จริงไหมครับ กับคำพูดที่ว่า คนที่เป็นแฟนในวัยเรียนส่วนใหญ่มักไม่ได้ลงเอยกัน

มีผู้ใหญ่เคยบอกผมว่า การเป็นแฟนกันในตอนวัยเรียนมหาลัยหรือวัยที่เด็กกว่านี้ ส่วนใหญ่แล้วมักไม่ได้แต่งกัน เพราะมักจะมีเหตุให้เลิกกันไปเสียก่อนจะได้แต่ง
คู่ที่จะได้แต่งกันส่วนมากมักเป็นคู่ที่เจอกันในวัยทำงานแล้ว
(คำว่าส่วนใหญ่ แปลว่า มีข้อยกเว้นที่คู่ที่เป็นแฟนกันตั่งแต่สมัยเรียนได้แต่งกัน แต่มีไม่เยอะเท่ากับคู่ที่เลิกกันไปเสียก่อน)

อยากทราบว่าจริงเท็จแค่ไหนครับ

ปล. ขออนุญาตไม่นับคู่ที่ต้องรีบแต่ง เพราะฝ่ายหญิงท้องนะครับ นับเฉพาะคู่ที่แต่งตอนพร้อมแล้ว
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ผมว่าเป็นเพราะเจออุปสรรคหลายๆอย่างโดยที่วุฒิภาวะยังไม่ถึงครับ  คบกันตอน ม.ปลาย ถ้าขึ้นมหาลัยแยกจากกัน ถ้าไม่เข้าใจกันจริง ไม่ต้องถึงคำว่าเวลา แค่คำว่าระยะทางก็พอที่จะทำให้เลิกกันแล้ว

ถ้าผ่านจุดนี้ไปแล้วไปกันรอด อุปสรรคต่อมาคือตอนเริ่มทำงาน พอทำงานต่างคนต่างมีภาระ มีความเครียด ความเหนื่อย กลับมาเจอกันก็แทบจะล้มตัวลงนอน อาจจะไม่ได้คุยกันเลย การเงียบเพราะอยู่คนเดียวดีกว่าการเงียบเพราะอยู่สองคนนะ ถ้าแบ่งเวลาให้กันไม่ได้ก็ไปกันไม่รอด

ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้อีก คราวนี้แต่ละคนก็มีสิทธิเจอคนใหม่ๆที่ทำงาน พี่ๆที่มีหน้าที่การงานมั่นคง มีเงินเดือนสูง มีความสามารถ พอเจอคนในสเปคในระดับที่ดูแลคนอื่นได้ บางครั้งก็อาจจะไปเปรียบเทียบกับแฟนตัวเอง(ซึ่งพึ่งเริ่มทำงาน) อาจนำพาไปสู่การผิดใจกัน และไปต่อไม่ไหว

ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้อีก อุปสรรคใหญ่สุดต่อมาคือ "การเบื่อ" ถ้าสามารถอยู่ด้วยกันมานานหลักเกิน10ปีตั้งแต่ รู้ใส่รู้พุงกันหมด มองในแง่ดีคือเข้าใจกันดี มองในแง่ร้ายคือไม่มีอะไรให้ถวิลหาอีกแล้ว อุปสรรคนี้ผมว่าทุกคู่หลังแต่งงานก็เจอ เพราะต้องอยู่ด้วยกันไปจนแก่ แต่เพราะวุฒิภาวะพวกเขาเพียงพอทั้งคู่แล้วเขาจึงอยู่กันได้

ถ้าผ่านทั้งหมดนี้ไปได้ปัญหาที่เหลือคือ สินสอด กับพ่อตาแม่ยายแล้วครับ 555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่