คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ปลอบใจนะคะ โอ๋ๆ (<-- จริงใจนะคะ)
อย่างนี้นะคะ
คุณก็รู้ตัวอยู่ว่าตัวเองมีปัญหาตรงไหน ทำไมไม่แก้มันซะล่ะ คุณ "งี่เง่า ขี้หึง แม้ว่าเขาไม่เคยมีเรื่องหญิงอื่น ทะเลาะถึงขั้นเลิกมาหลายครั้ง" เอาแค่นี้มนุษย์หน้าไหนจะทนได้ ใครจะไม่รู้สึกบ้างว่านี่คือการหาเรื่องทะเลาะกันโดยไม่มีเหตุผล คนรักกันเขาไม่ทำกันหรอกค่ะ คุณลองประเมินตัวเองด้วยใจเป็นกลางดูว่า "คุณรักเขา" หรือ "คุณรักตัวเองที่รักเขา" กันแน่ มันไม่เหมือนกันนะคะ ฉันจะไม่บอกให้คุณรักตัวเองหรอก เพราะเท่าที่ดู มีความเป็นไปได้ที่คุณจะรักตัวเองมากเว่อร์จนพ้นขีดอันควรไปแล้ว คุณไม่มีความเชื่อมั่นว่าชายที่คุณรักจะรักคุณเหมือนกันบ้างเหรอ เมื่อคุณไม่มั่นใจในความซื่อสัตย์ของเขาโดยไม่มีเหตุผล มันก็ไม่มีเหตุผลให้คบกันเหมือนกัน หรือคุณถือว่าเขาเป็นคนเดียวที่ต้องมานั่งกู้ความรู้สึกของคุณรึไง
มันง่ายดีใช่ไหมล่ะที่ให้คนอื่นมาแก้ปัญหาของเรา
เรื่องเหล่สาวอื่นเนี่ย ถ้าคุณหึงเพราะเรื่องทำนองนี้...คือมีแต่เด็กม.ต้นเขาทำกันค่ะ อยากเขาให้รักเราแบบที่ว่า ผู้หญิงคนอื่นดูไม่ต่างจากหัวเผือกหัวมัน หมดอารมณ์ทางเพศไปโดยสิ้นเชิง และรักหลงเราแค่คนเดียว ในโลกนี้มีผู้หญิงแค่เราคนเดียว
คุณต้องแยกแยะความจริงเสียก่อนว่า มองอย่างชื่นชมความงาม กับ มองอย่างรักใคร่ มันโคตรจะแตกต่างกันเลย
อธิบายง่ายๆ เหมือนคุณรักแฟนของคุณ ขณะเดียวกันคุณก็มองว่าณเดชหล่อมาก ต่อให้คุณกรี๊ดกับหัวนมอมชมพูของมาริโอ้แค่ไหน คุณก็รักแฟนคุณอยู่ดี
แฟนคุณก็เช่นกัน เขาอาจจะมองรูปหน้าอกของไอดอลทรงโตอยู่นาน และผู้หญิงคนนั้นก็อาจสวยกว่าคุณจริง แต่เขาก็ยังรักคุณเหมือนเดิม
มันก็แค่การมองสิ่งที่เจริญหูเจริญตา ใช่ว่าจะเลิกกับเราแล้วไปคบผู้หญิงคนนั้นแทนซะหน่อย
เรื่องการหึงงี่เง่า คุณก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองหึงไม่เข้าเรื่อง ดังนั้นเรื่องนี้ปรับตัวเองดีกว่าค่ะ หึงเฉพาะแบบที่มีเหตุให้ควรหึง ไม่งั้นมันเหนื่อยผู้ชายเขา ถึงไม่ใช่ผู้ชายคนนี้ แต่มนุษย์คนอื่นเขาก็เหนื่อยกับคุณได้เหมือนกัน
คุณรู้รึเปล่าว่า แค่มองอย่างเดียว (รู้จักกันรึก็ไม่) ไม่มีใครเรียกแบบนี้ว่า 'นอกใจ' กันนะคะ
คนที่หึงระราน ส่วนมากมีพื้นฐานจากการไม่เชื่อใจมนุษย์อยู่แล้ว อาจมีความหลังฝังใจในวัยเด็ก ถูกพ่อแม่หักหลังในบางเรื่อง คุณเลยไม่ไว้ใจใคร แม้แต่เรื่องงาน ถ้าทำเองได้ คุณจะเลือกทำเองมากกว่าโยนให้คนอื่นทำ คุณชอบควบคุมชะตากรรมของตัวเอง ไม่อยากให้ชะตากรรมอยู่ในมือคนอื่น สำหรับคุณแล้ว ความรักซึ่งเป็นเรื่องที่รับผิดชอบกันคนละครึ่งโดยแท้ คุณเลยไม่ไว้ใจเขา
ดังนั้น ไม่ว่าแฟนจะทำตัวอนามัยแค่ไหน เดี๋ยวคุณก็สรรหาเหตุแห่งความไม่เชื่อใจมาได้อยู่ดี เช่น ทำตัวอนามัยก็เลยน่าสงสัยว่าอาจจะมีคนอื่น ทำตัวน่าสงสัยก็น่าสงสัยว่าอาจจะมีคนอื่น นี่คือไม่เหลือพื้นที่ให้เขาได้วางตัวเลยนะ ไม่ว่าจะอยู่ยังไงก็หนีข้อหาน่าสงสัยไม่ได้ หนีจากการทะเลาะไม่ได้ แปลกตรงไหนที่เขาจะเหนื่อยกับคุณ ขี้เกียจคอลหาคุณ เผลอๆ ยิ่งคุยจะยิ่งเสี่ยงทะเลาะกันมากขึ้นอีก ถึงจะเป็นคนมีแฟนแล้ว แต่ก็อยากมีชีวิตที่ปกติสุขเหมือนกันนะคะ
ขืนคุณไม่แก้ไขนิสัยนี้ ถึงไม่ใช่แฟนคนนี้ เดี๋ยวก็มีปัญหากับแฟนคนอื่นอยู่ดี
เพราะปัญหามันอยู่ที่ตัวคุณ คุณไม่ไว้ใจแฟนของตัวเอง ไว้ใจได้ก็แค่ในระยะสั้นๆ
ส่วนใหญ่แล้ว คนที่หึงระรานจะหึงเฉพาะเรื่องงี่เง่า เรื่องเล็กๆ ที่แหย่ได้ พอเป็นเรื่องงานหรือเรื่องจริงจังก็ใช้เหตุผลเต็มเปี่ยมได้ดีเด่ มันก็เลยมักเป็นเหตุให้ต่างฝ่ายต่างตัดกันไม่ขาด (ก็เหตุผลที่อยากเลิกมีแค่เหนื่อยกับเรื่องงี่เง่านี่นา) ถ้าคุณมีระบบนี้ติดตั้งอยู่ในตัว ฉันเข้าใจนะว่ามันยากจะเชื่อใจใคร คนเขาลือกันว่า พวกคุณเป็นคนที่รักใครก็ทุ่มสุดตัว ให้หมดใจ พอเคยถูกหักหลังมาก่อนแล้วเจ็บมาก คุณเลยกลัวว่าถ้ารักคนนี้แล้วอาจจะเจ็บซ้ำอย่างนั้นอีกครั้ง เลยมัก "ทดสอบ" เขาด้วยการหาเรื่องงี่เง่ามาลองใจเขาว่ายังรักคุณอยู่ไหม (จะไม่ทดสอบด้วยเรื่องจริงจังแน่นอน) ถ้าเขาง้อ คุณก็เชื่อใจเขาต่อ วันดีคืนดีเกิดจู่ๆ ไม่ไว้ใจขึ้นมาอีก (ส่วนมากถ้าชีวิตราบรื่นดีก็จะไม่ค่อยไว้ใจ) คุณก็จะทดสอบซ้ำ ทำอย่างนี้วนไปเรื่อยๆ จนอีกฝ่ายหมดแรง คุณก็จะเป็นฝ่ายเข้าไปง้อแทน เพราะคุณรู้ตัวอยู่เหมือนกันว่าเรื่องที่ใช้ทดสอบเขาไปล้วนเป็นเรื่องงี่เง่า ดังนั้นแม้เขาไม่ง้อคุณ คุณก็เลยยังตัดใจจากเขาไม่ได้ เข้าไปง้อเองซะงั้น
ขืนปล่อยตัวเองให้ใช้ระบบนี้ต่อไป คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่ได้ครองคู่กับใครเลยสักคนค่ะ ทุกคนต่างถูกคุณทดสอบจนหมดแรงไปก่อน แม้ว่าเขาจะรักคุณจริงก็ตาม
มันมีคำตอบอยู่นะว่าบททดสอบประเภทไหนที่คุณทำแค่ครั้งเดียวแล้วเชื่อใจเขาได้เลย
นั่นคือ เขาตายแทนคุณ ค่ะ
ถ้าบังเอิญโชคดี เขารอดมาได้ คุณจะเลิกทดสอบเขาเลย ไม่ว่าเขาจะพิการอะไรยังไง คุณจะภักดีแค่เขาคนเดียว
ไม่มีระบบใดในโลกนี้ที่ชี้วัดความรักที่เขามีให้คุณได้หรอก คุณไม่มีวันรู้ว่าเขาหักหลังคุณ จนกระทั่งคุณถูกหักหลังไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อตัดสินใจจะรักใคร คุณต้องยอมรับให้ได้ว่ามันอาจจะจบด้วยความเจ็บ เพราะไม่มีใครรู้อนาคต ถูกไหมล่ะ
ฉันแนะนำว่า คุณควรยับยั้งชั่งใจตัวเองบ้าง คิดถึงเหตุผลเข้าไว้ อย่าไปเชื่ออารมณ์ให้มันมากนัก คุณแค่ระแวงว่าเขาอาจจะหมดรักคุณเมื่อไรก็ได้ ถ้าเขาทำตัวดีแล้ว คุณควรจัดการอารมณ์ของตัวเองให้ได้ด้วย อย่าให้ไปโหลดที่เขาฝ่ายเดียว เขาน่าสงสารออกค่ะ เขารักคุณนะ คุณไม่สงสารเขาบ้างเหรอ
ที่เขาคุยกับเพื่อน พอเขาลบข้อความ คุณก็ทะเลาะกับเขา แต่ถ้าเขาไม่ลบข้อความ คุณก็ทะเลาะกับเขาอยู่ดีไม่ใช่เหรอ และแม้เขาไม่ได้คุยเรื่องหญิงอื่นเลย คุณก็เพ้อเจ้อด้วยตัวเองได้ว่าเขาอาจจะแอบซ่อนไว้ จบที่การทะเลาะไม่ต่างกัน ถูกไหม
พูดเหมือนคบกับคุณมันยากเย็นนัก มันยากเย็นจริงค่ะ มากด้วย แต่แลกมาด้วยความรักจริงของคุณ เมื่อคุณยอมรักจนหมดใจแล้ว มีทีท่าว่าคุณอาจจะร่วมหัวจมท้ายกับเขาไปเลย สามารถมองชายอื่นเป็นหัวเผือกหัวมันได้เลย
สำหรับคุณ มันจึงคุ้มที่จะทดสอบใครบางคนเรื่อยไป คนที่ทนไม่ไหว คุณก็มองว่าเขาไม่ได้รักคุณจริง แล้วจบกันไป
คู่ของคุณน่ะจบไม่จริง ยังไม่มีฝ่ายไหนหักหลังกันจริง ดังนั้นจึงตัดกันไม่ขาดหรอก
แค่ทะเลาะกันด้วยเรื่องงี่เง่า และต่างคนก็รู้ด้วยว่ามันงี่เง่าเกินจะเป็นเหตุให้เลิกกัน
ฉันเคยเห็นคู่ที่มีอาการแบบนี้เลย ด้วยตาตัวเอง ระยะประชิด จำนวน 2 คู่
แม.ร่.ง.เลิกกันรายสัปดาห์ ถี่สุดคือเลิกกันวันเว้นวัน จนเพื่อนๆ ขี้เกียจฟังมันพล่าม ร้องไห้ก็ร้องไป คนสนใจฟังก็หมากันถ้วนหน้า
วันนี้เลิก ร้องไห้ นอนไม่หลับ (แต่ยังเอาการเอางานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น) วันรุ่งขึ้นดีกันละ แล้วมะรืนก็เลิกกันใหม่ ด้วยเหตุผลบ้าๆ บอๆ ทั้งนั้น ทุกครั้งที่เลิก มันเครียดจริงจัง เครียดถึงขั้นเกือบตาบอดเลยนะ เชื้อเริมกินม่านตาน่ะ
ฉันเป็นที่ปรึกษาให้ คนนึงคือขี้หึงระราน ส่วนอีกคนคือผู้ได้รับผลกระทบจากคนขี้หึงระราน
ฉันเอาอยู่แค่คู่ที่เพื่อนเป็นฝ่ายขี้หึงระรานค่ะ ทุกวันได้แต่ดึงสติมันไว้ กูรู้ว่ารักเขาเว่อร์ๆ แต่ช่วยคุมสติตัวเองหน่อยเพื่อน เมิงใจเย็น ถ้ารู้ว่าตัวเองหึงไม่เข้าเรื่อง ช่วยตระหนักถึงความไม่เข้าเรื่องนั้นด้วย ช่วยเข้าใจตัวเองด้วยว่าเมิงเป็นคนอย่างนี้ พวกเขาก็พอจะดึงความสัมพันธ์กันไหว ปีนี้ปีที่ 7 ค่ะ เพราะมันนานพอตัว เพื่อนฉันเลยไม่ค่อยระแวงภัยแล้ว ทดสอบน้อยลง ชีวิตคู่ดีขึ้น ฉันดูแล้วเหมือนจะอยู่ด้วยกันได้ตลอดไปแล้วล่ะค่ะ
ส่วนเพื่อนคนที่ได้รับผลกระทบ เอาไม่อยู่ค่ะ พี่แกหมดแรงซะก่อน ต่อให้เข้าใจอีกฝ่ายแค่ไหนแต่ก็ทำได้แค่อดทนเพิ่มขึ้นเท่านั้น ยิ่งอดทน คนขี้หึงก็ยิ่งจัดใหญ่ ยิ่งถูกจัดใหญ่ก็ยิ่งต้องทน ทนจนหมดสภาพ เพราะจากกันเหมือนคนยังรักกันก็เลยตัดใจยากมาก ฝ่ายขี้หึงก็มาง้อถี่จัด กว่าจะห่างกันจริงก็ซัดไปเดือนที่ 6 คุณคิดสภาพนะ...ต้องอดทนอยู่ฝ่ายเดียวตั้งครึ่งปีถึงจะเลิกได้ ฝ่ายขี้หึงโคตรเอาแต่ใจอะ ไม่ควบคุมตัวเองบ้างเลย
ถ้าว่ากันตามเซ้นซ์ของฉัน...ซึ่งเป็นแค่คนแปลกหน้าที่เดินผ่านมา
เดี๋ยวคุณก็คืนดีกับเขาแล้วล่ะ ไม่มีหรอกไอ้ความรู้สึกว่าเลิกกันครั้งนี้คือเลิกกันจริง สำหรับคุณ ทุกครั้งก็รู้สึกเหมือนจะเลิกจริงได้ทั้งนั้น แต่คุณจะเข้าไปง้อเขา รู้ว่าเขารัก คุณก็เลยพอรู้อยู่ว่ายังต่อติดได้ ลูกบ้าหนึ่งเดียวที่คุณมีก็คือ "แล้วจะเลิกกันไหมล่ะ (ประโยคคำถาม รอคำยืนยันจากอีกฝ่าย)" คุณพอรู้แหละว่านี่ไม่ใช่การบอกเลิก คุณบอกไปเพื่อหวังให้เขาไม่ยอมเลิกกันต่างหาก
ถ้าอยากตัดขาดอย่างที่ปากพูดจริงๆ
คุณแค่บอกเขาไปว่า "เลิกกันนะ" แล้วคุณก็หยุดสื่อสารกับเขาไปเลย ถ้าเขาติดต่อมา คุณก็ไม่ต้องตอบ
ถ้าอยากเลิกกัน คุณก็เลิกซะสิ ไม่มีอะไรยากนี่นา คุณชีช้ำไปสักสามสี่เดือน เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์
ยังคิดถึงเขาก็ปล่อยให้ตัวเองคิดถึงไป แค่ไม่ติดต่อกับเขาอีกก็พอ
การเลิกกันไม่เคยต้องรอให้อีกฝ่ายเซ็นยินยอมค่ะ คุณเลิกของคุณคนเดียวก็ถือว่าเลิกกัน
คุณแค่ไม่อยากเลิกจริงต่างหาก ยอมรับตัวเองเหอะ
ความที่ฉันเคยหมามาเยอะ หมาจนไม่รู้สึกรู้สากับความหมาอีกแล้ว ทำขนาดนี้แล้วเพื่อนก็ไปไหวตั้ง 1 คู่
ก็เลยวาดหวังอยู่บ้างว่า คู่ของคุณเจ้าของกระทู้ ถ้าแก้ไขถูกจุด ก็น่าจะไปไหวเหมือนกัน
ฉันบอกเพื่อนของฉันซ้ำๆ เหมือนข้อความข้างบนที่บอกคุณนี่แหละ
คนที่ทนคนขี้หึงงี่เง่าได้ ถ้าไม่ใช่เพราะรัก แล้วจะเพราะอะไรล่ะ ถ้าเขาไม่รักคุณ เขาไปนานแล้วเหอะ ใครจะทนกับคนหึงบ้าประสาทแตกได้ (คนนอกเขามองคุณอย่างนี้แหละ แต่ลึกๆ คุณไม่ได้ประสาทใดๆ คุณมีเหตุผลให้ต้องทำ)
ฉันอยากให้คุณได้ครองคู่กับคนที่รักคุณจริงค่ะ ซึ่งเขาผู้ทนคุณได้นาน อาจจะเป็นคนคนนั้นที่คุณตามหาอยู่ก็ได้
ฉันดึงสติเพื่อนอยู่ตั้ง 2 ปี กว่ามันจะปรับตัวได้ ไม่ง่ายล่ะค่ะสำหรับคุณที่จะหยุดหึง
แต่ถ้าคุณทำได้ ทดสอบเขาแบบที่ไม่ทำให้เขาเหนื่อยจนหมดแรงไปซะก่อน คุณก็จะไปรอดกับเขาค่ะ
อย่าพูดว่า ขอวิธีตัดใจแบบที่ไม่ใช่มาบอกว่าให้รักตัวเอง
เพราะวิธีตัดใจแท้ๆ หนึ่งเดียวจริงๆ คือการรักตัวเองนี่แหละ ถ้าอยู่กับเขาแล้วมันเหนื่อยนัก จะทรมานตัวเองไปทำไม
แต่ในเคสของคุณ ถ้าคุณเป็นคนประเภทเดียวกับเพื่อนขี้หึงของฉัน คุณน่ะรักตัวเองพอแล้ว แต่ควรรักเขาให้มากขึ้น อย่าให้เขาโหลดหนักนัก
ไม่มีใครในโลกนี้ที่แบกรับความรู้สึกขนาดนั้นไหวหรอกค่ะ
อย่างที่บอก ถ้าไม่หยุดตัวเอง ต่อให้ได้คบกับคนใหม่ ชีวิตรักก็วนเวียนอยู่อย่างเดิมอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม คุณอาจไม่ใช่คนประเภทเดียวกับเพื่อนฉันก็ได้ ฉันแค่อ่านแล้วได้กลิ่นว่าคุณเหมือนเพื่อนฉันเฉยๆ
คนขี้หึงงี่เง่ายังมีประเภทอื่นอยู่ด้วย เช่น ประเภทด้อยปัญญา ประเภทดันทุรังเอาแต่ใจ แต่ลักษณะความคิดค่อนข้างต่างจากคุณอยู่ไม่น้อย พวกนี้จะไม่แก้ตัวให้แฟนค่ะ ถ้าเชื่อว่าเขานอกใจ แม้ไม่มีเหตุผลอะไรก็จะฟันธงเลยว่าเขาทำจริง แต่คุณจะบอกว่าเขาไม่เคยมีประวัตินอกใจ แถมบอกด้วยว่าตัวเองงี่เง่า นี่เป็นจุดที่ทำให้ฉันเชื่อว่าคุณไม่ได้งี่เง่าจริงๆ หรอก (หัวเราะ) ซึ่งถ้าคุณไม่ได้คิดเหมือนเพื่อนของฉัน ก็ต้องกราบขออภัยที่คอมเม้นต์ของฉันไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้แก่คุณด้วยค่ะ
ก็ทำนองนี้ ด้วยความปรารถนาดี
ขอให้คุณได้ครองคู่กับคนที่รักคุณจริง ขอให้มีชีวิตคู่ที่ปกติสุขนะคะ ^^
อย่างนี้นะคะ
คุณก็รู้ตัวอยู่ว่าตัวเองมีปัญหาตรงไหน ทำไมไม่แก้มันซะล่ะ คุณ "งี่เง่า ขี้หึง แม้ว่าเขาไม่เคยมีเรื่องหญิงอื่น ทะเลาะถึงขั้นเลิกมาหลายครั้ง" เอาแค่นี้มนุษย์หน้าไหนจะทนได้ ใครจะไม่รู้สึกบ้างว่านี่คือการหาเรื่องทะเลาะกันโดยไม่มีเหตุผล คนรักกันเขาไม่ทำกันหรอกค่ะ คุณลองประเมินตัวเองด้วยใจเป็นกลางดูว่า "คุณรักเขา" หรือ "คุณรักตัวเองที่รักเขา" กันแน่ มันไม่เหมือนกันนะคะ ฉันจะไม่บอกให้คุณรักตัวเองหรอก เพราะเท่าที่ดู มีความเป็นไปได้ที่คุณจะรักตัวเองมากเว่อร์จนพ้นขีดอันควรไปแล้ว คุณไม่มีความเชื่อมั่นว่าชายที่คุณรักจะรักคุณเหมือนกันบ้างเหรอ เมื่อคุณไม่มั่นใจในความซื่อสัตย์ของเขาโดยไม่มีเหตุผล มันก็ไม่มีเหตุผลให้คบกันเหมือนกัน หรือคุณถือว่าเขาเป็นคนเดียวที่ต้องมานั่งกู้ความรู้สึกของคุณรึไง
มันง่ายดีใช่ไหมล่ะที่ให้คนอื่นมาแก้ปัญหาของเรา
เรื่องเหล่สาวอื่นเนี่ย ถ้าคุณหึงเพราะเรื่องทำนองนี้...คือมีแต่เด็กม.ต้นเขาทำกันค่ะ อยากเขาให้รักเราแบบที่ว่า ผู้หญิงคนอื่นดูไม่ต่างจากหัวเผือกหัวมัน หมดอารมณ์ทางเพศไปโดยสิ้นเชิง และรักหลงเราแค่คนเดียว ในโลกนี้มีผู้หญิงแค่เราคนเดียว
คุณต้องแยกแยะความจริงเสียก่อนว่า มองอย่างชื่นชมความงาม กับ มองอย่างรักใคร่ มันโคตรจะแตกต่างกันเลย
อธิบายง่ายๆ เหมือนคุณรักแฟนของคุณ ขณะเดียวกันคุณก็มองว่าณเดชหล่อมาก ต่อให้คุณกรี๊ดกับหัวนมอมชมพูของมาริโอ้แค่ไหน คุณก็รักแฟนคุณอยู่ดี
แฟนคุณก็เช่นกัน เขาอาจจะมองรูปหน้าอกของไอดอลทรงโตอยู่นาน และผู้หญิงคนนั้นก็อาจสวยกว่าคุณจริง แต่เขาก็ยังรักคุณเหมือนเดิม
มันก็แค่การมองสิ่งที่เจริญหูเจริญตา ใช่ว่าจะเลิกกับเราแล้วไปคบผู้หญิงคนนั้นแทนซะหน่อย
เรื่องการหึงงี่เง่า คุณก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองหึงไม่เข้าเรื่อง ดังนั้นเรื่องนี้ปรับตัวเองดีกว่าค่ะ หึงเฉพาะแบบที่มีเหตุให้ควรหึง ไม่งั้นมันเหนื่อยผู้ชายเขา ถึงไม่ใช่ผู้ชายคนนี้ แต่มนุษย์คนอื่นเขาก็เหนื่อยกับคุณได้เหมือนกัน
คุณรู้รึเปล่าว่า แค่มองอย่างเดียว (รู้จักกันรึก็ไม่) ไม่มีใครเรียกแบบนี้ว่า 'นอกใจ' กันนะคะ
คนที่หึงระราน ส่วนมากมีพื้นฐานจากการไม่เชื่อใจมนุษย์อยู่แล้ว อาจมีความหลังฝังใจในวัยเด็ก ถูกพ่อแม่หักหลังในบางเรื่อง คุณเลยไม่ไว้ใจใคร แม้แต่เรื่องงาน ถ้าทำเองได้ คุณจะเลือกทำเองมากกว่าโยนให้คนอื่นทำ คุณชอบควบคุมชะตากรรมของตัวเอง ไม่อยากให้ชะตากรรมอยู่ในมือคนอื่น สำหรับคุณแล้ว ความรักซึ่งเป็นเรื่องที่รับผิดชอบกันคนละครึ่งโดยแท้ คุณเลยไม่ไว้ใจเขา
ดังนั้น ไม่ว่าแฟนจะทำตัวอนามัยแค่ไหน เดี๋ยวคุณก็สรรหาเหตุแห่งความไม่เชื่อใจมาได้อยู่ดี เช่น ทำตัวอนามัยก็เลยน่าสงสัยว่าอาจจะมีคนอื่น ทำตัวน่าสงสัยก็น่าสงสัยว่าอาจจะมีคนอื่น นี่คือไม่เหลือพื้นที่ให้เขาได้วางตัวเลยนะ ไม่ว่าจะอยู่ยังไงก็หนีข้อหาน่าสงสัยไม่ได้ หนีจากการทะเลาะไม่ได้ แปลกตรงไหนที่เขาจะเหนื่อยกับคุณ ขี้เกียจคอลหาคุณ เผลอๆ ยิ่งคุยจะยิ่งเสี่ยงทะเลาะกันมากขึ้นอีก ถึงจะเป็นคนมีแฟนแล้ว แต่ก็อยากมีชีวิตที่ปกติสุขเหมือนกันนะคะ
ขืนคุณไม่แก้ไขนิสัยนี้ ถึงไม่ใช่แฟนคนนี้ เดี๋ยวก็มีปัญหากับแฟนคนอื่นอยู่ดี
เพราะปัญหามันอยู่ที่ตัวคุณ คุณไม่ไว้ใจแฟนของตัวเอง ไว้ใจได้ก็แค่ในระยะสั้นๆ
ส่วนใหญ่แล้ว คนที่หึงระรานจะหึงเฉพาะเรื่องงี่เง่า เรื่องเล็กๆ ที่แหย่ได้ พอเป็นเรื่องงานหรือเรื่องจริงจังก็ใช้เหตุผลเต็มเปี่ยมได้ดีเด่ มันก็เลยมักเป็นเหตุให้ต่างฝ่ายต่างตัดกันไม่ขาด (ก็เหตุผลที่อยากเลิกมีแค่เหนื่อยกับเรื่องงี่เง่านี่นา) ถ้าคุณมีระบบนี้ติดตั้งอยู่ในตัว ฉันเข้าใจนะว่ามันยากจะเชื่อใจใคร คนเขาลือกันว่า พวกคุณเป็นคนที่รักใครก็ทุ่มสุดตัว ให้หมดใจ พอเคยถูกหักหลังมาก่อนแล้วเจ็บมาก คุณเลยกลัวว่าถ้ารักคนนี้แล้วอาจจะเจ็บซ้ำอย่างนั้นอีกครั้ง เลยมัก "ทดสอบ" เขาด้วยการหาเรื่องงี่เง่ามาลองใจเขาว่ายังรักคุณอยู่ไหม (จะไม่ทดสอบด้วยเรื่องจริงจังแน่นอน) ถ้าเขาง้อ คุณก็เชื่อใจเขาต่อ วันดีคืนดีเกิดจู่ๆ ไม่ไว้ใจขึ้นมาอีก (ส่วนมากถ้าชีวิตราบรื่นดีก็จะไม่ค่อยไว้ใจ) คุณก็จะทดสอบซ้ำ ทำอย่างนี้วนไปเรื่อยๆ จนอีกฝ่ายหมดแรง คุณก็จะเป็นฝ่ายเข้าไปง้อแทน เพราะคุณรู้ตัวอยู่เหมือนกันว่าเรื่องที่ใช้ทดสอบเขาไปล้วนเป็นเรื่องงี่เง่า ดังนั้นแม้เขาไม่ง้อคุณ คุณก็เลยยังตัดใจจากเขาไม่ได้ เข้าไปง้อเองซะงั้น
ขืนปล่อยตัวเองให้ใช้ระบบนี้ต่อไป คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่ได้ครองคู่กับใครเลยสักคนค่ะ ทุกคนต่างถูกคุณทดสอบจนหมดแรงไปก่อน แม้ว่าเขาจะรักคุณจริงก็ตาม
มันมีคำตอบอยู่นะว่าบททดสอบประเภทไหนที่คุณทำแค่ครั้งเดียวแล้วเชื่อใจเขาได้เลย
นั่นคือ เขาตายแทนคุณ ค่ะ
ถ้าบังเอิญโชคดี เขารอดมาได้ คุณจะเลิกทดสอบเขาเลย ไม่ว่าเขาจะพิการอะไรยังไง คุณจะภักดีแค่เขาคนเดียว
ไม่มีระบบใดในโลกนี้ที่ชี้วัดความรักที่เขามีให้คุณได้หรอก คุณไม่มีวันรู้ว่าเขาหักหลังคุณ จนกระทั่งคุณถูกหักหลังไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อตัดสินใจจะรักใคร คุณต้องยอมรับให้ได้ว่ามันอาจจะจบด้วยความเจ็บ เพราะไม่มีใครรู้อนาคต ถูกไหมล่ะ
ฉันแนะนำว่า คุณควรยับยั้งชั่งใจตัวเองบ้าง คิดถึงเหตุผลเข้าไว้ อย่าไปเชื่ออารมณ์ให้มันมากนัก คุณแค่ระแวงว่าเขาอาจจะหมดรักคุณเมื่อไรก็ได้ ถ้าเขาทำตัวดีแล้ว คุณควรจัดการอารมณ์ของตัวเองให้ได้ด้วย อย่าให้ไปโหลดที่เขาฝ่ายเดียว เขาน่าสงสารออกค่ะ เขารักคุณนะ คุณไม่สงสารเขาบ้างเหรอ
ที่เขาคุยกับเพื่อน พอเขาลบข้อความ คุณก็ทะเลาะกับเขา แต่ถ้าเขาไม่ลบข้อความ คุณก็ทะเลาะกับเขาอยู่ดีไม่ใช่เหรอ และแม้เขาไม่ได้คุยเรื่องหญิงอื่นเลย คุณก็เพ้อเจ้อด้วยตัวเองได้ว่าเขาอาจจะแอบซ่อนไว้ จบที่การทะเลาะไม่ต่างกัน ถูกไหม
พูดเหมือนคบกับคุณมันยากเย็นนัก มันยากเย็นจริงค่ะ มากด้วย แต่แลกมาด้วยความรักจริงของคุณ เมื่อคุณยอมรักจนหมดใจแล้ว มีทีท่าว่าคุณอาจจะร่วมหัวจมท้ายกับเขาไปเลย สามารถมองชายอื่นเป็นหัวเผือกหัวมันได้เลย
สำหรับคุณ มันจึงคุ้มที่จะทดสอบใครบางคนเรื่อยไป คนที่ทนไม่ไหว คุณก็มองว่าเขาไม่ได้รักคุณจริง แล้วจบกันไป
คู่ของคุณน่ะจบไม่จริง ยังไม่มีฝ่ายไหนหักหลังกันจริง ดังนั้นจึงตัดกันไม่ขาดหรอก
แค่ทะเลาะกันด้วยเรื่องงี่เง่า และต่างคนก็รู้ด้วยว่ามันงี่เง่าเกินจะเป็นเหตุให้เลิกกัน
ฉันเคยเห็นคู่ที่มีอาการแบบนี้เลย ด้วยตาตัวเอง ระยะประชิด จำนวน 2 คู่
แม.ร่.ง.เลิกกันรายสัปดาห์ ถี่สุดคือเลิกกันวันเว้นวัน จนเพื่อนๆ ขี้เกียจฟังมันพล่าม ร้องไห้ก็ร้องไป คนสนใจฟังก็หมากันถ้วนหน้า
วันนี้เลิก ร้องไห้ นอนไม่หลับ (แต่ยังเอาการเอางานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น) วันรุ่งขึ้นดีกันละ แล้วมะรืนก็เลิกกันใหม่ ด้วยเหตุผลบ้าๆ บอๆ ทั้งนั้น ทุกครั้งที่เลิก มันเครียดจริงจัง เครียดถึงขั้นเกือบตาบอดเลยนะ เชื้อเริมกินม่านตาน่ะ
ฉันเป็นที่ปรึกษาให้ คนนึงคือขี้หึงระราน ส่วนอีกคนคือผู้ได้รับผลกระทบจากคนขี้หึงระราน
ฉันเอาอยู่แค่คู่ที่เพื่อนเป็นฝ่ายขี้หึงระรานค่ะ ทุกวันได้แต่ดึงสติมันไว้ กูรู้ว่ารักเขาเว่อร์ๆ แต่ช่วยคุมสติตัวเองหน่อยเพื่อน เมิงใจเย็น ถ้ารู้ว่าตัวเองหึงไม่เข้าเรื่อง ช่วยตระหนักถึงความไม่เข้าเรื่องนั้นด้วย ช่วยเข้าใจตัวเองด้วยว่าเมิงเป็นคนอย่างนี้ พวกเขาก็พอจะดึงความสัมพันธ์กันไหว ปีนี้ปีที่ 7 ค่ะ เพราะมันนานพอตัว เพื่อนฉันเลยไม่ค่อยระแวงภัยแล้ว ทดสอบน้อยลง ชีวิตคู่ดีขึ้น ฉันดูแล้วเหมือนจะอยู่ด้วยกันได้ตลอดไปแล้วล่ะค่ะ
ส่วนเพื่อนคนที่ได้รับผลกระทบ เอาไม่อยู่ค่ะ พี่แกหมดแรงซะก่อน ต่อให้เข้าใจอีกฝ่ายแค่ไหนแต่ก็ทำได้แค่อดทนเพิ่มขึ้นเท่านั้น ยิ่งอดทน คนขี้หึงก็ยิ่งจัดใหญ่ ยิ่งถูกจัดใหญ่ก็ยิ่งต้องทน ทนจนหมดสภาพ เพราะจากกันเหมือนคนยังรักกันก็เลยตัดใจยากมาก ฝ่ายขี้หึงก็มาง้อถี่จัด กว่าจะห่างกันจริงก็ซัดไปเดือนที่ 6 คุณคิดสภาพนะ...ต้องอดทนอยู่ฝ่ายเดียวตั้งครึ่งปีถึงจะเลิกได้ ฝ่ายขี้หึงโคตรเอาแต่ใจอะ ไม่ควบคุมตัวเองบ้างเลย
ถ้าว่ากันตามเซ้นซ์ของฉัน...ซึ่งเป็นแค่คนแปลกหน้าที่เดินผ่านมา
เดี๋ยวคุณก็คืนดีกับเขาแล้วล่ะ ไม่มีหรอกไอ้ความรู้สึกว่าเลิกกันครั้งนี้คือเลิกกันจริง สำหรับคุณ ทุกครั้งก็รู้สึกเหมือนจะเลิกจริงได้ทั้งนั้น แต่คุณจะเข้าไปง้อเขา รู้ว่าเขารัก คุณก็เลยพอรู้อยู่ว่ายังต่อติดได้ ลูกบ้าหนึ่งเดียวที่คุณมีก็คือ "แล้วจะเลิกกันไหมล่ะ (ประโยคคำถาม รอคำยืนยันจากอีกฝ่าย)" คุณพอรู้แหละว่านี่ไม่ใช่การบอกเลิก คุณบอกไปเพื่อหวังให้เขาไม่ยอมเลิกกันต่างหาก
ถ้าอยากตัดขาดอย่างที่ปากพูดจริงๆ
คุณแค่บอกเขาไปว่า "เลิกกันนะ" แล้วคุณก็หยุดสื่อสารกับเขาไปเลย ถ้าเขาติดต่อมา คุณก็ไม่ต้องตอบ
ถ้าอยากเลิกกัน คุณก็เลิกซะสิ ไม่มีอะไรยากนี่นา คุณชีช้ำไปสักสามสี่เดือน เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์
ยังคิดถึงเขาก็ปล่อยให้ตัวเองคิดถึงไป แค่ไม่ติดต่อกับเขาอีกก็พอ
การเลิกกันไม่เคยต้องรอให้อีกฝ่ายเซ็นยินยอมค่ะ คุณเลิกของคุณคนเดียวก็ถือว่าเลิกกัน
คุณแค่ไม่อยากเลิกจริงต่างหาก ยอมรับตัวเองเหอะ
ความที่ฉันเคยหมามาเยอะ หมาจนไม่รู้สึกรู้สากับความหมาอีกแล้ว ทำขนาดนี้แล้วเพื่อนก็ไปไหวตั้ง 1 คู่
ก็เลยวาดหวังอยู่บ้างว่า คู่ของคุณเจ้าของกระทู้ ถ้าแก้ไขถูกจุด ก็น่าจะไปไหวเหมือนกัน
ฉันบอกเพื่อนของฉันซ้ำๆ เหมือนข้อความข้างบนที่บอกคุณนี่แหละ
คนที่ทนคนขี้หึงงี่เง่าได้ ถ้าไม่ใช่เพราะรัก แล้วจะเพราะอะไรล่ะ ถ้าเขาไม่รักคุณ เขาไปนานแล้วเหอะ ใครจะทนกับคนหึงบ้าประสาทแตกได้ (คนนอกเขามองคุณอย่างนี้แหละ แต่ลึกๆ คุณไม่ได้ประสาทใดๆ คุณมีเหตุผลให้ต้องทำ)
ฉันอยากให้คุณได้ครองคู่กับคนที่รักคุณจริงค่ะ ซึ่งเขาผู้ทนคุณได้นาน อาจจะเป็นคนคนนั้นที่คุณตามหาอยู่ก็ได้
ฉันดึงสติเพื่อนอยู่ตั้ง 2 ปี กว่ามันจะปรับตัวได้ ไม่ง่ายล่ะค่ะสำหรับคุณที่จะหยุดหึง
แต่ถ้าคุณทำได้ ทดสอบเขาแบบที่ไม่ทำให้เขาเหนื่อยจนหมดแรงไปซะก่อน คุณก็จะไปรอดกับเขาค่ะ
อย่าพูดว่า ขอวิธีตัดใจแบบที่ไม่ใช่มาบอกว่าให้รักตัวเอง
เพราะวิธีตัดใจแท้ๆ หนึ่งเดียวจริงๆ คือการรักตัวเองนี่แหละ ถ้าอยู่กับเขาแล้วมันเหนื่อยนัก จะทรมานตัวเองไปทำไม
แต่ในเคสของคุณ ถ้าคุณเป็นคนประเภทเดียวกับเพื่อนขี้หึงของฉัน คุณน่ะรักตัวเองพอแล้ว แต่ควรรักเขาให้มากขึ้น อย่าให้เขาโหลดหนักนัก
ไม่มีใครในโลกนี้ที่แบกรับความรู้สึกขนาดนั้นไหวหรอกค่ะ
อย่างที่บอก ถ้าไม่หยุดตัวเอง ต่อให้ได้คบกับคนใหม่ ชีวิตรักก็วนเวียนอยู่อย่างเดิมอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม คุณอาจไม่ใช่คนประเภทเดียวกับเพื่อนฉันก็ได้ ฉันแค่อ่านแล้วได้กลิ่นว่าคุณเหมือนเพื่อนฉันเฉยๆ
คนขี้หึงงี่เง่ายังมีประเภทอื่นอยู่ด้วย เช่น ประเภทด้อยปัญญา ประเภทดันทุรังเอาแต่ใจ แต่ลักษณะความคิดค่อนข้างต่างจากคุณอยู่ไม่น้อย พวกนี้จะไม่แก้ตัวให้แฟนค่ะ ถ้าเชื่อว่าเขานอกใจ แม้ไม่มีเหตุผลอะไรก็จะฟันธงเลยว่าเขาทำจริง แต่คุณจะบอกว่าเขาไม่เคยมีประวัตินอกใจ แถมบอกด้วยว่าตัวเองงี่เง่า นี่เป็นจุดที่ทำให้ฉันเชื่อว่าคุณไม่ได้งี่เง่าจริงๆ หรอก (หัวเราะ) ซึ่งถ้าคุณไม่ได้คิดเหมือนเพื่อนของฉัน ก็ต้องกราบขออภัยที่คอมเม้นต์ของฉันไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้แก่คุณด้วยค่ะ
ก็ทำนองนี้ ด้วยความปรารถนาดี
ขอให้คุณได้ครองคู่กับคนที่รักคุณจริง ขอให้มีชีวิตคู่ที่ปกติสุขนะคะ ^^
แสดงความคิดเห็น
อยากตัดใจจากแฟนที่ดูเหมือนไม่ได้รักเราแล้วต้องทำยังไง