ในช่วงนี้ใครจะออกไปเที่ยวไหนก็คงคิดหนักกันอยู่ใช่มั๊ยหล่ะครับ ด้วยเศรษฐกิจและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทำให้ใครหลายๆคนไม่ค่อยอยากออกมาเที่ยว มาใช้เงิน กันซักเท่าไหร่ เมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งอย่างภูเก็ตกลายเป็นเมืองร้างอย่างที่เค้าบอกกันจริงๆ ป่าตองกลายเป็นป่าช้าไปเลย ขนาดที่ว่าเมืองท่องเที่ยวยังประสบปัญหาขนาดนี้ แล้วเมืองรองเล็กๆหล่ะ เค้าจะเป็นยังไงบ้างนะ

แต่เอาเป็นว่า สำหรับใครที่ยังไม่มีโอกาสได้ออกมาเที่ยวหรือใครกำลังจะมีแพลนมาเที่ยวที่ “ภูเก็ต” ผมขออาสาพาเดินทางไปรู้จักเจ้า"เกาะแมว"

ที่แรกของไทยกันเลยดีกว่า สำหรับ คนที่กำลังมองหาเกาะใกล้ๆ ไปเที่ยวง่าย ใช้พลังงานไม่เยอะมาก “เกาะไข่แมว” หรือเกาะไข่ ถือเป็น 1 ในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ และผมเชื่อว่าทุกคนจะประทับใจ และอาจจะทำให้ทริปเที่ยวใต้ของทุกคน สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน 

ผมและเพื่อนๆได้ไปทริปครั้งนี้กับ LOVE ANDAMAN แพคเกจทริปจะเป็นทริปครึ่งวัน เลือกได้เลยครับว่าจะไปช่วงเช้าหรือช่วงบ่าย

 สามารถติดต่อผ่านทาง Travel agency ชื่อ WADEE TRAVEL ใครอยากตามมาผมจะแปะลิ้งไว้ให้ตรงนี้นะครับ 

สามารถทักไปขอรายละเอียดและจองทริปกันได้เลย >http://m.me/wadeetravelkhaolak <  

ใครสะดวกเดินทางมาขึ้นเรือด้วยตัวเองก็จะประหยัดค่ารถหน่อย หรือจะให้ทางทีมงานจัดหารถรับ-ส่งที่พักได้ด้วย ตกคนละ 200 บาทครับ

ท่าเรือที่จะไปเกาะไข่แมวชื่อ “ ท่าเรือวิสิษฐ์พันวา “ พอถึงท่าเรือแล้วเนี่ยสิ่งแรกเลยเราก็จะเข้าไปทำการเช็คอินและรับประทานอาหารเช้ากันก่อน จากนั้นทางไกด์ก็จะมีบรีฟให้ความรู้และแพลนของทริปในวันนี้ ตรงท่าเรือมีมุมถ่ายรูปสวยๆอยู่นะครับ 

เผื่อใครนั่งรอแล้วไม่มีอะไรทำก็มาแชะภาพอวดโซเชียลกันก่อนได้เลย

โปรแกรมเกาะไข่แมว เรือจะไปจอดสองที่ครับ ที่แรกเราจะไปกันที่ “ เกาะไข่นอก “ เรือจะจอดให้เราเที่ยวชมเกาะประมาณ 50 นาที

เกาะไข่นอกเป็นเกาะเล็กๆ ใช้เวลาประมาณ 10 - 15 นาที ก็เดินได้รอบเกาะแล้วครับ

หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมที่นี่ถึงชื่อว่า “เกาะไข่”  ก็เพราะว่าชายหาดที่นี่เนื้อทรายละเอียด สีขาวนวลคล้ายกับสีของเปลือกไข่

น้ำทะเลตรงเกาะไข่นอกใสและสีสวยมากๆ ที่นี่ปลาเสือค่อนข้างเยอะบริเวณริมหาด

ผมคิดว่าก่อนหน้านี้นักท่องเที่ยวน่าจะมาให้อาหารปลากันเยอะ น้องๆ เลยมารอกันเพียบเลยตอนนักท่องเที่ยวลงมาถึงเกาะ 

* การให้อาหารปลาอาจทำให้เกิดความเพลิดเพลินต่อนักท่องเที่ยว แต่ก็ส่งผลเสียต่อระบบนิเวศ และต่อปลาโดยตรง * 

เพราะฉะนั้นถ้าใครไปเที่ยวที่ไหน พบเจอการให้อาหารปลา ให้เลี่ยงนะครับ หรือถ้าทำได้ก็ฝากเตือนๆกันด้วย เพราะ การให้อาหารปลามันเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการหาอาหารของปลา ทำให้สิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศเสียสมดุล ปลาจะหยุดวัฏจักรการหาอาหารกินตามธรรมชาติ 

เกาะไข่นอกจะมีโขดหินอยู่ทั่วบริเวณเกาะ มีร้านค้าเปิดอยู่บ้างประปราย โดยบนเกาะจะมีทั้งมีร่มและเตียงผ้าใบสีสันสดใสให้บริการเรียงรายอยู่หน้าหาด สำหรับใครที่อยากพักผ่อน ทานน้ำผลไม้เย็นๆพร้อมกับชมวิวท้องฟ้าและทะเลสีครามก็จัดไปได้เลยครับ ถือว่าได้อุดหนุนคนท้องถิ่นไปด้วย

ตอนนี้ร้านค้าบนเกาะแทบจะปิดเกือบหมด บางร้านก็มีปล่อยร้างไปเลย ผมก็ยังคิดภาพไม่ออกเหมือนกันนะว่า

ช่วงก่อนหน้านี้ตอนประเทศเปิดแล้วนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเป็นพันๆต่อวัน บรรยากาศมันจะเป็นแบบไหนกันนะ

หลังจากจบทริปเกาะไข่นอกแล้ว จุดหมายต่อไปคือ "เกาะไข่ใน" ครับ ที่นี่ถือเป็น Highlight สำคัญของทริปเลยก็ว่าได้

เกาะไข่นอกถือว่าเป็น Appetizer เรียกน้ำย่อยเบาๆ ส่วนตัวผมชอบเกาะไข่ในมากกกกก เกาะเล็กๆแต่สวยโคตรๆ

สำหรับทาสแมวเกียมใจไว้ให้ดีเลยนะครับ ส่วนตัวผมเป็น Dog person แต่ก็ชอบสัตว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ทริปนี้เจอน้องเข้าไปก็เป๋อยู่เหมือนกันครับ น้องดูเฟรนลี่ขี้เล่น ขี้อ้อนสุดๆ แถมทำงานกันเก่งมาก ชอบถ่ายรูปด้วย

น้องๆ ก็จะอยู่กันกระจัดจายไปทั่วทั้งเกาะแหละครับ แต่ตอนผมไปก็จะประจำกันอยู่ในซุ้มอาหารที่ทุกคนเอามาบริจาค

บ้างก็หลบแดดนอนอยู่ใต้ต้นไม้ บ้างก็เล่นกันอยู่หน้าหาด 

สำหรับใครอยากสนิทกับน้องอย่างรวดเร็วแนะนำให้ติดขนมแมวเลียมาด้วยก็ดีครับ น้องๆชอบกินกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ข่าวว่าน้องๆซูบผอมกันมาก

แต่ช่วงนี้ดูแล้ว น่าจะมีกินกันพอสมควร เพราะตอนผมไป ก็มีกรุ๊ปอื่นๆเข้ามาพร้อมกระสอบอาหารแมวเป็นสิบๆ เห็นแล้วดีใจแทนน้องๆเลยครับ

เพราะช่วงโควิด เด็กๆก็ได้รับผลกระทบพอสมควรอยู่

ทำไมที่นี่ถึงมีแมวเยอะ ?  ก็เพราะว่าบนเกาะร้านค้าส่วนใหญ่เป็นร้านอาหาร ชาวบ้านเลยพาเจ้าแมวมาจัดการจำนวนประชากรของหนู แต่ไม่ได้ควบคุมเจ้าเจ้าแมวอย่างถูกวิธี  แมวๆเลยพากันสร้างอาณาจักรแมวขึ้นมาเป็นร้อยตัวบนเกาะ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีหน่วยงานเข้ามาช่วยทำหมันให้น้องบ้างแล้วครับ 

เห็นกล้องไม่ได้เลย พุ่งเข้าใส่ตลอด เป็นเกือบทุกตัวด้วยครับ 

นุดๆ อยากกิงงไอก้อนดำๆ มันกิงได้ป่าววววว

บริเวณโซนรับประทานอาหารก็มีมุมเท่ห์ๆไว้หลบแดดถ่ายรูปชิคๆ คู่กับวิวด้านหลังของเกาะไข่ใน

อีกหนึ่งจุดที่ผมชอบมากๆ ก็คงจะเป็นกองหินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณหลังเกาะหรือหลังโซนรับประทานอาหาร

ผมและเพื่อนๆเสียเวลาไปนานมากกับการถ่ายรูปตรงจุดนี้ เรียกได้ว่าลืมกินข้าวกันไปเลย 

มุมถ่ายรูปเยอะมากครับ จะซ้ายขวาบนล่าง ได้หมด ไม่ติด ใครชอบถ่ายรูป โซนนี้เพลินแน่นอน (แต่ต้องสู้แดดหน่อยนะ)

สำหรับใครอยากจะปีนหินขึ้นไปถ่ายรูปสวยๆ อยากให้ระวังกันด้วยนะครับ ข่าวนักท่องเที่ยวประสบอุบัติเหตุเพราะถ่ายรูปมีให้เห็นค่อนข้างบ่อยในช่วงหลังๆ จริงๆผมก็เป็นอีกคนที่ถ่ายรูปค่อนข้างเสี่ยง กระโดดผา ปีนต้นไม้ตลอด หลังๆก็เริ่มเบาลงเยอะ สนุกได้แต่ต้องมีสติด้วยนะครับ (อันนี้เหมือนเตือนตัวเอง)

หินก้อนนี้สามารถขึ้นไปบนยอดได้ด้วยนะครับมีทางเดินขึ้นอยู่ ไม่ต้องปีนขึ้นมา แต่ตอนที่ผมขึ้นไปค่อนข้างร้อนด้วย แดดจ้ามาก รองเท้าก็ไม่ได้ใส่ กว่าจะได้รูปสวยๆมาก็เหน็ดก็เหนื่อยอยู่เหมือนกัน เอาเป็นว่าอย่าหาทำ ใส่รองเท้าขึ้นมาดีกว่าครับ ใครมี GOPRO อย่าลืมพก selfie stick มาด้วยนะครับ 

มุมนี้เก็บบรรยากาศมุมสูงของไข่แมวได้ดีเลยทีเดียว

ทางทัวร์จะมีบริการ Picnic set พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ ให้สำหรับเป็นพร๊อบถ่ายรูปหรือไว้พักผ่อนนอนชิวริมหาดอย่างมีสใตล์

ถ้าจองล่วงหน้าราคา 300 บาทครับ หน้างานราคา 350 บาท ผมแนะนำว่าให้ไปกางหน้าหาดดีกว่าหน้าหินนะ

เพราะโซนด้านหลังจะค่อนข้างร้อนและไม่สามารถปักร่มลงไปได้เพราะด้านล่างทรายมีหินเยอะมากๆ

หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จ ไกด์ก็ขึ้นมาตามไปดำน้ำตื้นหน้าหาดกันต่อ ซึ่งวันที่ผมไปเป็นวันแรกที่แดดออกหลังจากภูเก็ตโดนพายุฝนอย่างรุนแรง

น้ำในวันนั้นเลยขุ่นเป็นพิเศษ เรียกได้ว่า ต้องดำลงไปเท่านั้นถึงจะมองเห็นว่ามีอะไรบ้าง แต่คิดว่าวันไหนน้ำใส ที่นี่คงจะสวยมากๆแน่นอน

เพราะปะการังเยอะจริง ปลาก็ค่อนข้างเยอะด้วย

เสียดายมากก ไว้รอบหน้าจะกลับมาแก้ตัวใหม่ ปะการังแน่นจริง นี่ขนาดดำลงไปมั่วๆนะครับ เพราะมองจากผิวน้ำแทบจะไม่เห็นอะไรเลย

บรรยากาศบริเวณหน้าหาดนะครับ ใครพลังยังเหลือก็เดินถ่ายรูปกันต่อกันได้ยาวๆ 

****** มีต่อด้านล่างนะครับ *******