุ้ง อันนี้น่าห่วงมาก”
 
พูดง่ายๆ เรายังตามได้ คนที่เจอเชื่อมโยงตลาดกลางกุ้งเราต้อนมาได้?
ดร.สาธิต : “ใช่ มันเลยเป็นที่มา พอเราพบที่นั่นที่นี่ วิธีการก็ขีดวงไม่ให้ไปที่ไหน ไม่มีใครผิดใครถูก ผู้เสนอก็บอกว่าล็อกไปเลยเพื่อให้อยู่ 14 วันจัดการให้เรียบร้อย แต่ขณะเดียวกัน การกระจายตัวไปเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ ทางวิชาการกระทบเศรษฐกิจที่น้อยกว่าทำได้ ไม่ต้องถึงกับปิดทั้งหมด ไม่มีอะไรผิดถูก อยู่ที่เราจะเลือกวิธีไหน”
 
ตอนนี้ผู้ประกอบการที่เป็นโรงงาน รับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย วันดีคืนดีกลัวความผิด เอาแรงงานไปที่อื่น กังวลเรื่องแบบนี้มั้ย?
ดร.สาธิต : “เป็นเรื่องต้องแก้ไขปัญหา เพราะเป็นเรื่องความหวาดวิตก ว่าจะมีความผิดมั้ย ตอนเชียงรายเป็นการไปทำงานสีเทา เวลาสอบสวนโรคก็ไม่ยอมบอกความจริง กรณีนี้ก็กลัวถูกดำเนินคดีตามกฎหมายก็เลยเอาไปปล่อยตัว ผมเรียนว่าการทำผิดเรื่องขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาต้องจัดการแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้ต้องหยุดโรคก่อนแล้วค่อยไปจัดการพวกนี่ทีหลัง จัดการให้เข้าระบบ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ต้องแก้ว่าสิ่งที่จะทำให้ทุกคนเดินเข้ามาในระบบสอบสวนโรคต้องทำวิธีอะไร เพื่อให้เขามาบอกความจริง ใครติดต้องบอกว่าไปไหนมาบ้าง”
 
เป็นไปได้มั้ยออกใบชั่วคราวให้เขาอยู่ เพื่อคุมเอาไว้?
ดร.สาธิต : “วันนี้กระทรวงแรงงานจะไปประชุมกันหลังจากนี้ว่าจะหาวิธีอะไรจัดการกับเรื่องนี้ให้เข้ามาสู่ระบบในการสอบสวนโรคให้ได้”
 
เขากลัวเรื่องแรงงานผิดกฎหมายแตกฮือ?
ดร.สาธิต : “แต่ต้องไปดูในเชิงกฎหมายเหมือนกัน ว่าการนิรโทษกรรมแบบนั้นทำได้มั้ย เพราะกฎหมายเดิมถ้าหลบหนีเข้าเมืองต้องส่งศาลและส่งกลับด้วยซ้ำไป แต่นี่ก็ส่งกลับไม่ได้อยู่ดี ต้องหาวิธีเข้ามาสู่การสอบสวนโรคให้มากที่สุด วันนี้กระทรวงแรงงานต้องไปคิดว่าพื้นที่เสี่ยง ต้องตรวจเชิงรุกให้มากที่สุดในพื้นที่เสี่ยง และพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวเข้าไปสัมพันธ์ด้วย และการตรวจก็ต้องใช้งบประมาณ นายกฯ สั่งการแล้วว่าต้องตรวจให้มากที่สุดในกลุ่มพวกนี้ เดี๋ยวศุกร์นี้ตอนเย็นผมจะไปตรวจตลาดไทเชิงรุก เพราะที่นั่นมีแรงงานต่างด้าวทำงานด้วย และคนมาตลาดไทมาจากหลายจังหวัด ไปซื้อผักที่นี่เอาไปขาย ต้องไปตรวจเชิงรุกว่ามีใครเป็นหรือไม่เป็น จะได้สกัดกั้นได้ทัน ทุกมาตรการต้องส่งเสริมมาเพื่อให้จัดการความเชื่อมั่น และสอบสวนโรคผู้ติดเชื้อให้ได้”
 
กรณีแรงงานต่างด้าว มีการประกันตน หรือประกันสุขภาพ อันนี้ที่เขาป่วยอยู่ สาธารณสุขเข้าไปดูแล?
ดร.สาธิต : “ถ้าเขามีสิทธิ์ประกันสังคม เราดูแล แต่เขากำลังจะเพิ่มว่าการตรวจพวกนี้ คนที่มีประกันสังคมจะได้รับการตรวจฟรีด้วย”
 
เข้ามาผิดกฎหมายล่ะ?
ดร.สาธิต : “อันนี้อยู่นอกระบบ จริงๆ ส่วนนี้ กรมควบคุมโรคมีหน้าที่ สมมติเขานิยามว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต้องได้รับการตรวจ การตรวจก็เป็นอีกช่องทางที่ต้องไปของบจากรัฐบาล งบกลางมาสำหรับจ่ายเงินสำหรับตรวจคนกลุ่มนี้ จะได้ไม่เป็นปัญหาอุปสรรค เวลาไปตรวจเชิงรุกแล้วจะเป็นห่วงเรื่องงบประมาณจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ไปตรวจให้หมดแล้วไปเบิกกับงบกลางนายกฯ”
 
สาธารณสุขเองมีความคิดอยากจำกัดวงแคบผู้ค้าแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาผิดกฎหมายยังไงบ้าง?
ดร.สาธิต : “อยากให้มองว่าสถานการณ์ป้องกันการแพร่ระบาดโควิดเป็นอันดับสำคัญสุดและไปกำหนดเป็นมาตรการ เรื่องการดำเนินการอื่นใดเรื่องเศรษฐกิจก็ต้องทำคู่กันไป ส่วนเรื่องการไปดำเนินการผู้ที่ทำให้เกิดการระบาดครั้งที่สองเป็นใคร ก็ต้องเอาไว้ก่อน ผมมั่นใจว่าถ้าท่านนายกฯ เอาจริง การสอบสวนย้อนหลัง การจ่ายผลประโยชน์กัน มันมีที่มา สามารถสอบสวนได้หลังสถานการณ์ที่เราคุมโรคระบาดได้ ผมมั่นใจว่าถ้าเราดำเนินการถูกต้องก็จะทำให้แรงงานที่เดินทางมาทำงานบ้านเรา อยู่ในระบบ และภายใต้สถานการณ์สามารถตามย้อนหลังได้ แต่ถ้าอยู่นอกระบบเมื่อไหร่ มันคือความยาก ที่เราจะไปติดตามตรวจสอบย้อนหลัง”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่